Thursday 21 September 2023

20plus club (1)

เสารถไฟฟ้าเป็นสัญลักษณ์ยุค 2000s
รูปนี้ถ่ายไปที่ถนนราชดำริ ช่วงที่กำลังสร้างสถานีรถไฟฟ้า ปี พ.ศ. 2541

ฝรั่งที่ย้ายมาจากประเทศบ้านเกิด บินมาปักหลักที่เมืองไทย ยาวเกินกว่า 20 ปี อย่างผม

น่าจะรับรางวัล long-stayer's award

โดยเฉพาะพวกขยันขันแข็ง ที่สร้างตัวด้วยมือเปล่า

อาจจะมีเจ้านายไทยจ้างมาทำงาน แต่ไม่มีต้นทุนนอกจากเรี่ยวแรงตัวเอง

วันที่มาถึง อาจจะยังไม่มีเพื่อน ไม่มีแฟน ไม่มีที่พัก มีแต่ความหวังว่า
คงจะเจออนาคตสดใส

ผมเป็นหนึ่งคนในกลุ่มนั้น

ย้ายจาก New Zealand มาตั้ง 23ปี ที่แล้ว
แต่ยังรอรับรับรางวัลที่น่าจะเรียกว่า 20-plus club award อยู่เลย

ใครจะจัดให้

-
ผมชอบจะดูดซึมซับวิถีแห่งชีวิตของชาวไทยจนถ้าเราต้องกลับไปที่โน่นแล้ว
เราคงจะปรับตัวเองเข้ากับคนที่บ้านเกิดยาก

ช่วงเวลานานนี้ที่ผมอาศัยอยู่ที่ไทย  ตัวเราเอง
และประเทศบ้านเราดันมีการเปลี่ยนแปลงเยอะ จนแทบจำหน้ากันไม่ได้แล้ว

เจอฝรั่งหน้าใหม่ๆ ที่เพิ่งย้ายมาพักที่นี่ เราจะคุยกันรู้เรื่องมั้ย

เรายืนอยู่ในจุดที่ต่างกัน

เค้าเริ่มเดินทางของเค้า หลังออกจากบ้านอีกไม่นาน

แต่ผมเหยียบย่างเข้าพื้นแผ่นดินไทยก้าวแรกมาเนินนานมากแล้ว และไม่ค่อยอยากนึกถึงอดีต

ฝรั่งหน้าใหม่นั้น คงมีทั้งครอบครัว ญาติ และเพื่อน รออยู่เพื่อที่จะกลับไปที่นั้น

เค้าต้องถามตัวเอง ว่ายอมใจทิ้งสละทุกอย่างมั้ย เพื่อจะสร้างตัวที่อื่นไหม

และถ้าไม่อยากโยนทิ้งทั้งหมด จะเลือกเก็บส่วนไหนที่ดีเอาไว้

เพราะยิ่งอยู่ห่างจากบ้านนานๆ
ความผูกพันของเราที่มีต่อประเทศบ้านเกิดจะยิงจืดจางลงไปเรื่อยๆตามกาลเวลา

อดีตของฝรั่งหน้าใหม่ๆนั้น ส่วนใหญ่จะยังติตอยู่ในใจของเขานั้นเอง

เค้ายังไม่ได้ขุดรากฐานมาปลูกถ่ายที่ไทยทั้งหมดหรอก

เค้าอาจจะรู้สึกลังเลใจ จะทุ่มเทใจกับชีวิตนี้ไหม หรือไม่

ร่างกายเค้าอาจจะอยู่กับเราจริงแต่ใจคงยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอก

ถ้าไม่อยากเริ่มต้นชีวิตใหม่จริง คือสร้างตัวจากจุดศูนย์ อย่างที่พวกเราเคยทำ

เค้าอาจจะเลือกกลับบ้านเกิดไปก่อน

อนาคตของเค้าจะรุ่งเรืองมากกว่าถ้าเค้ายังอยู่กับครอบครัว วัฒนธรรม
และลีลาชีวิตที่เค้ารู้จักและเข้าใจมั้ง

ส่วนพวกเราที่เป็นสมาชิก club 20-plus นั้น

ยิ่งห่างจากประเทศบ้านเกิด ก็ยิ่งรู้สึกว่า
เราทิ้งอดีตของเราที่บ้านเก่าเรียบร้อยแล้ว
และไม่ยากกลับไปรื้อร่องรอยของมันด้วย

เราเลือกลงทุนทุกอย่าง ทั้งแรงกายและแรงใจ ที่นี่

ถ้ากลับไปที่บ้านเก่า อย่างน้อยเราจะต้องเริ่มต้นใหม่ อายุเริ่มแก่ขึ้นซะแล้วด้วยสิ จะยังไหวมั้ยละ

เราต้องเตือนใจคนใหม่ๆไว้ก่อนอย่างนี้

ถ้าไม่กลับไปหาครอบครัว ญาติๆ หรือเพื่อนเก่า บ่อยๆ
สักวันเราจะรู้สึกห่างเหินกันแน่นอน

ความจำจะเลือนลางและความรู้สึกที่ดีจะหายไปจนกระทั่งเราจะเกิดขี้เกียจไม่อยากขึ้นเครื่องแล้

เอาไหม ขอบอกอีกด้วย

ถ้าประเทศเราเปลี่ยนแปลง เราต้องเปลี่ยนตามไปด้วยถูกมั้ย

แต่ถ้า 'ประเทศของเรา' กลายเป็นประเทศไทยแทนประเทศบ้านจริง ละก็

เราต้องทำตัวเหมือนกิ่งก่าที่เปลี่ยนสีไปตามพื้นที่ ที่มันอาศัยอยู่เหมือนกันนั้นเอง

พื้นที่ประเทศไทยหรือพื้นที่ประเทศบ้านเกิดยังไงก็ยังเป็นพื้นที่ที่พักอาศัยได้อยู่ดี

คือในฐานะตัวเราถือว่าเมืองไทยกลายเป็นบ้านใหม่ของเราเสียแล้ว
เราต้องยอมให้ประสบการณ์ที่เราเจอกันที่นี่ หล่อหลอมตัวเราเป็นหลัก
ถ้าตั้งใจรักเมืองไทยจริงๆ

เหมือนคนที่เปลี่ยนแปลงความภักดีต่อประเทศเลย

พอถึงวันนั้น เราจะมีเหลือต่อประเทศบ้านเกิดแค่ความทรงจำหรือว่าญาติๆ ที่ยังไม่ลืมตัวเราไป

ส่วนฝรั่งหน้าใหม่นั้น เราคงเข้าใจเค้าในระดับหนึ่ง

ที่ว่า ถ้าเราให้เค้าบอกเล่าว่า ชีวิตที่ประเทศบ้านเกิดของเรา
เปลี่ยนไปยังไงในช่วงเวลา 23 ปีนี้ที่เราไม่อยู่

เค้าคงพูดไม่ออก

เช่นเดียวกับผม

ถ้าเค้าถามว่าชีวิตในเมืองไทยของเราเป็นยังไงเราคงต้องคิดยาว จะเริ่มต้นยังไงดีเนอะ

เพราะเราและประเทศไทยของเราต่างเปลี่ยนแปลงไปเยอะมากตั้งแต่มาเมื่อ 23 ปีที่แล้ว

ไม่พูดดีกว่า เดี๋ยวเจ็บคอ

-
ฝรั่งที่เป็นสมาชิก 20-plus club เลือกปักหลักเมืองไทยด้วยเหตุผลหลากหลาย

บ้างก็หยากหนีสภาพอากาศมืดมนที่ประเทศบ้านเกิดเค้า มาที่ไทยซึ่งแดดออกแรงเกือบทั้งวัน

เช่นชาวอังกฤษที่ชอบบ่นว่าที่บ้านเกิดฝนตกไม่หยุด

บ้างก็ไม่มีงานทำที่ประเทศบ้านเกิด หรือมาเที่ยวไทยแต่ดันไปทำ ผู้หญิงไทย
ท้องและอยากรับผิดชอบ

เลยย้ายมาที่นี่สร้างครอบครัวกั

ส๋วนผม ผมหนีทั้งแฟนเก่าที่นอกใจ ครอบครัวที่ชอบเสือกเรื่องส่วนตัว
และงานที่ผมทำไปแล้วที่ประเทศบ้านเกิดหลายปีจนเบื่อ

now, see here

No comments:

Post a Comment

เขียนเป็นไทยหรืออ้งกฤษก็ได้คับ Thai or English is fine...

โพส์ตเด่น

20plus club (Postscript 3, final)

แคปชั่นก๊อปจากเน็ต: โรงพยาบาลตำรวจบริเวณสี่ แยกราชประสงค์ ปี พ.ศ. 2542 แจกเสร็จ น้องก็นั่งรอจ่ายบิลอยู่ข้างๆผม มือน้องสั่น เหงื่อออกเต็มหน้า...

โพส์ตนิยม