Monday 18 November 2019

out of hospital (2)

กลับไปที่หน้าบ้านวุฒิอีกแล้ว

นิสัยเปลี่ยนไปด้วย
 จากมาก่อนชอบเมายาจนมักจะนั่งเงียบๆ ไม่ค่อยพูดจากับใคร
ตอนนี้เจ้าตัวอารมณ์คึกคักตื่นเต้นดี
เค้าพูดได้แล้ว ทักทายคนด้วย
ชอบเล่นมุกและหยอกล้อจีบสาวๆ ที่เดินในซอยอีก
แต่ตามที่ผมสังเกตุดู น้องก็ยังมีบางช่วงเวลาที่ดูสับสน อารมณ์ไม่คอยคงที่ นั่งแป็บเดียวก็บ่นว่าหูอื้อ ฟังคำพูดคนไม่ค่อยได้ สรุปแล้วน้องยังป่วยทางจิตอยู่ในระดับหนึ่ง
หมอที่โน่นให้คำวินิจฉัยว่าน้องเป็นโรคจิต
แต่โรคจิตเพราะเล่นยาหรือตั้งแต่กำเนิดเองก็ไม่รู้
คำวินิจฉัยแบบนี้ ฟังแรงเกินไปสำหรับคนวัยแค่นี้
โลกนี้มีวัยรุ่นที่ไหนที่อยากโดนมลทินจากสังคม ว่าเค้าเป็นเด็กบ้า 
แต่น้องดูไม่ติดใจเท่าไรกับเรื่องนี้หรอก
เค้าชอบเอาสภาพตัวเองไปเล่นมุกต่างหาก
เมื่อไม่กี่วันหลังจากกลับบ้านแล้ว มีข่าวว่า น้องแอบจีบสาวคนหนึ่ง
ที่เป็นแฟนเพื่อนในวง 
เมื่อพี่ๆ ในวงจับได้และรู้ว่าธีร์ไปยุ่งกับผู้หญิงคนอื่น
เค้าด่าน้องเละ
แต่ธีร์กลับตอบเนียนๆ ทะเล้นๆ ว่า 'คนบ้า (อย่างผม) ทำได้'
เจอกันวันแรก ผมกำลังเดินไปยังบ้านวุฒิพอดี 
น้องนั่งกับเพื่อนวัยรุ่น รวมกันประมาน คน ที่หน้าบ้านวุฒิ
น้อง ซึ่งกำลังคร่อมรถมอร์ไซค์ออกไปข้างนอก ไหว้และทักทายผมดี
'สวัสดีไมเคิลเค้าพูดดังๆ ชัดๆ เลย
-
ในคืนแรกนั้นเรานั่งคุยกันเล่นเป็นนาน
เพื่อนๆ น่าจะคิดถึงน้องบ้างเนอะ แต่ผมไม่เห็นใครถามถึงประสบการณ์เค้าที่โน่นเลย
จนผมต้องแซกพูดเอง 'ไม่มีใครสนใจน้องเลยเหรอ ว่าการบำบัดตัวเป็นยังไง'
น้องแอบยิ้มอ่อนๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร เพื่อนก็เงียบเหมือนเดิม
ผมสงสารน้อง อยากช่วยให้ปรับตัวให้เข้ากับสังคมให้เร็วที่สุด
ผมถามเค้าว่า 'ยังกลัวคนใช่มั้ย เจ้าหน้าที่โรงบาลพาพวกแกออกไปเที่ยวข้างนอกบ้างมั้ยลูก'
น้องไม่ได้ตอบ
เรานั่งด้วยกันแบบนี้นานประมาณสามชั่วโมง
คุยบ้าง ไปเฝ้าดูเค้าที่ร้านเกมส์บ้าง
พอดึกๆ เข้า แม่โผล่ตัวมาที่กลางซอยยืนเรียกลูกกลับบ้าน 
เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเค้าเดินเข้ามาหาเราแบบนี้เลย
น้องกลับบ้านโดยไม่ได้พูดจากับใคร
มาเจอกันคืนที่สอง แม่ได้เปลี่ยนวิธีการเรียกลูกกลับบ้านแล้ว
เค้าซื้อโทรศัพมือถือให้ เมื่ออยากให้ลูกกลับ เค้าจะส่งข่อความเรียกมา
น้องเดินมาหาเราที่บ้านวุฒิพร้อมถือเครื่องแนบชิดไว้กับอก ภูมิใจกับของใหม่เหลือเกิน
น้องนั่งเล่นกันบ้าง โทรหาเพื่อนบ้าง  ได้เวลาสี่ทุ่มแล้ว แม่ส่งแมสเสจตามหา ถามลูกว่าเมื่อไรจะกลับบ้าน
น้องไม่ได้ว่าอะไรหรือลาใครไปสักคน เค้าลุกขึ้นเดินกลับบ้านเลย
แม่เคยซื้อโทรศัพท์ให้เค้าอีกเครื่องหนึ่งก่อนที่น้องเข้าไปบำบัดตัว
ครั้งนั้นเป็นมือสองใช้ได้ไม่กี่อาทิตย์แล้วก็พังไป 
ครั้งนี้แม่ซื้อเครื่องแพงๆหน่อย ราคาประมาณหกพันบาท
น้องเอาเครื่องไปอวดโชว์ให้เพื่อนดู แต่ไม่ได้เอามาให้ผมดูเหมือนไม่อยากให้ผมไปยุ่ง
ผมรู้สึกน้อยใจที่แม่ซื้อใจเค้าได้ง่ายขนาดนี้ 
ตอนที่พวกเราช่วยประคองชีวิตน้องเป็นหลายเดือน ไม่เห็นแม่ปรากฏตัวแสดงความสนใจลูกเลย
ลูกคงจะเสียใจกับแม่ตรงนั้น
แต่เมื่อแม่พาลูกกลับบ้านแล้วได้ไปซื้อมือถือให้เค้าเป็นรางวัล
น้องเห่อของเล่นใหม่จนดูเหมือนจะลืมบุญคุณของเรา
ผมรู้สึกเฮิร์ทจนไม่อยากเจอหน้าเค้าแล้ว
ผมเดินหนีออกไป
กระทั้งเมื่อคืนถัดไป พอน้องเห็นผมเดินไปสู่หน้าบ้านวุฒิ
เค้ารีบเดินออกจากบ้านแล้วก็ทักผมทันทีว่า ‘ไมเคิลมีปัญหามั้ยครับ
น้องเป็นห่วงความรู้สึกอ่อนแอผมนี่หว่า
ผมรีบขอโทษเค้าที่ทำตัวเหมือนเด็ก
น้องยังป่วยอยู่ ผมไม่น่าจะปั่นป่วนหัวเค้าขนาดนี้
-
น้องกลับมาขอตังค์เก่ง 
เหมือนเค้าชอบทำในช่วงก่อนนั้นที่เค้าไปบำบัดตัว

now, see here

No comments:

Post a Comment

เขียนเป็นไทยหรืออ้งกฤษก็ได้คับ Thai or English is fine...

โพส์ตเด่น

20plus club (Postscript 3, final)

แคปชั่นก๊อปจากเน็ต: โรงพยาบาลตำรวจบริเวณสี่ แยกราชประสงค์ ปี พ.ศ. 2542 แจกเสร็จ น้องก็นั่งรอจ่ายบิลอยู่ข้างๆผม มือน้องสั่น เหงื่อออกเต็มหน้า...

โพส์ตนิยม