Showing posts with label บ้านสัตหีบ. Show all posts
Showing posts with label บ้านสัตหีบ. Show all posts

Friday 22 March 2019

อีนกส่องคน

อีนกเอ๋ย มาเยี่ยมเราทำไม
เมื่อวันก่อน
ผมนั่งที่ระเบียงเล็กๆด้านหลังห้องพักของเรา ที่ ตจ 
แล้วก็มองออกไปที่ริมตลิ่งฝั่งลำธารด้านหลังห้องพัก
เราเห็นนกตัวเล็กๆบินลงไปเกาะที่กิ่งไม้บนต้นลีลาวดี
ที่มีกิ่งยื่นออกไปอยู่บนเหนือผิวน้ำ
เป็นตัวเล็กเรียวน่ารักขนหลังสีดำแต่ขนหน้าอกสีทอง
หน้าตาน่ารักดี แต่นิสัยไม่ใช่
นกประเภทนี้ขี้คุย ชอบนินทาเรื่องชาวบ้าน
เจ้านกเป็นรุ่นแม่วัยกลางๆ มีลูกนกโตหมดแล้วหลายรอบ แต่เจ้าตัวยังสาระแนไม่เลิก
บินมาหาจาก กทม ด่วนเพราะมีข่าวใหญ่อยากแชร์
เมื่อเจ้านกเห็นผมนั่งคนเดียวเค้าบินดิ่งลงมาเกาะที่กิ่งไม้ทันทีแล้วเริ่มจะคุยกับผมดังนี้
(นก):'รู้รึป่าวฝรั่ง ฉันพึ่งบินมาจาก กทม พวกผู้สมัคร สส
กำลังหาเสียงการเลือกตั้งที่กำลังมาถึงในเร็วๆนี้'
เจ้านกพูดเร็วแทบหายใจไม่ทัน
'ฉันมีเพื่อนนกกาแถวนั้น
เค้าบอกฉันว่าที่จริงแล้วคนไทยจะลงคะแนนกันทั้งประเทศในวันอาทิตย์นี้'
เจ้านกพูดพร้อมบ่นว่า ไม่ชอบเสียงดังของรถหาเสียงที่วิ่งตามถนนทั้งเมือง
'ถ้าเค้าจะจัดการการเลือกตั้งทั่วประเทศจริง
คงจะบินหาที่หลบเสียงดังไม่ได้หรอก' เค้าบ่นให้ฟัง
ผมฟังเจ้านกพูดยาวๆก่อนตอบกลับไปว่า
(ฝรั่ง):'แล้วเจ้านกเอ๋ยเรื่องนี้จะเกี่ยวกับฉันยังไง
พวกฝรั่งอย่างฉันไม่มีสิทธิ์ลงคะแนนเลือกตั้งอยู่แล้ว ทางรัฐห้าม'
เจ้านกเสยขนที่ตัวกลมๆเค้า แล้วตอบมาว่า
(นก):'โทษที่ฝรั่งจ๋า นกตัวเล็กอย่างฉันมักพูดมากเจี๊ยวจ๊าวตามสายพันธุ์
แต่เราเอาข่าวร้อนๆ จากกรุงเทพมาเล่าให้แกฟัง จะงี่เง่าทำไม'
(ฝรั่ง): 'อ้าว เจ้านกบอกเองว่าชอบคุยกัน แต่ดันไม่ชอบคนทำเสียงดัง
มันไม่ make sense' ผมตอบงงๆ
เจ้านกกระพือปีกและเชิดปากขึ้นเหมือนเตรียมตัวด่าฝรั่งพูดโง่ๆยังนี้เป็นชุดเลย
(นก) :'ไม่ชอบเสียงดังของคนก็จริงค่ะแต่ถ้าเป็นเสียงของพวกเรา ฉันพอจะรับได้'
ทันใดนั้น เค้าปล่อยเสียงเค้าออกเพื่อจะพิสูจน์ว่า
เค้ามีเสียงไพเราะจริง
'คุคุคุคุคุคุคาคาคาคา...'
ผมฟังเค้าแล้วก็งงอีก
(ฝรั่ง):'เจ๊นี่เป็นเสียงนกพันธุ์คุกคาบาร่าไม่ไช่เหรอ
นกออสซี่ที่ชอบหัวเราะเหมือนคนบ้า'
(นก): 'ใช่ค่ะแต่พวกเราชอบเลียนแบบเสียงนกโด่งดังอย่างเค้า
ฉันมีญาติสอนให้เราหัวะเราะอย่างเค้าตรงเป๊ะเลย'
(ฝรั่ง): 'โอเคคับ แล้วแกมีเรื่องสำคัญๆ อะไรมาเล่าให้เราฟังอีกบ้าง
เอาเข้าประเด็นเถอะ'
ผมชักจะเริ่มเบื่อฟังนกที่พูดมากไร้สาระ แถมชอบโอ้อวดความรู้อีก
(นก) :'ใจเย็นๆนะคะฉันบินเที่ยวมาเป็นสองชั่วโมงเพื่อจะกระพือข่าว
ฉันรู้ทันข่าวทั้งหมด สมองไหวพริบดี อย่างที่เธอทราบนั้นแหละ
แต่โทษทีนะคะ หนูอาจจะยังไม่เก่งเท่ากับนกท้องถิ่นแถบนี้ (สัตหีบ)ก็ได้
เค้าหัวไวเหลือเกิน'
เจ้านกประชดผม เหมือนหาว่า ผมเริ่มจะมีใจให้นกตัวอื่นที่หน้าตาสวยกว่า
'แต่ฉันจะเข้าประเด็นหน่อยแล้วกัน ฉันมีอีกเรื่องที่จะเล่าให้ฟัง'
'ว่ายังไงเจ๊...' ผมถาม
(นก):'เธอมีเพื่อนคนไทยที่หายไปจากชีวิตเป็นชั่วคราวแล้วใช่มั้ยจ๊ะ'
เจ้านกชอบเผยข่าวที่เก็บไว้ทีละนิดละน้อย
ชอบเล่นหัวผู้ฟัง
'ใช่จ่ะ'
อีนกน่าจะพูดถึงเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งใกล้บ้านเรา
ที่เพื่อนๆ ร่วมกับผมด้วย ค่อยเฝ้าดูแลอยู่ตอนนี้
หลังจากแม่น้องไล่เค้าออกจากบ้านไป เป็นการลงโทษที่น้องที่ไม่ยอมเลิกเล่นยา
'เพื่อนรุ่นน้องคนนี้เคยทำงานที่เซเว่นใกล้บ้านเธอแต่เลิกงานไปแล้วใช่มั้ยจ๊ะ'
(ฝรั่ง): 'ก็ใช่ละสิเจ๊ เรารับรู้อยู่แล้ว เค้าเป็นอะไรไปมั้ย'
(นก) 'เรามีเพื่อนอีก นกเอี้ยงช่างสอดแนมเก่งที่บินแถวบ้านเค้า
แอบส่องว่าเค้าชอบนอนพักบ่อยๆ
ดังนี้เค้าคงจะเตรียมตัวไว้ลุยไปรับทำงานใหม่มั้ง
หรือว่า...'
อีนกหยุดชะงัก เพื่อจะเน้นประเด็นต่อ 'หรือว่าอาจจะแสดงว่าน้องแอบกลับไปเล่นยาอีก'
ในฐานะน้องเป็นวัยรุ่นเงียบขรึม เค้าไม่ค่อยพูดอะไรกับใคร
เราถึงต้องพึ่งอาศัยอีนกพวกนี้ ถ้าอยากได้รับรู้ข่าวของน้อง
(ฝรั่ง):'พวกแกโชคดีเนอะ คงบินไปถึงตัวคนได้
ผมเองยังไม่ได้เจอเค้าเป็นหลายอาทิตย์ มันชอบเก็บตัวในห้อง'
ผมเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ แต่ไม่อยากให้อีนกรู้ถึงความรู้สึก
(นก): 'ฉันจะฝากบอกฮัลโหลเค้าให้ก็แล้วกัน'
แชร์ข่าวน้องไปแล้ว นกบินออกจากกิ่งไม้ทันที
บินสูงขึ้นสู่อากาศทิ้งห่างๆผมไป
ปล่อยให้ผมนั่งคนเดียวเหมือนเดิ

ทุกครั้งที่อีนกมาแชร์ข่าวของน้อง
รู้สึกว่า นกได้แกะสะเก็ดแผลในใจผมก่อนสุก
น้องเป็นจุดอ่อนของเรา
เผลอไปคิดถึงเค้า ความรู้สึกแย่ๆวูบเข้ามา
ดังเราลอยน้ำในทะเล และคลื่นยักจะปะทะตัว
เราเป็นห่วงน้องหลายอย่างจนดูคล้ายกับว่าเรารู้สึกผิด ชอบปั่นหัวตัวเองอย่างนั้น
เราชอบคิดหนักๆว่า น้องอาจจะขาดความรักของแม่ ขาดงานทำ ขาดอาหารกินอีก
แต่บางครั้งเราต้องถามตัวเองหน่อย เป็นห่วงเค้าไปแล้ว เราได้อะไรกลับมา?
ชีวิตน้องวนเวียนไปกับยาเสพติดและคนไม่ดี เหมือนคนปลักจมโคลน
เพราะมันดื้อไม่ยอมฟังใคร
ไม่ยอมทำงาน ไม่ยอมเลิกยา หลายสารพัด
ถ้าเจอหมาจรจัดป่วนเปี่ยนแถวบ้าน ที่ไม่มีใครรัก
และอุ้มหมาตัวนี้กลับบ้านไปเลี้ยง
เราอาจจะถูกหมาฟัดเหวี่ยงกัดก็ได้
เพราะหมาตัวนี้ยังไม่เชื่อง เนื่องจากว่า เจ้าของเก่าเลี้ยงห่วย

update วันที่ 18 กันยายน, 2022:

พอตระหนักถึงวันนั้น ที่อีนกบินมาหาเรา
และกระจ่ายข่าวน้องให้ฟัง เพื่อกวนใจเราฟรีๆ
เราบอกกับตัวเองว่า วันหน้าเราจะห้ามอีนกตัวนี้พูดก่อนดีกว่า
คือผมไม่อยากรู้เรื่องของน้องแล้ว
เราต้องไปยุ่งกับคนอื่นทำไมถ้าไม่ใช่ญาติของเรา
ต่อจากนี้เราต้องทุ่มเทเวลากับแฟนตัวเองดีกว่า ก่อนไปคิดถึงคนอื่นเค้า
เอาใจใส่แฟนเรา เราจะเสริมความหนักแน่นต่อใจของกันละกัน
และจะช่วยให้ลืมปัญหานอกบ้านได้ง่ายๆ
ถ้าเราทำได้ เราไม่ต้องฟังอีนกพวกนี้อีก
ที่ชอบพาเราไปรู้สึกผิด ทั้งๆที่เราไม่ได้ทำอะไรผิดจริงๆ
อีนกเป็นตัวละครที่รับบทเป็น guilty conscience โดยเสียงไพเราะตามธรรมชาติของมั
คือ'คุคุคุคุคุคุคาคาคาคา'
...จะกลายเป็นเสียง
'น้อง น้อง น้องๆ' แทน
เสียงเจี๊ยวจ๊าว พูดพล่ามไม่หยุด
เราอาจจะดูไม่เห็นอกเห็นใจเค้า
แต่ช่างมัน เราต้องเอาตัวรอดไปก่อน
คนนอกอาจจะด้อยโอกาสดูเป็นคนน่าสงสารจริง แต่นั้นก็เป็นเรื่องของเค้า
ทุกคน แม้ว่าจะเป็นใคร ควบคุมชะตากรรมตัวเองได้อยู่ในระดับหนึ่ง
ชีวิตเค้าจะเป็นยังไงเค้าตัดสินเองให้เป็นแแบนั้น
พวกเราที่อ่อนไหวกับคนง่าย ต้องหัดรู้จักคำว่า ปลดปล่อย แค่นี้เอง
เปลี่ยนแนวคิดเสร็จ เราไม่ต้องรู้สึกผิดถ้าไม่อยากช่วยคนอีก
และไม่ต้องเฝ้าฟังพวกอีนกพูดพล่อยๆอีกด้วย
ครั้งหน้า เราจะแอบอยู่ในกระโจมนั่งร้านสำหรับล่าสัตว์ในป่าใกล้บ้านพักเรา
พอเราเห็นอีนกพวกนี้บินเข้ามา
ฉันจะยิงปืนไล่นกขี้คุยนี้ออกไปไกลๆเลย น่าจะดีกว่า

Saturday 20 October 2018

จ๊อกกิ้งเพื่อเจ็บ

วิ่งบนที่ลาด เจ็บหน่อย

compression knee sleeve
จ๊อกกิ้งเพื่อเจ็บ

ทำไมพวกจ็อกเก้อร์ชอบความเจ็บปวดจัง สมัยนี้คนที่อยากดูดีหน่อย ก็ไปจ็อกกิ้งเหยาะๆ
ธรรมดาไม่ได้แล้ว

คนกลับชอบ extreme jogging แทน
คือชอบวิ่งตามทางลาดจนเหนื่อย ทำอะไรๆก็ต้องให้ยากจนคุ้ม
โฉมหน้านักจ็อกเก้อก็เปลี่ยนไปด้วย

จากเมื่อก่อนที่เห็นใส่กางเกงขาสั้นถูกๆ กับเสื้อยืดขาดๆ ทุกวันนี้ไม่ค่อยได้เจอแล้ว

อยากดูโปรๆ ก็ต้องใส่ชุดผ้าสแปนเด็กซ์หรือผ้ายืดยุ่นล้ำเลิศสมัยใหม่มากๆ อย่างผ้า นีโอพรีน ถึงจะดูเข้าที่ได้

พวกที่ชอบ extreme jogging อยากดูเป็นนักกีฬาที่วิ่งไวที่สุดในโลก และที่สำคัญ ต้องพาตัวเองไปเจอความเจ็บปวด

อายุไม่สำคัญ คนแก่ก็ยังใส่กางเกงผ้าสังเคราะห์ได้  เดินกะโผลกกะเผลกนึกถึงสมัยหนุ่มๆที่เคยวิ่งรวดเร็ว

วิ่งบนที่ดินราบ สบายเข่า
วันก่อนผมเล่นโยคะในห้องรีสอร์ทของครอบครัวแฟน
มองออกไปข้างนอกก็เห็นอาคนหนึ่ง
เป็นญาติแฟน วิ่งผ่านมาหลายรอบ
อาเค้าน่าจะเข้าวัย 50ปี แล้ว แต่ยังไปจ็อกกิ้งบ่อยอยู่
วิ่งไปนานๆหลายนาที ไม่เห็นเหนื่อยสักที
อ๋อ เป็นพวกนี้ไง จ็อกกิ้งเพื่อเจ็บ
ผมไม่เคยขยันขนาดนี้ เวลาไปจ็อกกิ้งเลย
วิ่งช้าๆเบาๆ ก็พอแล้ว ไม่อยากเสี่ยงจนกล้ามเนื้อฉีก
อาเค้าดูเป็นจริงเป็นจังกับ fitness เลย
อุตสาห์ใส่ brace รองรับกระดูกสะบ้า หรือเป็น protective compression knee sleeve อีกด้วย
knee sleeve นี้ยาวเกือบครึ่งขา
เป็นอะไรไปไม่รู้ ถึงใส่ทั้งสองข้าง
เค้าใส่เพราะเริ่มจะแก่แล้วอยากใส่ brace หรือ sleeve ไว้รองรับข้อต่อที่ขาเจ็บๆมั้ย ที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ
หรือใส่เพราะชอบบังคับตัวเองวิ่งหนักจนโดนข้อเท้าเคล็ดไม่รู้
หรือชอบดูเท่ เรียกว่า แก่เท่
แต่เราเห็นแกวิ่งหลายรอบ แล้วแทนที่จะวิ่งบนพื้นเสมอง่ายๆ นอกห้องนั้น
ก็ชอบวิ่งบนที่ทางลาดชันนั้น ที่อยู่ตรงทางเข้าฟาร์มที่อยู่รอบๆข้างของรีสอร์ท
เหมือนยอมทนความเจ็บนั้นเองเพื่อร่างกายจะฟิตมาก
เพราะฟิตธรรมดาไม่พอแล้ว
จำกัดความคำว่า ฟิต อาจจะเปลี่ยนไปแล้วด้วยก็ได้มั้
จะให้ทันสมัยในยุคนี้ ต้องทำให้ดูเป็น extreme หน่อยถึงจะเข้าถึงขั้นจำกัดความว่า ฟิตจริง ได้

คุ้มมั้ยที่จะทำตัวเองเจ็บให้ทันสมัยขนาดนี้
ผมชอบโยคะมากกว่า เพราะไม่ชอบคนมอง และไม่อยากเจ็บ
แปลกมั้ย
แล้วแต่คนชอบ

Sunday 9 September 2018

old boat


Photo:
จากสุภาบเดิมๆ ยังดูออกเป็นเรือพอเป็นรูปเป็นร่าง


มาถึงสภาพเป็นซาก


ถ้าน้ำขึ้นแทบจะมองไม่เห็นเลย...




และสุดท้าย...โดนน้ำซัดจนซากพังเกือบหายไป


เรือประโมงร้างนี้ถูกน้ำทะเลกัดกร่อนเข้า จนซากแทบจะไม่เหลืออะไรเลย หายไปภายในสามเดือนเอง เจอที่สะพานท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ พฤษถาคม - กรกฎาคม 2014  ทุกวันนี้หายจริงแล้ว

Sunday 20 December 2015

Lucky pick

The lucky pick

เมื่อคืนครอบครัวแฟน ชวนเราไปกินข้าวเย็นกันที่รีสอร์ทเค้า
เรากินข้าวข้างนอกบ้านกัน มองดูดวงดาวระยิบระยับบนท้องฟ้า
แฟนเราคุยเก่งแต่ผมไม่รู้แล้วว่าในกลุ่มพูดคุยกันเรื่องอะไร
เพราะสมอง สวิชอ็อฟไปแล้ว ฟังไม่เข้าใจ
จันทร์ส่องแสงจางเกือบมองไม่เห็นแต่ลมพัดโชยเบาๆ
อากาศเย็นสบายแบบนี้ น่าเดินเล่นไปหาประสบการณ์ใหม่แถวบ้าน
ผมขอแยกตัวไปเล่นกีต้าร์ในลานจอดรถใกล้ห้องพัก
-
ผมหิ้วกีต้าร์จากห้อง พร้อมกับขวดเหล้าเพื่อนคู่หูที่เราเอามาจาก กทม
พอเริ่มดีดเล่นเพลงไม่กี่นาที ก็มี รปภ ประจำรีสอร์ท เดินมาทัก
ยามยังเป็นหนุ่ม อายุไม่น่าจะเกิน 40 ปี
'ผมเล่นกีต้าร์ไม่เป็นแต่ขอนั่งฟังฝรั่งเล่นหน่อย' เค้าบอก
แกเห็นว่าผมกินเหล้าเลยถามว่า
'กินอะไรอยู่'
'285 Blend' ผมตอบ
'ผมกินยาดอง รู้จักมั้ย' เค้าถามต่อ
'รู้จัก ชอบกินด้วย' ผมตอบจริง
ผมเคยกินยาดองเมื่อหลายปีก่อน สมัยนั้นที่ยาดองกำลังฮิต
ถึงจะผิดกฏหมายแต่แผงแอบขายผุดขึ้นทั้งเมือง
ยามล้วงขวดเล็กๆ ที่เค้าแอบเก็บไว้ออกจากเสื้อแล้วเสนอให้ผมชิมดู
ยามคงจะไม่เชื่อหรอก ว่าฝรั่งอย่างเรากินยาดองเป็น
ผมกระดกขวดเล็กๆ ที่เค้าส่งมา
แล้วก็ยื่นแก้วผมส่งให้เค้าแลกกันกินด้วย
แต่ยามขอไม่เอา
'ผมไม่ชอบ 285' เค้ากล่าว
ดื่มกินกันเสร็จผมก็เล่นต่อไปเรื่อยจนเค้าขอตัวไป
ก่อนลาไป ยามเล่าให้ฟังว่า แกเข้าเวรคนเดียวตอนเย็น
และต้องนั่งคนเดียวเฝ้ารีสอร์ทของเราแบบนี้จนถึงรุ่งขึ้นของวันใหม่
ทำงานแบบนี้ อยู่คนเดียวทั้งคืนไม่มีเพื่อนคุย ถ้าเป็นผมจะไหวมั้ยล่ะ
-
ปกติผมเล่นด้วยมือ
แต่คืนนั้นผมอยากเล่น scales โดยใช้ lucky pick ของผม
lucky เพราะอยู่กับเราเป็นนาน ไม่ไช่ lucky ในเชิงพอหยิบมาใข้ที่ไหน
แรงฤทธิ์ของมันจะช่วยเราเล่นเก่งที่นั้น ไม่ใช่หรอก
แต่ผมหา pick โปรดนั้นไม่เจอ
เราใส่ pick ในกระเป๋ากางเกงก่อนออกจากห้อง  แต่ทำไมตอนนี้กลับไม่เจอ
วินาทีนั้นชวนวุ่นวายหน่อย เพราะผมชอบ pick นั้นมาก
ถ้าทำหายจริงผมไม่รู้จะทำอะไร
ผมหยิบยกของแถวโต๊ะไปทั่ว มองทุกทิศทาง แต่หาไม่เจอ
แฟนผมเดินมาพอดี
'ช่วยหาพิคหน่อย  ผมทำหายไป'  เราขอร้อง
แฟนช่วยยกเก้าอี้หิน ขยับโต๊ะ
ขุดคุ้ยหาดูเป็น 15 นาทียังไม่เจอ
ผมคิดแปลกๆ เช่น ยามแอบเอาออกไปเก็บมั้ย (เก็บเพื่อ)
หรือหมาที่เลี้ยงประจำบ้านเจอ pick และกินเข้ารึป่าว
แต่ไม่น่าจะถึงขนาดนั้นเนอะ
ก่อนนอนผมออกไปหาอีกที
ครั้งนี้ไม่เจออีก

วันถัดไป
เราจัดตั้ง search party
ผมพร้อมกับแฟนเดินลุยกลับไปที่เกิดเหตุ (ห่างจากห้องประมาณ 20 เมตร)
และค้นหาเป็นจริงจัง
วีธีการ search คือนั่งยองๆ กันใช่มือเปล่าคุ้ยเขี่ยดิน ตะกุยขวานหาใต้โต๊ะ
ไม่เจออีก
ผมเดินท้อแท้กลับไปที่ห้อง
อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า เราต้องเดินทางกลับไป กทม แล้ว
แต่ยังไม่มี pick น่ารักๆ ของเรา ปรากฏตัวเลย
ก่อนกลับผมขออาศัยสายตาแม่นๆ ของแฟนมาช่วยเป็นฮึดสุดท้าย
ผมทำ lasik ปรับสายตาสั้นๆ ตัวเองหลายปีก่อน
แต่สายตาผมยังสู้กับแฟนไม่ได้เลย
แฟนออกไปคนเดียวไปหาดูอีกที
แล้วได้เจอด้วย
'ใช้เวลาแค่ห้านาทีจริง แต่ต้องใช้ตาเยอะ'  แฟนบอก
pick ตกข้างเก้าอี้ ต้องยกเก้าอี้ถึงจะเจอได้
ผมรู้สึกโล่ง ถึงขั้นตื่นเต้นที่ได้รับ pick กลับมา
ทำไมเค้าทำได้ภายในไม่กี่นาที แต่ผมหาดูหลายรอบไม่เจอสักที
-
เมื่อนั่งรถกำลังเดินทางกลับบ้าน
ผมนึกย้อนกลับไปที่เกิดเหตุเมื่อคืน
ถ้าผมนั่งคุยเฉยๆกับพวกญาติแฟน
คงจะไม่มีปัญหาเกิดขึ้นหรอก
ผมคงไม่ได้เจอยามที่เป็นเพื่อนคุยก็จริง
แต่คงไม่ได้ทำ pick หายไปด้วย
-
คำว่า 'ต้องใช้สายตาเยอะ'
ฟังเหมือนว่า สายตามีจำนวนจำกัด
เหมือนของเหลว เช่นน้ำ ที่เราเทใส่แก้ว
พอจิบไปปริมาณน้ำจะลดลงไปด้วย
ในแง่มุมตรงข้ามกัน
ถ้าเราเติมน้ำใส่แก้วนั้น
ปริมาณน้ำจะสูงมากขี้น
เติมใส่มาก น้ำอาจจะถึงขอบหรื่อล้นแก้วไปเลยก็ได้
ถ้าจะเอาน้ำในแก้วไปเทียบกับชีวิตคน
ตามการเวลา สายตาจะแย่ลงไปเรื่อย
ยิ่งแก่ ก็ยิ่งมองไม่ค่อยชัด
แม้จะปรับด้วยใส่แว่นหรือทำ lasik ก็ตาม
เมื่อสายตาผมหมดพลังไป เราต้องพึ่งพาอาศัยสายตาของแฟนแทน
อย่างที่เราทำไปเมื่อหา pick นั้นเองไม่เจอ จริงมั้ย
แต่ความรักที่เรามีให้กันเป็นยังนี้ด้วยรืเปล่า
คือมี จำนวนจำกัด
หรือความรักอาจจะต่างกันไป
เช่นตราบใดที่เรายังมีใจให้กัน
เอาใจใส่ และเทคแคร์กันดีพอ
ความรักไม่ต้องลดลงต่อการผ่านเวลาก็ได้
ไม่เหมือนพลังสายตาหรือปริมาณน้ำในแก้ว
คนยิ่งแก่ลงกันไป อาจจะยิ่งรักกันมากขึ้น เพราะเข้าใจกัน
และถ้อยทีถ้อยอาศัยกันในแบบน่ารักๆด้วย
เช่น ผัวจะเอาไม้เท้ามาช่วยเมียพยุงตัว เมื่อเมียทำข้าวให้กินกัน
ในมุมมองนี้ความรักจะกลายเป็นน้ำอมฤต ช่วยเราต่อชีวิตกัน
เราจะเอานํ้าทิพย์เติมแก้วความรักกัน
บทสรุป ผมน่าจะตาบอดก่อนหมดรักแฟนก็ได้ อิอิ

Tuesday 9 June 2015

เดินเข้าซอยหาที่แอบขี้


ที่นี้ดีมั้ย

หรือหาแแอบขี้ที่นี่ เป็นที่ดินร้าง อุ๊บมีศาลพระภูมิด้วย

เอาใช้ใบไม้เป็นกระดาษ?

เมื่อวันก่อนผมถูๆไถๆหน้าจอมือถือ ไล่ไปดูรูปเก่าในอัลบั้ม พอเจอรูปชุดนี้ ก็อึ้ง

รูปพวกนี้ไม่ได้เจอนาน แต่พอจำได้อยู่ ว่าผมถ่ายวันไหน

หลายปีก่อนผมกับแฟนขับรถแวะไปหาเพื่อนเค้าที่ สัตหีบ

บ้านอยู่ในซอยเล็กๆน่ารักดี

ทักทายกันที่หน้าประตูบ้านเสร็จ ผมเริ่มปวดท้องขึ้นมาพอดี

เราไม่สนิทกัน แต่ด้วยความเกรงใจเค้าด้วยมั้ง ผมเลยไม่กล้าขอไปใช้ห้องน้ำเพื่อปล่อยทุกข์

เดี๋ยวจะโดนหาว่า เราแวะมาเพื่อใช้ห้องน้ำอย่างเดียว เหมือนใช้บริการปั๊มน้ำมัน ไม่ใช่เพราะอยากเจอคน

นอกนั้นผมได้ยินเสียงเด็กเล่นน้ำกันอยู่ภายในห้องน้ำนั้นด้วย

ถ้าเราเข้าไปนั่งปล่อยทุกช์  เด็กๆต้องออกไปก่อน  อย่างนั้นเราเลยลำบากใจ

ปกติถ้าผมเจอปัญหาส่วนตัวแบบนี้ ผมจะกระซิบบอกแฟน ให้เค้าช่วยเราจัดการปัญหา แล้วแฟนคงพูดบอกเสียงดังให้คนรู้เลยว่า  ฝรั่งอยากขี้

แต่วันนี้เราเห็นเค้ามัวแต่คุยกับเพื่อนเจ้าของบ้าน เลยเลือกเก็บทรมารใจเงียบๆ แล้วก็แก้ปัญหาเองนอกบ้าน

ผมคิดว่า ถ้าเราใช้ห้องน้ำข้างในไม่ได้  เราจะไปหาดูที่แอบขี้ข้างนอกดีกว่า

แหม เกรงใจเพื่อนแฟนจนขอไปห้องน้ำเค้าไม่ได้
แต่ยอมใจตระเวนหาที่แอบ ที่หลบ รบกวนชาวบ้าน ทั้งๆที่ไม่รู้จักใครระแวกนี้
แต่พอเริ่มปวดหนักขึ้น ผมคิดไม่ออกจริงๆ

ผมเลยขอไปเดินเล่นนอกบ้านก่อน

แฟนและเพื่อนเค้าไม่ได้ว่าอะไร

ผมคิดในใจว่า  เพื่อนบ้านที่เห็นเราเดินตามซอย คงไม่สงสัยอะไร

เดินไปพลางก็ถ่ายรูปไป ก็เป็นเรื่องธรรมดา

บ้านในรูปแปะข้างบนตกเป็นเป้าหมายอันดับแรกที่เราจับตาดู

ผมเดินอ้อมไปหลายรอบแต่ไม่เจอที่ให้แอบทำภาระกิจเลย ที่ที่เราคิดว่าน่าะจะเหมาะรับของขวัญของเรา

จากที่นี่  ผมเดินลึกเข้าซอยไปอีกนิด จนเจอที่ร้างพร้อมกับศาลพระภูมิ ดังที่เห็นในรูป

แต่ด้วยความกลัวว่าจะมีผีไม่พอใจ และไม่ได้เจอที่หลบระดับต่ำพอจะปิดบางสายตาชาวบ้านได้  ต้องเดินออกไปอีก

ผมเดินไปเรื่อยแอบตรวจหลายบ้าน  ไม่เจอที่ให้หลบเพื่อที่จะเบ่งทิ้งขี้สักที่

สุดท้ายก็ต้องเดินกลับไปที่บ้านเพื่อนแฟนโดยยังไม่ได้ปล่อยขี้

แล้วก็ขอผ่านทางแฟนว่า ผมใช่ห้องน้ำได้มั้ย  อั้นไม่ไหวแล้ว

ตอนนั้นก็ยังได้ยินเสียงเด็กเล่นกันอยู่ข้างในอีก

แสดงว่าห้องน้ำยังไม่ได้ว่างเลย

แต่โชคดี  พระเจ้ายังไม่ได้ลืมผมวันนั้น เจ้าของบ้านบอกว่า มีห้องน้ำย่อยข้างในอีก ที่ติดกับห้องนอนตัวเอง

ห้องน้ำนั้นว่างอยู่  ไม่มีปัญหา

สุดท้ายผมก็ปล่อยทุกข์ได้สบายโดยไม่ต้องรบกวนคนในซอย

คิดดู ถ้าวันนั้นผมต้องนั่งยองๆทิ้งขี้ก้อนใหญ่ข้างนอกจริง ให้เป็นที่ระลึกของคนแถวนั้นและคนในซอยนั้นดันมาพบเจอผมทำธุระก่อนที่จะเสร็จ  ผมคงจะหน้าแดงแค่ไหน นึกถึงขึ้นมาเมื่อไรก็ยังรู้สึกอาย  ที่ไม่ได้บอกเพื่อนแฟนตั้งแต่แรก ว่าฝรั่งอยากขี้!!

ปล ครั้งนี้ไม่ใช่หนแรกที่ต้องปล่อยทุกข้างนอก see here

โพส์ตเด่น

20plus club (Postscript 3, final)

แคปชั่นก๊อปจากเน็ต: โรงพยาบาลตำรวจบริเวณสี่ แยกราชประสงค์ ปี พ.ศ. 2542 แจกเสร็จ น้องก็นั่งรอจ่ายบิลอยู่ข้างๆผม มือน้องสั่น เหงื่อออกเต็มหน้า...

โพส์ตนิยม