Showing posts with label บ้านกทม. Show all posts
Showing posts with label บ้านกทม. Show all posts

Monday 18 November 2019

ชีวิตผู้เสพยาต่อ (8)

แต่ตอนนั้นน้องยังทำตัวใจแข็งดื้อไปอีก
ยังไม่ยอมกลับบ้านหรือบอกแม่ว่าเค้าโดนบาดเจ็บ
'ผมยังไม่พร้อมที่จะกลับบ้านเค้าพูดซ้ำไปอีก
ผมจะขอร้องแค่ไหนแต่เค้าไม่ยอมฟัง
สำหรับพวกเราที่ต้องเห็นเค้าเล่นกับเสี่ยงอันตรายขนาดนี้เกือบทุกวัน
เหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นกับน้องเป็นเรื่องที่เราทนรับยาก
แต่ถ้าน้องไม่ยอมเลิกเล่นยาหรือไปขอโทษแม่ เราจะทำอะไรให้ได้ 
แม่รับลูกให้กลับบ้าน
น้องชายของธีร์

น้องชายธีร์ไปเที่ยวกับแม่

ผมไม่เคยเห็นแม่ ซึ่งใจแข็งมากกว่าลูกอีก เดินไปหาลูก
หรือไปฝากคนให้ถามดูซิว่า เค้าเป็นยังไงบ้าง
ทั้งๆทีเค้าน่าจะรู้เรื่องถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกก็ตาม 
หนึ่งในกลุ่มคนที่ชอบไปเล่าเรื่องน้องให้แม่ฟังคือน้องชายของธีร์เอง
เด็กชาย บี ชอบเล่นอยู่ในซอยแล้วเมื่อไหร่ที่ได้เห็นหรือเจอพี่เค้าและพอกลับบ้านก็จะแจ้งให้แม่ทราบ
ผมมารู้ทีหลังว่าเมื่อน้อง บี ได้เจอพี่นอนอยู่กลางแจงที่โต๊ะแปดหรือในซอยนั้นเอง
น้อง บี แอบกลับไปบอกแม่ไว้
แม่ก็เลยฝากค่ากินไว้ให้กับน้องเอาไปส่งให้ธีร์
(คือเค้าไม่ยอมออกไปหาธีร์เอง แต่ใช้น้องไปส่งตังค์ให้แทน)
น่ารักมั้ย
น้อง บี เป็นเด็กเรียนเก่ง
เป็นแก้วตาดวงใจของแม่จริง
เค้ายังอายุน้อยแต่พูดแสบๆเป็นนะ
ถ้าย้อนเวลากลับไปเมื่อประมาณสองปีที่แล้ว 
ผมได้เจอน้อง บี บ่อยที่บ้านเพื่อนที่กินเหล้าข้างในซอย
น้อง บี ชอบแวะไปมาหาผมคุยเล่นตอนที่เรานั่งกินเหล้าดูทีวีกันเล่น
น้องมักจะมาพร้อมกับเพื่อนเด็กอีกคน
แล้วก็นั่งถามถึงชีวิตคนต่างชาติหลายเรื่องสารพัดไปเล่นๆ
น้อง บี ก็พูดถึง พี่ธีร์ ไปด้วยแต่ดูเหมือนจะหาอะไรดีๆ ของพี่ให้เราฟังไม่ได้เลย
'
พี่ธีร์เล่นยา ไม่จบเรียน ไม่ยอมหางานทำ เป็นคนไม่ดี'
เค้าสรุปบทแบบนี้เหมือนท่องคำด่าที่เกี่ยวกับพี่ไว้ขึ้นใจเอาไว้ไปพูด เมื่อไหร่ก็ตามที่มีใครถามถึง
คือแม่คงบ่นให้น้องฟังว่าธีร์เป็นลูกไม่ดี
พอรับรู้ว่าแม่ไม่พอใจ น้องก็เอาคำตินี้ไปแพร่กระจายต่อให้ทุกคนทราบ 
เหมือนลูกคนเล็กคนเนี้ยะที่คอยปกป้องแม่
ธีร์รู้ดีว่าน้องคิดไม่ดีกับเค้าด้วย
เพราะทุกครั้งที่พี่กับน้องเจอกันในซอย ธีร์ไม่ยอมคุยกับน้องบีสักคำเลย
เมื่อไรที่น้องได้เจอพี่ธีร์นั่งอยู่กับพวกเราที่บ้านวุฒิ
ธีร์ชอบทำตัวว่าไม่รู้จักน้อง
ผมขอร้องให้ทักน้องบ้าง แต่ธีร์ไม่ยอมพูดอะไรไป
จนน้องต้องเดินกลับบ้านผิดหวัง ก็น่าเสียได้
-
และแล้วข่าวที่เรารอลุ้นกันมานาน ก็เกิดขึ้นจนได้
เมื่อเร็วๆนี้ ผมกำลังเข้าตึกจอดรถอย่างเหมือนเคย ที่ใกล้โต๊ะแปดจุดรวมชาวบ้านข้างในชุมชน
และถูกแม่ค้าเรียกคุย
เค้ารู้ว่าผมกำลังดูแลน้องอยู่
ป้าคนหนึ่งชี้ไปที่ม้านั่งยาว ซึ่งเป็นที่นอนประจำน้องอยู่ใต้ต้นไม้  แล้วก็บอกว่า
'เมื่อคืนน้องไม่ได้ออกมานอนนะ'
'ทำไมเหรอผมถามต่อ
‘รู้รึยัง แม่น้องยอมให้มันกลับบ้านแล้วไมเคิล คือเค้าไม่ต้องไปนอนข้างนอกแล้ว'  
ป้าคนนี้เล่าต่อ
'ซื้อข้าวให้มันไปเถอะ แล้วเอาไปให้มันกินที่บ้านเค้าก็ได้ เพราะแถวนี้ไม่มีใครเอามันอีกแล้ว’
อ้าว พูดตรงๆแต่เช้าเลย ผมคิดในใจ
ป้าพวกนี้ ซึ่งเป็นชาวบ้านในซอยเหมือนกัน ก็สงสารน้องอยู่แล้วและรู้จักครอบครัวธีร์ตั้งแต่เค้ายังเป็นเด็กโน่น แต่ถึงจะเป็นห่วงบ้างแต่เค้าไม่อยากเจอน้องนอนข้างนอกในสภาพสกปรกแบบนั้นหรอก
เค้ากลัวว่าลูกค้า คือชาวบ้านในชุมชนข้างในนั้น จะไม่พอใจถ้าต้องเจอน้องในสภาพตัวซกมกของเค้า นอนใกล้ๆ แผงทำกับข้าว 
'นอกจากยอมให้ธีร์กลับ แม่ก็ได้เปิดห้องเช่าให้มันด้วย ใกล้กับบ้านแม่เอง'
ป้าพูดต่อ

now, see here

ชีวิตผู้เสพยาต่อ (7)

คือเค้าเก็บแกะก้นบุหรี่ที่คนอื่นทิ้งไป 
ฉีกก้นบุหรี่ทิ้ง แล้วก็ดึงเส้นยาออกมา
เก็บใส่ไว้ในถุงไปเรื่อย เมื่อได้เส้นพอแล้ว จะค่อยม้วนเป็นบุหรี่ใหม่ 
เหมือนคนยากจนจริง แต่ขยันดีหน่อย อิอิ
นอกจากถุงและเงินทอนนั้นเค้าไม่มีอะไรติดตัวเลย
ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีกระเป๋าตังค์ หรือบัตรประชาชน
พอน้องตื่นนอนมา ผมจะฝากเงินให้เค้าไว้ติดตัวเป็นค่ากิน
แล้วก็ส่งน้องกลับไปที่ซอย
ทุกครั้งที่เราพาน้องออกไปข้างนอกอีกที
ผมรู้สึกเศร้าที่เค้าต้องกลับไปสู้กับชีวิตลำบากนั้น
แต่น้องเลือกเอง เค้ายังไม่พร้อมจะเลิกยา
-

คอนโดที่ผมอยู่ เดินตรงไปจะเจอโต๊ะแปดอยู่ใต้ต้นไม้
ถ้าพาน้องกลับมาที่ห้อง ผมต้องรอเวลาที่แฟนไม่อยู่
เค้าไม่อยากให้ผมพาเด็กวัยรุ่นจากซอยนั้นกลับบ้านเพราะไม่รู้จักกัน
แล้วปกติผมจะไม่พาใครๆกลับหรอก
แต่แฟนผมรู้จักแม่น้องเป็นนานแล้ว
จากเมื่อก่อน ที่เราจ้างแม่น้องไปซักรีดเสื้อผ้าเราที่บ้านแม่นั้นเอง (เค้ารับงานนี้เพื่อจะหารายได้เสริม)
ในช่วงนั้นแม่เล่าให้แฟนฟังว่า เค้ามีปัญหากับลูกชายคนโตคือธีร์นัันเอง (แต่ตอนนั้นยังไม่ได้ไล่เค้าออกจากบ้าน)
แฟนผมถึงรู้ว่า น้องชอบเล่นยา ไม่ยอมไปทำงาน เป็นเด็กเกเรนั้นเอง
แฟนเตื่อนผมไว้ห้ามไปยุ่ง
'ไอ้วัยรุ่นติดยาแถวนี้ไม่เกรงใจใครเลย เค้าเป็นเด็กไม่ดี' แฟนผมว่าไป
พอผมอธิบายว่า ตั้งแต่เค้าออกจากบ้านแม่ น้องจะไม่มีใครดูแลตอนนี้และผมอยากช่วยเค้า แฟนผมเข้าใจเราแต่ก็ยังไม่สบายใจเท่าไร
'
ไม่ต้องเสือกเอาปัญหาในซอยนั้นกลับมาที่บ้านกูเค้าพูดต่อ
เค้าไม่แฮปปี้ด้วยที่ตอนนี้น้องอาศัยผมไปซักผ้าให้เค้า แทนที่จะช่วยตัวเอง
'เค้าทำเองได้ ไม่ได้เป็นง้อยขาเป๋สักหน่อย แกจะไปเหนื่อยทำให้เค้าทำไม อย่าไปดูแลจนเว่อร์ขนาดนั้น'
ผมไม่แน่ใจว่าน้องทำเป็นจริงรึป่าว
แต่ผมต้องเห็นด้วยกับแฟน
ต่อจากนั้นเราเปลี่ยนวิธีการซัก
โดยใช้เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ที่มีอยู่กระจายเพียบในซอย

หันไปขโมยของเพื่อรอด

หลายเดือนผ่านไปแล้ว แต่เรายังไม่มีวี่แววว่าแม่จะรับลูกกลับบ้าน
ในช่วงหลังๆ ตอนที่ไม่มีเงินจริง หรือน้องไม่อยากรบกวนขอความช่วยเหลือจากใครๆแล้ว
น้องเริ่มขโมยของ เล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อจะเอาตัวรอดไป แล้วก็ดันไปเจอเหตุอันตรายด้วย
มีวันหนึ่ง น้องและเพื่อนลักลอบเข้าคอนโดผม
แอบเข้าตึกที่จอดรถ หาเศษเหล็กตัวน๊อต เอาไปขายไว้เพื่อไปเป็นค่ากินข้าว
เค้าถอดเหล็กออกจากเครื่องออกกำลายในห้องยิมชั้น 10
(วันถัดไปลูกบ้านที่ขึ้นไปเล่นฟิตเนสก็เปิดใช้เครื่องลู่วิ่งไม่ได้เพราะขาดน๊อตอะไรสำคัญๆ ของเครื่องกล)
ต่อมาน้องและเพื่อนเดินไปขอเงินจากชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้ทางริมคอนโด
จนมีเรื่องเกิดเหตุโวยวาย
ผมกำลังเดินเข้าตึกจอดรถพอดีแล้วก็เห็นน้องและเพื่อนวิ่งขับมอไซค์กลับไปที่โต๊ะแปด เค้าหาที่หลบคนด่าท่ามกลางชุลมุนเสียงดัง
นอกจากกวนชาวบ้านแถวนั้น น้องไปต่อย รปภ ประจำคอนโดด้วย
หลังจาก รปภ พยายามไปช่วยชาวบ้านที่สร้างความวุ่นวาย
จากเหตุการนี้ทางคอนโดมีหลักฐานจากกล้องวงจรปิดและพยานหลักฐานเพียบ
แต่เค้าไม่เอาเรื่อง
น้องโชคดีที่ทางออฟฟิศคอนโด เป็นกันเอง ก็รู้จักเด็กชุมชนดีและสงสารเค้า เลยไม่ได้ดำเนินเรื่องไป
แต่เหตุการณ์โขมยของและรบกวนชาวบ้านนั้นยังไม่พอ น้องยังดันไปเจออุบัติเหตุขาเป็นแผลฉีกเข้าไปอีกในช่วงแย่ๆในชีวิตเค้าตอนนี้
มีคนบอกว่า เค้าเดินออกไปข้างนอก แอบบุกสถานที่ก่อสร้างหาเหล็กไว้ไปแลกกับเงินอย่างเหมือนเดิม
น้องปีนกองแท่งเหล็กก่อสร้างตึก อะไรประมาณนั้น แต่กลับล้มตกลงมากับกองเหล็กนั้นเลยโดนเหล็กแท่งหนึ่งเสียบเข้าที่ตาตุ่ม
น้องเดินกระโผลกกระเผลกกลับบ้าน
แผลใหญ่เหวอะเลือดไหลเป็นหลายอาทิตย์แต่ไม่มีใครพาเค้าไปหาหมอ
น้องกลัวแผลที่ขาจะเกิดอักเสบ
เค้าบอกผมว่า 'ผมไม่อยากเสียขา'


now, see here

ชีวิตผู้เสพยาต่อ (6)

พอดีมีสาวสองคนที่น้องรู้จักเดินมา เค้ากำลังเข้าตรอกกลับบ้านแต่ผมเรียกเค้ามาช่วยคุยกับน้องก่อน
เค้าคุยกับน้องรู้เรี่อง เค้าถามเจ้าตัวเกี่ยวกับแม่นิดหนึ่งแล้วหันไปบอกผมว่า
'ไม่ต้องกังวลนะไมเคิล เค้าเป็นยังนี้อยู่แล้ว เค้าชอบเล่นยาจนเมา เค้าจะไม่ทำร้ายกับตัวเองหรอก'
พูดไปแล้วสาวๆ สองคนสวยๆเดินเข้าตรอกเพราะเวลาดึกแล้ว
ผมโล่งใจที่ได่ยินข่าวนี้ แต่ไม่ได้รอช้า ผมรีบลาน้องไปด้วย แล้วก็เดินกลับบ้านตัวเอง
โดยทิ้งน้องนั่งเงียบในสภาพเดิมๆเมายาของเค้า

ผมพาน้องกลับบ้าน
ถ่ายจากหน้าโต๊ะแปดหันไปทางคอนโด
ผมพาน้องกลับไปที่ห้องสักสองสามครั้ง ตามคำแนะนำพวกป้า 
ที่เห็นว่าน้องต้องการคนเทคแคร์เค้าให้ดีๆหน่อย
เค้าจะได้พักและอาบน้ำได้เต็มที่ก่อนกลับไปสู้กับชีวิตในซอยต่อ
คนที่นั่งพักเล่นที่บ้านวุฒิเป็นวัยหนุ่มๆ ที่ทำงานกันหมดแล้ว
ไม่มีใครว่างๆ ช่วยดูแลน้องอะไรกันมากหรอก
ก่อนที่เราพาน้องกลับไปที่คอนโด ผมจะเตรียมเสื้อผ้าที่เค้าใช้ไปแล้วและเก็บเป็นกองที่บ้านวุฒิ
เอาไว้ไปซักที่ห้องเรา
ผมต้องชวนเพื่อนๆ เค้าไปพร้อมกับเรา เพื่อความสบายใจน้อง
เพื่อนบางคนดูไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่นัก
ผมเคยโดนคนพวกนี้หยิบโขมยของจากห้องแฟนเมื่อไปเยี่ยมห้องผมสมัยก่อน
น้องเองมีประวัติการขโมยของเล็กๆ บ้าง เพื่อจะเอาตัวรอดในช่วงวิกฤตินี้
แต่ตามนิสัยไม่ได้เป็นขี้ขโมยหรอก
ผมยังไว้ใจเค้าเต็มที่
น้องต้องการคนช่วยเหลือเค้า คงจะไม่ลืมบุญคุณผมจนทำเนรคุณคนแบบนั้นหรอก
พอเดินถึงห้องแล้วผมจะให้น้องไปอาบน้ำก่อน 
ในขณะเพื่อนๆน้องนั่งคุยกัน ผมจะรับหน้าที่อุ่นกับข้าวให้เรากินกัน
จากนั้นผมจะให้น้องนอนพักบนโซฟา
และผมจะเอาเสื้อผ้าน้องไปซักต่อ
ซักเสร็จแล้วจะเอาไปตากที่หน้าระเบียง
แล้วก็รอให้น้องตื่น
บางครั้งพวกพี่ๆ ในซอยโทรมาเรียกเพื่อนน้องให้กลับไปทำธุระข้างในซอยให้เค้า
ดังนั้นเพื่อนๆจะขอกลับก่อนโดยทิ้งน้องอยู่กับผมคนเดียว
แต่น้องไม่ได้หวั่นไหวอะไร
ธีร์เข้าใจว่าผมอยากช่วยเค้า ไม่มีใจหลอกลวงเด็กหรอก

วันนั้นที่เราพาธีร์ไปที่ห้อง น้องดูหน้าผอมมากแต่สะอาดดีแล้วหลังอ่าบน้ำเสร็จเรียบร้อย

ผมสังเกตุว่า ไม่ว่าน้องจะอาบน้ำนานแค่ไหน แต่ตอนเค้าออกจากห้องน้ำมายังมีกลิ่นตัวเหม็นๆติดอยู่

แกยังตัวเหม็นอยู่ ขอให้กลับไปอาบอีกที เราจะสอนให้แกถูตัวให้ดี ผมบอกเค้า
ผมให้น้องถอดเสื้อผ้าออกอีกทีนอกจากกางเกงในแล้วก็พาเค้ากลับไปที่อ่างน้ำไปอาบซ้ำ
ผมเอาแปรงเล็กๆไปถูตัวเค้าแรงๆ จากหัวจรดเท้า
เน้นรักแร้และที่เล็บนิ้วเล็บเท้า เราก็ถูๆแรงๆจนตัวน้องสะอาดหอมดี
โดยน้องไม่ได้ว่าอะไร
ผมรับหน้าที่เป็นผู้ช่วยน้องเหมือนพ่อนั้นแระ
แล้วผมมั่นใจว่า น้องอยากมีคนค่อยดูแล
มาถึงตอนสระผมแล้ว
ผมจับหัวเค้าด้านหลัง
น้องเงยหน้าขึ้นหลับตาไว้ให้ผมเทแชมพูสระผม
เค้าเงียบเหมือนเดิมเหมือนรู้หน้าที่ตัวเอง
ว่าน้องเป็นฝ่ายผู้ได้รับการดูแล และผมเป็นฝ่ายจัดการให้เค้า
เค้าถึงไม่ได้รู้สึกอับอายหรือว่าอะไร
ผมนึกคิดทีหลังว่า น้องอาจจะไม่มีใครเคยสอนให้เค้าอาบน้ำเมื่อก่อน
อย่างที่ว่าไปแล้ว เค้าอยู่ในโลกที่แคบมาก ไม่ค่อยได้ดูทีวี ไม่อ่านหนังสือ ไม่มีฮ๊อบบี้ (งานอดิเรก)
และไม่มีใครพาเค้าออกไปเที่ยวข้างนอกมากเท่าไรหรอก
ตอนนี้เค้ามีคนน้อยมากเข้าไปในชีวิต
เราต้องช่วยเค้าบ้าง
ผมหยิบกางเกงขาสั้นน้องไปซักด้วยมือ
เราเห็นว่าน้องไม่ค่อยมีอะไรติดตัวในกระเป๋า
มีเงินติดตัวเบ็ดเสร็จราว 5-10 บาท
นอกนั้นผมเจอถุงพลาสติค ถุงหนึ่ง ที่มียาเส้นบุหรี่รวมๆเก็บเอาไว้

now, see here

ชีวิตผู้เสพยาต่อ (5)

จากนั้นน้องก็ค่อยช่วยผมจัดการอะไรที่เกี่ยวกับการใช่มือ
เช่นแกะถุงขนมให้ หรือเปิดขวดเหล้าเป็นต้น
แล้วก็ค่อยติผมเบาๆ ถ้าผมยังทำผิดแกะไม่เป็น
เปิดให้ดีๆหน่อยซิไมเคิล เค้าชอบว่ายังนี้ แล้วก็จับของไปทำเอาเอง
บางครั้งผมอาจจะพูดสวีทๆ กับเค้าเพื่อจะสร้างความผูกพันให้เพิ่มขึ้น
'ผมรักแก อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ แต่ผมจะไม่เลิกรัก'
การพูดไปแบบนี้อาจฟังหวานเกินไปแต่ผมไม่อยากให้เค้าเจออันตาราย
เค้าเดินที่ไหน ผมชอบตัวติดเค้าด้วยจนเค้ายอมรับว่าผมเป็นห่วง
หลังเจอผมทำบ่อยๆ น้องก็เริ่มใจอ่อนลง และบอกผมทุกทีถ้าจะเดินไปหาเพื่อนที่โต๊ะแปดนั้น
เค้าจะแจ้งผมไว้ก่อนด้วยว่า จะไปทำอะไรและกลับเมื่อไร 
โต๊ะแปดตอนกลางคืน จะดูเละหน่อย
กลับไปที่โต๊ะแปด มีวันหนึ่งที่ผมยังดูแลน้องและพวกป้าเรียกผมมาคุย 
เค้าเห็นน้องนอนอยู่ใต้ตนไม้และเรียกผมไปปลุกน้องให้กินข้าว 
ผมปลุกน้องตามเคยแต่เมื่อเห็นสภาพร่างเค้า คือตัวสกปรก เลือดซึมออกจากแผลขาเหวอะ (เดี๋ยวจะอธิบาย และเสื้อผ้าพะรุงพะรังอีก ผมเกิดสะเทือนใจและเก็บอารมณ์ไม่ไหว จู่ๆ ผมร้องไห้ต่อหน้าทุกคน 
ผมไม่น่าจะเสียฟอร์มขนาดนี้จริงๆ แต่ผมไม่อยากเห็นเค้าในสภาพไร้คุณค่าแบบนี้ เมื่อเห็นผมร้อง น้องพูดเฉยๆว่า 'ไมเคิลอย่าร้องเค้าพูดเหมือนไร้ความรู้สึก 
น้องน่าจะรู้ว่าสภาพตัวเองดูแย่จริงๆ และเข้าใจว่าผมเป็นห่วง แต่เค้าเลือกทางนี้ไปแล้ว และตอนนั้นยังไม่พร้อมกลับบ้าน 
ถึงจะไม่พูดออกมาแต่พวกป้าคงเห็นว่า นิสัยผมดูแปลกๆ เพราะเค้าไม่ได้สงสารน้องมากนัก เค้าน้อยใจต่างหากที่ทั้งแม่กับลูกยังดื้อ และไม่ยอมคืนดีกัน และชอบโยงปัญหาทางครอบครัวไปรบกวนชาวบ้าน 
มีอีกวันหนึ่ง ผมกำลังพาน้องออกจากโต๊ะแปดเข้าตรอกไปส่งที่บ้านวุฒ แต่น้องแอบได้ยินพวกป้าบ่นในเชิงว่า ทำไมแม่เค้าไม่เลี้ยงดูแลลูกให้ดีกว่านี้’ 
เค้าหมายถึงว่า พวกเราต้องดูแลแทนแม่จนแม่กลายเป็นหนี้บุญคุณเราก็ว่าได้ ถ้ารวมยอดเงินค่าการประคองชีวิตน้องตั้งแต่เค้าโดนไล่ออกจากบ้าน บิลทั้งหมดอาจจะทะลุหลายพันบาทแล้วละมั้ง 
ป้าพวกนี้พูดเผลอๆไป แต่เมื่อน้องได้ยินก็โมโหมาก  ‘พวกเค้าด่าแม่ผม ไอ้เหี้ย น้องพูดกับผม แต่ไม่ได้ตอบโต้เค้า 
ผมย้อนนึกถึงวันที่เจอกันที่โต๊ะแปดครั้งแรก หลังจากแม่ลงดาบไล่เค้าออกจากบ้าน
ผมเห็นน้องนั่งอยู่คนเดียวสภาพมึนเมายาตอนมืดๆ
ผมพึ่งเลิกกินเหล้ากับเพื่อนข้างใน และกำลังเดินกลับบ้านพอดี
น้องแต่งตัวมอมแมมยิ้มกับตัวเองเป็นเด็กเด๋อ
ผมทักทายธีร์แต่น้องคุยไม่รู้เรื่อง
ก็ว่าไปแล้ว ผมรู้จักน้องตั้งแต่เค้ายังเรียนอยู่ อายุประมาณ15ปี แต่ไม่สนิทกัน
พอเห็นเค้านั่งคนเดียวในสภาพแบบนี้ ผมตกใจเพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่าเค้าเป็นเด็กเล่นยา
ตอนนั้นแสงไฟสลัวแต่ผมมองออกได้ว่า
น้องใส่กางเกงขาสั้นขาดลุ่ยหลายตัวทับกันเหมือนคนยากจน
ฝูงยุงก็รุมกัดขาของเค้า แต่น้องนั่งเฉยๆ ไม่รู้สึกตัว 
เพื่อนๆคงกลับบ้านกันหมดแล้วก็ทิ้งน้องอยู่คนเดียวแบบไม่แยแสเค้าเลย
ผมยังไม่รู้ว่าน้องกำลังมีปัญหากับทางบ้านเค้า
เมื่อผมถามถึงแม่ (เราต้องถามหลายครั้ง) น้องบอกว่า ไมเคิลรู้ป่าวผมย้ายไปอยู่ที่บ้านวุฒิแล้ว
โดยบังเอิญผมเพิ่งเริ่มคบกับวุฒิเมื่อไม่กี่วันก่อนแต่ไม่ได้เจอน้อง
ผมเลยไม่รู้เรื่อง
เราต้องรออีก 2-3 วันถึงได้เจอน้องที่บ้านวุฒิพอดี
แล้ววุฒิก็เล่าให้ฟังว่าเค้ากำลังช่วยน้องประคองชีวิตอยู่เพราะน้องมีปัญหากับแม่และไม่มีที่นอนประจำ
แต่เมื่อผมเจอน้องนั่งในไฟสลัวตรงทางที่หน้าตรอกคืนนั้น ตอนแรกผมตกใจ คิดเอาเองว่าเค้ากำลังคิดสั้นอยู่
'อย่าคิดมากนะธีร์ไม่ต้องทำร้ายกับตัวเองสิเดี๋ยวทุกอย่างจะดีขึ้นเองผมอ้อนวอนเค้า
น้องยังเมายาฟังผมไม่รู้เรื่อง ทำได้แต่ตอบว่า เออๆ ออๆ
ผมคุกเข่านั่งยองๆคุยกับน้องอีก 10 นาทีแต่ไม่ได้มีผลอะไรเลย

now, see here

ชีวิตผู้เสพยาต่อ (4)

เค้ามีงานทำหรือมีแฟนคบกันหมดแล้ว’ ผมตอบตรงๆ ให้มันรู้ซะเลย
นอกนั้นถ้าแฟนผมมัวแต่เล่น เค้าจะดูแลผมไม่ไหว ทุกอย่างจะจบๆไป’ ผมตอบอีก
น้องดูเฉยๆ เพราะเค้าเลือกทางชีวิตไปแล้ว 
ผมถึงคิดนะว่าการห้ามธีร์ไม่ให้เล่นยาจะไม่มีประโยชน์
วัยรุ่นดื้อๆขนาดนี้ก็ยังหาวีธีแอบเล่นได้อยู่ดี
ผมเลยเล่นเปิดอุบายทางจิตวิทยาเค้าดีกว่า
ผมบอกว่า ถ้าเค้าเลือกเล่นยา ก็เท่ากับว่า เค้ายอมทำร้ายกับความรู้สึกผมและทุกคนที่รักเค้า
พวกเราก็ต้องเสียใจกับนิสัยแบบนี้
ผมรักมึงเหมือนแกเป็นลูกเรา จะไม่มีวันเลิกทิ้งหรือลืมทิ้งมึงหรอกตอนเนี้ยะ’ ผมบอก
แต่ถ้าเรารักแกขนาดนี้ แกจะยังเล่นยาและยอมทำร้ายกับความรู้สึกผมด้วยเหรอ
ผมถามเค้า
อยากเล่นก็เล่นไปเถอะ แต่ขออย่าเล่นหนักได้มั้ย ยาเสพติดอาจจะทำร้ายกับอนาคตแก แต่ลูกยังมองไม่เห็นผลตรงนี้ เอาความรู้สึกผมไปใส่ใจก่อนแล้วกัน’ ผมบอกเค้าอีก
ผมพูดอย่างนี้หลายรอบจนน้องเริ่มใจอ่อนนิดหนึ่ง เราเห็นเค้าเดินจับขมับหัวตัวเองบ่อย แล้วก็บ่นว่าผมพาเค้าไปปวดกระบาลฟรีๆ
เค้ารู้สึกสับสนและมีความรู้สึกขัดแย้งภายในใจตนเอง ใจหนึ่งอยากเล่น อีกใจหนึ่งไม่อยากทำให้ผมเฮิร์ท
อยากเล่นต่อ แต่ไม่อยากให้ผมผิดหวังใช่มั้ย’ ผมตีความให้เค้าฟัง
น้องยอมลดการเล่นยานิดหน่อย แต่ไม่ได้เลิกแบบเด็ดขาด
อย่างที่แม่บอก น้องชอบทำตัวเหมือนคนไร้คุณค่าเพราะต้องเล่นยาให้ได้
หลักๆ เค้าตั้งใจเล่นยาโดยยอมใจเสียสละของดีๆจากชีวิตเค้ารวมถึงความรักจากผม เพื่อนและครอบครัวเค้าด้วย
น้องไม่ค่อยได้เจอคนรักเค้าแบบจริงๆมาก่อนมั้ง เลยไม่ชินกับความรู้สึกแบบนี้
พอเจอจริงๆก็ไม่แน่ใจว่าจะต้องปรับตัวยังไงดี
หรือน้องอาจขาดความมั่นใจตัวเอง ถึงยอมใจเล่นยาและทำร้ายกับอนาคตตัวเองตรงนี้ก็ได้
-
หน้าปกหนังสือที่น้องหยิบเอามาอ่านเล่น

ผมสังเกตุว่าน้องมีปมด้อยที่เกี่ยวกับการเรียนน้อย
ถ้าใครพูดถึงการเรียน เค้าจะก้มหัวเงียบลงทันที เหมือนอยากเปลี่ยนหัวข้อคุย
เค้าจบแต่ไม่มีวุฒิ แต่น้องไม่โง่หรอก
มีวันหนึ่ง ที่ห้องผม เค้าหยิบหนังสือไปอ่านเล่น
เป็น นส สอนภาษาไทยที่ผมชอบเรียนเวลาว่าง
ชื่อว่า ภาษาพูด ภาษาเขียน
นักเขียนเอาภาษาทางการไปเปรียบเทียบกับภาษาพูดที่มีความหมายเดียวกัน แล้วก็เอาตัวอย่าง
ไปเป็นบรรทัดๆ ให้อ่านเทียบกัน
เช่น ถ้าเราจะพูดแบบว่า ถกก้น ภาษาเขียนมีความหมายคล้ายๆกันก็คือว่า ดึงผ้านุ่งขึ้นถึงสะโพก ฯลฯ
พอเราเห็นน้องจดจ่ออ่านเล่มนี้ ผมเงียบลงทันที ไม่อยากให้เค้าเสียสมาธิการอ่าน
วันนั้นเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเค้าหยิบหนังสืออ่านเล่นซึ่งไม่เคยเห็นที่ไหน
จากนั้น มีอีกวันหนึ่งที่ผมพาเค้าไปร้านเล่นเกมส์ข้างในซอย
ผมนั่งเล่นข้างๆตัวเค้าในขณะน้องเล่นคอมแชทกับเพื่อน
อยู่ดีๆ ผมเห็นน้องเริ่มพิมพ์สัมผัส
เค้าเงยหน้ามองหน้าจอเฉยๆ แต่นิ้วลื่นไหลตามคีย์บอร์ดเหมื่อนนักมัยากร (พิมพ์เร็วมาก)
'
โอ้ย แกพิมพ์สัมผัสเป็นเหรอ ทำได้ยังไง ผมอยากทำเป็นมาตั้งนาน 30 ปี ตั้งแต่เข้าวงการงานแรกๆ เลยแต่ยังทำไม่ได้สักที’ ผมชมเค้าด้วยความประทับใจจริง
'
เค้าสอนให้น้องตอบสั้นๆ
หมายถึงว่าทางโรงเรียนคงจัดคอร์สให้นักเรียนที่อยากเรียนรู้แนวนี้
ธีร์รู้มั้ยว่า แกจะหางานทางธุระการได้สบายถ้ามีฝีมือแบบนี้’ ผมถามเค้า
ผมชมเชยฝีมือตรงนี้เป็นหลายวัน และบอกเพื่อนเค้าไปอีกด้วย ว่าน้องพิมพ์สัมผัสเป็น
จนหัวน้องเริ่มพองเป่งซะแล้ว ด้วยความภูมิใจตัวเอง
'
ทุกอย่างที่ธีร์อยากทำ แกทำได้เก่งอยู่แล้วผมบอกเค้าบ่อยจนกลายเป็นคำวลีเด็ด
เราสนิทกันมากขึ้นไปเรื่อยจนพวกพี่ๆเริ่มจะแซวเล่นว่า เราน่าจะเป็นแฟนกัน
น้องไม่ได้ว่าอะไรที่โดนเพื่อนล้อ 
บางครั้งเค้าจะห้ามผมจับตัวเค้า เพราะกลัวพี่ๆจะไปแซวอีก
แต่โดยภาพรวม น้องคงแอบชอบที่มีผมเป็นผู้ดูแลเค้าจริง
ถ้าผมเลี้ยงเหล้าที่บ้านวุฒิและเรานั่งเล่นกันเป็นกลุ่ม
น้องจะนั่งข้างๆตัวผมเสมอให้เป็นเพื่อนช่วย
'ผมทำอะไรกับมือไม่ค่อยถนัด จับอะไรก็พังไปหมด' ผมเคยบอกเค้า
เหมือนอยากให้เค้ารู้ว่า ผมมีข้อเสียหรืออ่อนตรงไหนและอยากให้เค้าช่วยผมตรงนั้น

now, see here

ชีวิตผู้เสพยาต่อ (3)

น้องนั่งเรือ คิดอะไรอยู่?
วันเที่ยวทะเลกับแม่และเพื่อนฝูง
แม่เล่าประวัติครอบครัวเค้าแบบสั้นๆ คือใครเป็นญาติใคร ใครไปแต่งงานและไปมีลูกกับใคร ย้ายไปปักหลักที่ไหน ไปทำงานอะไร
ท่ามกลางนั้นผมเห็นรูปๆ ของน้องธีร์ในหลายวัยที่แม่ถ่ายไว้ทั้งสมัยน้องยังเดินเตาะแตะโตเป็นวัยเอ๊าะๆ รวมถึงรูปอีกชุดหนึ่งที่แม่ถ่ายไปเมื่อประมาณ ปีที่แล้ว
เมื่อเค้าและเพื่อนชาวสลัมพาลูกๆออกไปเที่ยวทะเลกันเป็นกลุ่มใหญ่
วันนั้นน้องธีร์ดูแฮปปี้ดี ยืนใกล้ชิดกับแม่ถ่ายไปยิ้มแย้มไปดูไม่เครียด
ในทริปนี้จะมีการจัดรูปหมู่กันด้วย คนในกลุ่มเที่ยวทะเลกระโดดขึ้นในรูปดาวแบบที่วาดอยู่บนหาดทราย
ในอีกรูปหนึ่งผมเห็นเค้าเล่นน้ำกับน้อง บี โดยธีร์รับหน้าที่เป็นพี่ชายที่ดี ช่วยน้องเล่นโฟมว่ายน้ำ
สมัยนั้นน้องยังดูเป็นวัยรุ่นหน้าอ่อนๆอยู่เลย
น่าจะเป็นช่วงนั้นที่น้องธิร์ยังไม่ไปยุ่งกับยา
จากนั้นไม่เห็นมีรูปของน้องไปเที่ยวกับครอบครัวอีก
ผมถามแม่ว่า ‘ทริปนี้เป็นครั้งล่าสุดใช่มั้ยที่แม่กับธีร์ได้ออกไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกัน
แม่ดูไม่สบายใจเท่าไหร่ที่ผมถามไป เรื่องนี้
'
ใช่  ไม่ได้ไปอีก' เค้าดูเศร้าๆ
ผมสงสารแม่ที่ต้องไปเอ่ยถึงเรื่องละเอียดอ่อนที่เกิดเมื่อธีร์โตขึ้น
ตามประสาวัยรุ่น พอเริ่มโตแล้วเค้าก็เริ่มตีตัวออกห่างๆ จากครอบครัวด้วย
ผมเลยรีบช่วยปลอบใจแม่หน่อย
วัยรุ่นทั่วไปคงไม่อยากออกไปข้างนอกกับพ่อแม่หรอก ถึงจะชวนไปเค้าคงไม่เอา เป็นเรื่องธรรมดานะแม่ ผมบอก
ธีร์กับน้องเค้าเล่นน้ำทะเลกัน
เค้าเห็นด้วย
แต่ดั่งที่แม่ยอมรับเอง ช่องว่างที่เปิดโหว่ระหว่างแม่กับลูกน่าจะเกี่ยวกับนิสัยแม่ด้วย
แม่ดูไม่ค่อยสนใจธีร์เป็นเวลานานแล้ว
แม่ติดเพื่อนฝูง เที่ยวข้างนอกบ่อย ทิ้งลูกๆเล่นโดยลำพังในซอย
ถ้าอยู่บ้านก็เล่นเฟซหนัก จะเหลือเวลาให้ลูกที่ไหน
พอธีร์เห็นว่าแม่ไม่เอาใจเค้า  
เค้าคงเล่นยาหนักขึ้นไปเรื่อย ไม่แคร์แล้วว่าชีวิตจะเป็นยังไง
-
น้องจบเรียนไม่มีวุฒิ เมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว
ตั้งแต่นั้นเค้าแทบจะไม่ได้ทำอะไรกับชีวิต
เค้าเรียน กศน แต่ไม่จบ
แม่เล่าให้ฟังว่า เค้าเคยรับงานเป็นเด็กช่วยร้านอาหารใกล้บ้าน
แต่ทำไม่นานก็เลิกแล้วเพราะงานหนักแต่เงินเดือนน้อย
เป็นครั้งเดียวในชีวิตที่น้องได้งานทำนอกบ้าน
นอกนั้นเค้าไม่มีประสบการณ์เลย
หลังจากนั้น เค้ากลับไปใช้ชีวิตในแต่ละวัน ไม่มีเป้าหมาย
ผมรู้จักหนุ่มๆข้างในที่รู้จักครอบครัวนี้
เมื่อให้ข้อสรุปชีวิตน้อง เค้าจะพูดเหมือนชาวบ้านในซอยทั่วไปนั้นแหละ
ว่าในสมัยเด็ก น้องนั้นแม่ให้เงินใช้เยอะจนน้องติดเล่นเกมส์
พอน้องโตมาอีกสเต็ปหนึ่ง น้องก็เริ่มสนใจยา
แม่ก็ยังให้เงินเยอะ (ครอบครัวเค้ามีฐานะดีกว่าคนธรรมดาในซอย) จนน้องเริ่มติดยาแล้วก็เล่นยาประจำ
น้องมีญาติห่างๆที่พักอาศัยอยู่ในชุมชน ที่เค้าอาจจะเจอบ้างบางครั้ง
แต่บ้านปู่ย่าตายายก็อยู่ข้างนอกกันหมด
น้องดูเป็นเด็กติดซอย ไม่ค่อยไปข้างนอกกับใคร แม้แต่ครอบครัวตัวเองก็ไม่ค่อยพาเค้าไปเที่ยวข้างนอกหรือไปทำธุระอะไร
ส่วนพวกชาวบ้านในซอย พอเค้าเห็นน้องเล่นยาเป็นหลายปีเข้า เค้าคงคุ้นเคยจนชินเสียแล้ว
จะมีน้อยคนมากที่จะบอกว่า ‘เฮ้ย เมื่อกี้เราเห็นมีวัยรุ่นของเรา คนนึงนั่งเล่นกับพวกพี่ๆ ขี้ยา’
คนข้างในจะไม่เสือกเรื่องชาวบ้านขนาดนั้น แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีใครแอบเป็นห่วงน้อง จะมีพวกผู้ใหญ่ที่รู้จักน้องตั้งแต่เค้ายังเป็นเด็กที่สังเกตุเห็นอยู่แล้วว่าชีวิตเค้ากำลังล่อแหลม
แต่เมื่อเห็นว่า แม่น้องไม่สนใจลูกตัวเอง เค้าจะทำอะไรได้นอกจากส่ายหัวแล้วก็บ่นหมุบหมิบกับตัวเอง
น้องชอบเล่นยาเคกับกัญชา
ความสัมพันธ์ระหว่างน้องกับยา ดันไปฝังลึกเข้าไส้เข้าพุง
เหมือนรากต้นไม้ที่ฝังลงติดในดินแน่น ถอนออกยากแล้ว
น้องถือว่ายาเป็นเรื่องสำคัญในชีวิต ที่ชอบให้เค้าดูเป็นคนไม่ธรรมดา
เค้าดูเหมือนหลงเสน่ห์กับยานั้นเอง
เด็กวัยรุ่นอย่างน้องที่ไม่ต้องรับผิดชอบต่อใครๆ และไม่มีตัวอย่างที่ดีในครอบครัวให้เค้าค่อยเรียนแบบ
อาจจะคิดผิดอย่างนี้ก็ได้
ในโลกกลับหัวกลับหางแบบนี้ พวกใจนักเลงขี้ยาเป็นคนน่านับถือในสายตาน้อง
น้องชอบคบกับพวกนี้จนเค้าอาจจะลืมเพื่อนจริงๆเสียแล้ว
น้องเองไม่ต้องกลัวว่างานจะเสีย แฟนจะไม่ชอบ หรือคนจะคิดไม่ดีกับเค้าที่น้องเล่นยากับพวกนี้
เพราะเค้าไม่ได้ทำอะไรกับชีวิต และไม่มีใครที่ต้องเป็นห่วง
แต่เมื่อสังคมแคบลงขนาดนี้เค้ามีเสี่ยงตกเป็นวัยรุ่นที่โลกลืมสนิทกันไปก็ได้

ใช้จิตวิทยาเพื่อหาทางออก

ซอยนี้แยกออกจากซอยอมร เป็นทางเข้าบ้านน้องมุมหนึ่ง
เมื่อผมเห็นน้องมีปัญหากับแม่ ผมตัดสินว่าจะพยายามเอ็นดูเค้าเพื่อจะเติมความอบอุ่นที่เค้าน่าจะขาดไป
ผมเลยบอกเค้าว่าอยากคบกันในเชิงเป็นพ่อกับลูกไหม
เพื่อจะจูงใจให้เค้าจะปรับความคิดเห็นให้ดีกว่านี้
มีวันหนึ่งผมเห็นเค้ายืนคนเดียวในซอย ผมเดินจากข้างหลังแล้วก็เอาแขนวางรอบตัวเค้า กอดให้ร่างน้องมาชิดกับตัวเรา โดยผมไม่ได้พูดอะไรสักคำ
ตอนแรกเค้าตกใจ แต่พอเริ่มอินกับความรูสึกนี้ น้องพาดแขนตัวเองมาทับมือผม แล้วก็โยนร่างตัวเองเบาๆ เหมือนเด็กเล็กในเปลที่ที่ถูกแม่แกว่งไกวให้นอน
เราก็ยืนกันอยู่กับที่แบบนี้เป็นสักครู่ก่อนผมปล่อยตัวเค้าไป และเราไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลย
แต่ถ้าผมคิดว่าน้องจะประทับใจกับการเอ็นดูนุ่มนวลแบบนี้เป็นระยะยาวผมอาจจะผิดหวัง
เพราะจริงๆแล้วน้องไม่ค่อยชอบรับอะไรในเชิง น้ำเน่า แบบนี้ (แม่เค้าบอก)
คือตามนิสัยน้องไม่ใช่เด็กอ่อนโยนนุ่มนวลหรอก
พอเราเริ่มรู้จักกันดี น้องจะเริ่มดื้อมากขึ้น ไม่ยอมฟังอย่างเมื่อก่อน
ถ้าเราอยากให้เค้าประทับใจแบบลึกๆ เราคงต้องพาเค้าไปเจอประสบการณ์ผาดโผนน่าตื่นเต้นข้างนอกมั้ง เหมือนพ่อเค้าจริงๆ
เช่น เหตุการณ์ตอนกลางปีเมื่อทั้งพ่อกับน้องโดนตำรวจจับต้องคดีเกี่ยวกับยาเสพติด
พ่อโดนข้อหาขายยาบ้า ลูกโดนข้อหาเล่นยาเฉยๆ
แม่เคยเล่าให้ฟัง ถ้าผมจำถูก ว่าพ่อกำลังไปส่งยาให้ลูกค้าที่ต่างจังหวัดแต่โดนตำรวจจับเสียก่อน ธีร์ติดรถพ่อไปด้วยพอดีแล้วก็โดนด้วย
ทุกวันนี้เมื่อน้องเล่าเหตุการณ์โดนจับให้เราฟัง เค้าดูตื่นเต้นมากที่สุดที่ผมเคยเห็น
เหมือนพ่อกับลูกเป็นนักผจญภัยที่ต้องสู้กับตำรวจเพื่อจะเอาตัวรอดไปประมาณนี้
น้องชอบพวกนักเลงอยู่แล้ว แล้วถ้าตัวนักเลงนั้นกลายเป็นพ่อซะเองด้วย ก็ยิ่งชอบใจ
เค้ามุงมองพวกนี้ว่าเป็นตัวอย่างที่ดีเพราะพ่อเป็นคนอันธพาลเองหรือเปล่าไม่รู้
แต่พอได้ฟังเค้าบรรยายเรื่อง ผมรู้แล้วว่า แสดงความรักหรือเอ็นดูให้น้องเหมือนเค้าเป็นเด็กอ่อนโยนจะผิดเป้า
ถ้าเราอยากให้เค้าเลิกเล่นยา หรือกลับคืนดีกับแม่เราต้องใช้วิธีอื่นๆ
น้องดูเป็นลูกพ่อมากกว่าลูกแม่ และที่สำคัญชอบคิดว่า การเสพยาจะช่วยให้เค้าดูเท่ดี
ไม่ไช่เรื่องน่าอับอายสักนิด
แฟนไมเคิลชอบเล่นยาเหมือนผม’ น้องเคยถามผมดู
คำถามนี้เน้นว่าน้องเลือกการเล่นยาเป็นฟีเจอร์ของไลฟ์สไตล์เค้า
และมองว่ายาเสพติดเป็นตัวเด่นของบุคลิกนิสัยเค้าไปด้วย
ไม่นะธีร์ จะมีแต่ธีร์กับพวกนักเลงเองที่ยังคิดว่ายาดูเท่ คนอื่นเลิกเล่นเรียบร้อยแล้ว

now, see here

โพส์ตเด่น

20plus club (Postscript 3, final)

แคปชั่นก๊อปจากเน็ต: โรงพยาบาลตำรวจบริเวณสี่ แยกราชประสงค์ ปี พ.ศ. 2542 แจกเสร็จ น้องก็นั่งรอจ่ายบิลอยู่ข้างๆผม มือน้องสั่น เหงื่อออกเต็มหน้า...

โพส์ตนิยม