Sunday 9 June 2024

Mr Handsome returns


Mr Handsome เป็นผู้ชายไทยเกย์หนุ่มที่เคยเขียนโพสต์ให้บล็อก Bangkok of the Mind หรือ BOTM2 (เป็นรุ่นพี่ของบล็อกฉบับนี้) เป็นประจำหลายปีก่อน

เมื่อเข้าเริ่มเขียนในตอนท้ายปี 2006 เข้าได้จบการศึกษาและกําลังจะก้าวหน้าไปสู่ชีวิตการเป็นผู้ใหญ่

ฉันจําไม่ได้ว่าเราพบกันได้ยังไง (เราไม่เคยเจอกันแบบต่อหน้าต่อตานะ)
แต่เรายังคงติดต่อกันทางอีเมลเป็นประจําในช่วงที่เรายังเป็นเพื่อนออนไลน์กันอยู่ในสมัยนั้น

ในเวลานั้นฉันแปลภาษาไทยของเขาให้เป็นภาษาอังกฤษและโพสต์ทั้งสองเรี่องขึ้นที่บล็อกพร้อมกัน
อีกไม่นานเค้ากลายเป็นจุดเด่นของบล็อก เป็นผู้เขียนที่ได้รับการชมเชยนิยมชมชอบเยอะ

แม้ว่าฉันจะไม่มีเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษอีกต่อไปเพราะฉันดันไปลบโพสต์อันเก่าดั้งเดิมแล้ว

แต่เมื่อได้ขุดคุยอีเมลเก่า ผมได้ไปเจอโพสต์ภาษาไทยดั้งเดิมของเค้าซะแล้ว
และอยากจะโพสต์ใหม่ที่ BOTM2 นั้น

เขาชอบเขียนในแนวถากถางและเหน็บแนมอย่างเมามันถึงพริกถึงขิงดี

เนื้อหาก็กล้าหาญ สนุกสนาน และคมคาย ไม่แพ้กันตามที่ผู้อ่านประจำจะสังเกตเห็น

เมื่อไปสวมบทผู้เขียน เขามีลีลาความสามารถตามธรรมชาติและชอบแบ่งปันเรื่องราวชีวิตให้เราเสพแบบไม่กั๊กเลย

ฉันไม่แน่ใจว่า Mr H เคยเอาผลงานเขียนไปให้เพื่อนคนไทยของเขาได้ดูบ้างหรือไม่

แต่ Mr H ไม่เคยหมดขุมทรัพย์เรื่องราวที่อยากจะเล่าให้ฟัง
และสามารถทำให้ฉันประหลาดใจด้วยหัวข้อบางอย่างที่เขาเลือกเสมอ

Mr H เขียนเรื่องราวมากกว่า 50 เรื่องระหว่างเดือนธันวาคม 2006
เริ่มต้นด้วยบทเกี่ยวกับการค้นหาแฟนของเขา จนถึงเดือนมิถุนายน 2008
เมื่อเขาปิดท้ายด้วยเรื่องเกี่ยวกับ Camfrog

โพสต์แรกของเขาอยู่ที่นี่ที่นี่ ฉันจะค่อยๆ
โพสต์เรื่องที่เหลือในช่วงสองสามเดือนต่อจากนี่ไป ภายใต้ชื่อ Mr Handsome

PS: ขอบคุณที่เว็บไซต์นี้สําหรับภาพของกรุงเทพ

Saturday 30 September 2023

20plus club (Postscript 3, final)

แคปชั่นก๊อปจากเน็ต:โรงพยาบาลตำรวจบริเวณสี่แยกราชประสงค์ ปี พ.ศ. 2542

แจกเสร็จ น้องก็นั่งรอจ่ายบิลอยู่ข้างๆผม

มือน้องสั่น เหงื่อออกเต็มหน้า

ผมชวนเค้าคุย

'ทำไมถึงต้องแจก จม นี้ด้วย' ผมถาม

'ทางแม่และน้องให้แจกทุกครั้งที่เกิดป่วย' เค้าตอบ

เราคุยกันต่อดังกล่าวนี้:

'แกมาเที่ยวเมืองไทยเหรอ'

'มาหลายอาทิตย์แล้ว แต่เกิดป่วยสองครั้งแล้ว ต้องนอนที่ รพ เหมือนพี่'

'มาไทยเพื่อจะหนีครอบครัวใช่มั้ย'

'มาเที่ยวเฉยๆ ผมรู้ว่ามีอาการป่วยบ้าง แต่ไม่ชอบคนสอดแทรกยุ่งกับชีวิต'

ร่างกายน้องสั่นระริกทั้งตัว หน้าตาขุ่นมัวเหมือนพร้อมจะร้องไห้

ผมจับมือเค้าปลอบใจน้องเบาๆ

'ไม่เป็นอะไร ผมเคยมีปัญหากับครอบครัวเหมือนกัน' ผมบอก

'ผมจะถามแกถึงจดหมายได้มั้ย' ผมถามต่อ

เค้าพยักหน้า

'ทำไมถึงยอมให้น้องชายแก เขียนในลักษณะส่วนตัวขนาดนี้'

'ตอนแรกผมรู้สึกช็อคเหมือนกัน ผมให้เค้าแก้เนื้อความให้เบาลงหน่อยแต่น้องไม่ยอม

 'เราเลยตกลงว่า ถ้าเค้าจะเขียนแบบนี้ น้องเราต้องยอมรับด้วยว่า สมัยเด็กเค้าชอบแกล้งผมหนักกว่าเด็กที่โรงเรียนซะอีก'

พูดแล้วน้องถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ผมบอกต่อ:

'ไม่เป็นอะไรนะ อย่าคิดมากนะ เดี๋ยวแกจะรู้สึกดีขึ้น ต่อจากนี้ไม่ต้องแจกให้คนอื่นอ่านก็ได้'

น้องบอกว่า

'วันก่อนผมนั่งรถเมล์ เริ่มรู้สึกไม่ไหวเพราะคนแน่น มือเราหงิกแล้วสั่น พอผมขอให้ ผู้หญิงที่นั่งข้างๆ ยืนไปกดกริ่งให้ เค้ามองค้อนขวับใส่ผม ด้วยสายตาที่บอกว่า ขาเป็นง้อยเหรอ ทำไมไม่ลุกขึ้นทำเอง

'บางที่ผมอยากติดป้ายที่หน้าผากที่บอกทุกคนไว้ว่าผมเป็นคนเปราะบาง อาจจะควบคุมอาการไม่อยู่นิดหน่อยหรือทำอะไรไม่รู้ตัวบ้าง ขอให้ช่วยหน่อย'

ผมหัวเราะ ชอบข้อคิดนี้

'ถ้าจะเขียนจริงจะบอกอะไร' ผมถาม

'ผมเป็นออทิสติก ชอบคุย แต่กลัวงู' น้องตอบตลกแล้วก็ยิ้มจางๆ

จ่ายบิลเสร็จแล้ว เราแยกทางกันไป

เราไม่ได้เจอกันอีกเลยแต่ผมก็ยังนึกถึงน้องคนนี้อยู่บ้าง

จดหมายเค้าพาผมไปนึกถึงจดหมายที่พ่อส่งไปหา สมัยนั้นที่ผมยังคบกับแฟนเก่า และพ่อแม่ตั้งหน้าว่าจะไม่ชอบใจ

ครอบครัวเราอาจจะมีประสงค์ที่ดีจริงๆก็ได้

แต่บางครั้งการกระทำของเค้าอาจจะฝังลึกให้เจ็บถึงในหัวใจด้วย

ถ้าเป็นไปได้ เราต้องกำหนดจิต เพื่อความสบายใจของตัวเอง

จากเน็ต คำว่า กำหนดจิต คือ

การกำหนดจิตนี้หมายความว่า ให้ตั้งสติ เป็นวิธีปฏิบัติ สัมปชัญญะมีความรู้ตัวอยู่ตลอดปัจจุบัน อย่างนี้เป็นต้น อดีตไม่เอา อนาคตไม่เอา ให้เอาปัจจุบันที่มันเกิดขึ้น ให้ปฏิบัติอย่างนี้ โดยข้อปฏิบัติง่ายๆ ถ้าเสียใจ มีความทุกข์ใจมันอยู่ในข้อนี้ จึงต้องกำหนดที่ลิ้นปี่ เสียใจหนอๆ หายใจลึกๆ ยาวๆ เสียใจเรื่องอะไร เป็นการป้อนข้อมูล

จะเวิร์คไหม เราต้องลองดู

20plus club (Postscript 2)

แคปชั่นก๊อปจากเน็ต: บริเวณถนนรัชดาภิเษก ปี 2539
ถ่ายจากฟอร์จูน ทาวน์ สมัยยังมีห้างเยาฮันจากญี่ปุ่น
ก่อนจะเป็นโลตัสในปัจจุบัน ส่วนด้านขวาปัจจุบันเป็นเซ็นทรัลพระราม 9
ตึกอาร์เอสเห็นเด่นตั้งแต่ไกล

(แปลจาก จม มกราคม 2546)

เรียนผู้เกี่ยวข้อง

ขอแจ้งไว้ในฐานะผมเป็นหมอ และเป็นน้องชายของ คุณจอร์จ

ว่าพี่ผมได้รับการวินิจฉัยจากหมอเฉพาะทางว่าเป็น ออทิสติก ตั้งแต่เด็กนะครับ

และอาการที่เค้าแสดงออกตอนนั้น บางครั้งอาจจะยังแสดงออกตอนนี้ด้วย

เราหวังว่า จดหมายที่เราเขียนไว้นี้ จะช่วยพี่จอร์จให้ได้ใช้ชีวิตที่เมืองไทยได้สบายๆ นะครับ

คุณแม่และตัวผมช่วยกันเขียนใจความนี้ขึ้นมา

เราช่วยกันออกความเห็นว่าอาการของเค้าเป็นยังไง

คนจะได้เข้าใจเค้าให้มากขึ้น และไม่ต้องตกใจถ้าอาการของพี่ยังแสดงออกให้เห็นบ้าง

บางทีอาการพี่อาจจะดูแปลกๆ เหมือนคนที่โตมาแล้ว แต่ลืมตัวเอง ดันไปทำตัวเหมือนเด็ก

ไม่ต้องกังวลอะไรเลยนะคับ แค่เตือนใจพี่ไว้ และพี่จะปรับตัวได้เอง

ลักษณะพฤติกรรมที่พี่ผมแสดงออก ก็ธรรมดาสำหรับกลุ่มคนที่จัดอยู่ในกลุ่มออทิสติกสเปกตรัมหรือไม่ก็เป็นโรคแอสเพอร์เกอร์ (ซึ่งอาการคล้ายๆกัน)

ผมรับรองว่าจะไม่เจออะไรที่น่ากลัวเลยนะ

เพียงแต่ว่า บางคนที่ไม่รู้จักอาการอาจจะงงๆ

เมื่อพี่ได้เจอเสียงดังหรือพบคนที่ยัดเยียดหนาแน่นเข้า  พี่จะรู้สึกกลัว

เวลาเจอคนแปลกหน้า พี่จะแสดงตัวอึดอัดใจ ถอนตัวไม่ยอมพูดมาก

สมัยตอนเด็กพี่โดนพวกเด็กแกล้งเค้าเล่นๆ เพราะเค้าดูไม่ทันคน

แม่บอกว่าในเรื่องของทักษะการเคลื่อนไหวและควบคุมตัวเอง สมัยเด็ก พี่แทบช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย

เช่นเมื่อจะแต่งกายหรือทำอะไรที่ต้องใช้มือเยอะ เช่น กลัดและปลดกระดุม ใส่เข็มขัด และผูกเชือกรองเท้า แม่ต้องค่อยทำให้

พูดอย่างนี้เราไม่ได้ดูถูกพี่นะ แค่บอกให้ทราบเฉยๆ

นอกจากข้อบกพร่องในทักษะทางสังคม

พี่ยังชอบแสดงพฤติกรรมหมกหมุ่น

พี่ชอบใช้เวลาอยู่คนเดียว และเมื่อเจออะไรที่ชอบใจ ก็จะทำอย่างจดจ้อไม่สนใจเรื่องอื่น

เช่นเคยเล่นกีตาร์หนักแทบไม่ยอมปล่อยจากมือ ไปที่ไหนก็ต้องเล่นเหมือน Eric Clapton

คนที่แวะมาหาแม่ที่บ้าน และเจอพี่เข้า มักจะถามแม่ว่า ลูกเป็นอะไร

แม่เคยพาพี่ไปหาหมอที่เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเด็ก

หมอวินิจฉัยว่า พี่น่าจะเป็นเด็ก autistic นั้นเอง และแนะนำให้แม่ค่อยดูอาการต่อเนื่อง

พอโตมาเป็นวัยรุ่น พี่เกิดเป็นโรคซึมเศร้า เป็นอาการเกี่ยวโยงกับ autism ด้วย

มาถึงวัยยี่สิบกว่าปี พี่ก็เข้าออกโรงพยาบาลจิตเวช และบ้านพักคนชราใกล้บ้านเรา ไปพักสมองเป็นว่าเล่น

พี่มีปัญหาทางกายอีก คือกลั้นปัสสาวะไม่ค่อยอยู่ด้วย

พี่ต้องใส่แพมเพิร์สตลอดชีวิต

ผมชอบแกล้งพี่เรื่องนี้ ด้วยความสงสัยว่า พี่อาจจะควบคุมตัวเองให้ดีกว่านี้บ้าง แต่กลับชอบให้คนอื่นช่วย และเป็นจุดน่าสงสารในครอบครัว

พี่ชอบอ้างว่า เค้ากลัวงูจะขึ้นมาทางท่อน้ำ เลยไม่ชอบนั่งส้วม

และพี่มีช่วงเวลาหลายปี ที่แทบจะไม่เข้าห้องน้ำเลย ชอบพึ่งใช้แพมเพิร์สอย่างเดียวเหมือนเด็กเล็ก

แต่แม่ห้ามเราพูดอะไรมาก กลัวว่าลูกจะโตมามีปมด้อย

แม่รู้สึกผิดที่พี่เกิดมาเป็นแบบนี้

หมอคนแรกที่แม่พาไปหา ให้แม่ถามตัวพี่ ก่อนเข้าวัยเรียน ว่าอยากใส่ต่อมั้ย  พี่เลือกใส่ต่ออย่างนั้น

พี่โชคดีหน่อยที่ รร เค้ามี่เพื่อนพิการอีกสองคนที่มีพยาบาล รร ค่อยดูแลร่วมกันเป็นแพ็ค ไม่อย่างนั้นคงโดนเด็กบูลลี่เยอะ

ผมหวังว่าปัญหานี้จะไม่เป็นอุปสรรคต่อชีวิตประจำของพี่ต่อไปนะ และพี่จะได้เจอแฟนที่เห็นใจเค้าด้วย

ปล มีบางครั้ง ถ้าอาการที่พี่แสดงหนักเข้า เค้าจะเกิดอาการหายใจเร็ว มือสั่น สำลักน้ำลาย ๆลๆ ที่คนสมัยนี้เรียกว่า โรคแพนิคหรือโรคตื่นตระหนก

จะมาแวบๆ แล้วก็ผ่านไปเร็ว

โชคดี

(ชื่อ)

มกราคม 2546

now, see here

โพส์ตเด่น

Mr Handsome returns

Mr Handsome เป็นผู้ชายไทยเกย์หนุ่มที่ เคยเขียนโพสต์ให้บล็อก Bangkok of the Mind หรือ BOTM2 (เป็นรุ่นพี่ของบล็อกฉบับนี้) เป็ นประจำหลายปีก่อน...

โพส์ตนิยม