Showing posts with label บ้านกทม. Show all posts
Showing posts with label บ้านกทม. Show all posts

Monday 18 November 2019

ชีวิตผู้เสพยาต่อ (2)


สมัยก่อนเค้าเคยรับจ้างรีดเสื้อผ้าอยู่ที่บ้านเค้าเอง 
แฟนผมก็เคยได้จ้างให้เค้ารีดเสื้อผ้าของเราด้วย
ผมและแม่เจอกันบ้างแต่ไม่ได้สนิท
ปกติแม่ต้องเลี้ยงสามชีวิตในบ้าน คือแม่เองกับลูก คน
แม่มีฐานะเป็นหัวหน้าครอบครัวเล็กๆหลังแยกกับผัว คือพ่อธีร์ เมื่อหลายปีก่อน
จากนั้นก็ไปคบกับหนุ่มชาวสลัมอีกคนหนึ่งที่กลายเป็นพ่อน้อง บี
แต่เลิกกันไปแล้ว
ถ้าแม่มีปัญหาการหาเงินเลี้ยงลูกสองคนนี้ เค้าไม่ได้บ่นหรือพูดอะไรมาก
'ฉันขายของและหาเงินได้ไม่มีปัญหา แต่บางครั้งไม่มีแรงจูงใจทำแม่บอกผม
เมื่อกลางปีที่ผ่านมา แม่ทำงานที่ธนาคารแห่งหนึ่ง
แต่ลาออกไปหลังจากน้องธีร์โดนจับเรื่องยา
โดยลูกต้องรับโทษติตคุกเด็กเกือบสองเดือน
แต่ถ้าแม่รู้สึกผิดหวังที่ต้องเสียงานไป เค้าไม่ได้แสดงออกเช่นกัน
'ฉันชอบทำงานให้ตัวเองมากกว่าเค้าบอก 'แม่จะหาเลี้ยงชีพทางโซเชิยลมีเดียดีกว่า'
แม่สร้างแฟนคลับทางเฟซไว้ไปติดตามเรื่องราวชีวิต และซื้อของ ของเค้า
โดยแม่ขึ้นโพสวันละหลายรอบ
เค้าทำธุรกิจออนไลน์ที่เกี่ยวกับหวยลาวและเติมเงินแอพไลน์ด้วย
แม่โอนค่าแทงหวยให้ลูกค้าเค้า แล้วก็เดินตระเวนทวงเงินตามบ้านถ้าเพื่อมีลูกค้าไม่ยอมจ่าย
นอกนั้นเค้าขายของเหมือนคนทั่วไป
เช่นอาจจะเสริมรายได้โดยการทำเบเกอรี่ขายทางเน็ต
หรือจะลงมือเป็นเชฟทำหมูทอดและยำปูไว้ไปขายที่แผงหน้าชุมชมใกล้บ้านเค้า
เวลาว่าง แม่มีแก๊งเพื่อนผู้หญิงที่ชอบพากันออกไปเที่ยวอยู่บ่อยๆ เป็นคนในชุมชนที่อยู่ในซอยเหมือนกัน
แล้วก็มีเพื่อนผู้ชาย สักอีก
 2-3 คน คอยช่วยเค้าทำธุระทางบ้าน
ผู้ชายคนนี้ดูท่าทีว่าเป็นเหมือนเจ้าพ่อ ในอดีตที่มีใจเป็นนักเลงอยู่ในท้องถิ่นหน่อย
แต่พอแก่ขึ้นแล้วและได้ไปมีครอบครัวก็ถอดเขี้ยวถอดเล็บ
ไม่ได้กวนใครๆแล้ว
-
พี่น้องช่วยแม่ขายของกันหลายปีที่แล้ว
เค้าเล่าให้ผมฟังว่าสมัยเด็กเค้ายากจนและก้อต้องมีลูกอีก คือน้องธีร์ ในวัยเด็กเกินไป
'เอาคิดดูสิ ฉันอายุ 35 ปี แต่ไอ้ธีร์ปาเข้าไป 19 ปีแล้วแม่บอกผม
แต่ถ้าแม่เป็นเด็กด้อยโอกาสตอนนั้น
ทุกวันนี้แม่พยายามสร้างภาพลักษณ์ให้ตัวเองดูเป็นคนมีตังค์มีฐานะดี
ชอบทำตัวเป็นเน็ตไอดอลอีก
ไปเที่ยววัดและกินข้าวตามร้านอาหารหรือนอนพักที่รีสอร์ทต่างจังหวัดบ่อย จนผมสงสัยว่าเค้าหาเงินเยอะขนาดนี้จากแหล่งไหนกันแน่
ถึงแม่อยากสร้างภาพว่ามีเงิน แต่บ้านยังดูแคบ แถมเสื้อผ้าที่แม่ซื้อให้ลูกก็ดูไม่เยอะเท่าไร และไม่แพงด้วย ถ้าเทียบกับเสื้อผ้า สวยๆ หลายชิ้นที่แม่ซื้อให้ตัวเค้าเอง
วันนั้นที่ไปคุยกับแม่เรื่องลูก
ผมแอบสอดส่องบ้านแม่
ถ้าน้องธีร์อยู่บ้านแม่ปกติ เค้าจะนอนหรือแต่งตัวที่ไหนไม่รู้
บ้านดูเล็กเกินไปที่จะรับครอบครัวเค้าได้แบบสบายๆ
บ้านแม่เป็นรูปลักษณะห้องยาวๆ
มีห้องครัวเล็กและห้องน้ำที่ส่วนท้าย แต่ไม่มีห้องนอนแยกออกจากห้องหลักเลย
แม่และลูกตัวเล็กต้องนอนด้วยกันบนพื้นใกล้ประตูทางเข้าบ้าน
เค้าเก็บผ้าปูที่นอนพับไว้ทุกเช้า แล้วกางออกอีกในทุกคืน
แต่พูดไปแล้ว บ้านแม่ยังดูน่าอยู่มากกว่าบ้านอีกหลายหลังที่ผมเห็นในซอย
บางหลังดูเหมือนห้องขังผู้ต้องหามากกว่า จัดเป็นรูปกล่องมีแต่ประตูอย่างเดียว บางครั้งไม่มีห้องนอนหรือหน้าต่างด้วย
ถ้าวัยรุ่นในสลัมไม่อยากกลับบ้านของเค้าบ้าง เราไม่ต้องคิดไปไกลหรอกถ้าอยากรู้สาเหตุ
เพราะบ้านพักเค้าอาจจะแคบไม่น่าอยู่แค่นั้นเอง
และน้องก็เหมือนกัน
-
มีวันหนึ่งข้างหน้าหลังจากน้องเข้า rehab เป็นครั้งแรก ผมไปหาแม่ที่บ้านคุยกันเล่นๆ
(แม่อารมณ์ดีขึ้น ไม่ไล่ผมออกจากหน้าบ้าน)
แม่ซึ่งรู้อยู่แล้วว่า ผมกำลังช่วยลูกเค้า
แกเอารูปครอบครัวออกมาให้ดูเล่นๆ

now, see here

ชีวิตผู้เสพยาต่อ (1)

อย่างที่กล่าวไปแล้ว ถ้าน้องไม่ได้นอนที่ห้องวุฒิ เรามักจะเจอเค้านอนที่กลางแจ้งตรงตรอกเข้าชุมชน
ที่คนข้างในเรียกกันว่า โต๊ะแปด
น้องนอนบนที่ม้านั่งอยู่ใต้ต้นโพธิ์ลำต้นใหญ่ๆนั้น ที่เป็นตัวเด่นของแถวนี้
ที่จริงแล้วต้นนี้เป็นหนึ่งในกลุ่มของอีกหลายลำต้นนั้น
ชาวบ้านสร้างศาลเจ้าไว้ที่ฐานโคนต้นไม้นี้เพื่อไว้บูชา
คนข้างในเคยบอกผมว่า ต้นไม้พันธุ์นี้แพร่กระจายไวมากถ้าไม่มีใครสะกัดไว้ก่อน 
เมล็ดพันธุ์จะเติบโตแตกกิ่งก้านสาขาออกเป็นต้นใหญ่อย่างรวดเร็ว จนครอบคุมทั่วพื้นที่
แต่คงจะไม่มีใครกล้าไปยุ่งกับมันหรอกเพราะคนไทยเชื่อว่า ต้นโพธิ์มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 
ต้นไม้นี้จะแตกกิ่งก้านจนเลยขึ้นไปทั่วจนกลายเป็นอุปสรรคสำหรับเจ้าของที่ดินที่กำลังสร้างโครงการคอนโดใหม่แถวบ้านเรา
ถ้าจะโค่นต้นนี้ก็ต้องแอบทำช่วงกลางคืน
แต่เรื่องนี้อาจจะดูไกลไปหน่อยสำหรับเด็กวัยรุ่นเหมือนน้องที่ไม่มีที่พักที่นอนประจำตอนนี้
ถ้าเล่นยาดึกเค้าคงเลือกนอนที่ต้นโพธิ์นั้น
เค้าไม่อยากรบกวนคนที่บ้านวุฒิที่กำลังนอนอยู่
นอกนั้นน้องรู้ดีว่า ถ้าเค้านอนข้างนอก เค้าจะมีโอกาสได้เจอผมในช่วงเช้าวันถัดไป
เพราะผมเดินไปทางนั้นทุกวันตอนเช้า
เพื่อจะไปเล่นฟิตเนสที่ตึกจอดรถที่ปลายทางของเขตคอนโดใกล้โต๊ะแปดนั้นเอง
ถ้าเค้าหมดตังค์วันไหน เค้าจะย้ายไปนอนที่ต้นไม้ช่วงกลางคืนก่อนนั้น เราจะได้เจอกันช่วงเช้าถัดไป
หน้าที่ของผมก็คือ ถ้าเห็นน้องนอนอยู่ ผมจะปลุกตัวเค้าและพาน้องไปกินข้าว
แม่ค้า (พวกป้าที่พักอาศัยข้างในแต่ออกมาขายของที่ โต๊ะแปด ทุกเช้า) จะเรียกผมให้ไปปลุกน้องถ้าผมไม่ได้เห็นเค้าเสียก่อน
นี่ก็กลายเป็นกิจวัตรประจำเช้าของเรา
-
ปกติผมมักจะเจอน้องตอนเย็นๆวันอังคารซึ่งเป็นวันหยุดผม ที่บ้านวุฒิ 
ก่อนได้กลับบ้านผมจะฝากเงินเอาไว้ให้น้องซื้อข้าวกิน
เพราะผมต้องกลับไปทำงานแล้ว 
คงไม่ได้เข้าไปในซอยอีก เป็น 2-3 วัน
เค้าจะใช้ตังค์นั้นประคองตัวตลอดทั้งวันพุธแต่พอมาถึงเย็นๆ เงินคงใกล้จะหมดแล้วล่ะ
ถ้าน้องอยากกินข้าวในวันถัดไปเค้าต้องหาวิธีเพื่อจะได้เจอผมให้ได้ คือย้ายไปนอนข้างนอกที่ใต้ต้นโพธิ์นั้นเอง
ตอนแรกผมไม่ได้เข้าใจว่าทำไมเรามักจะเจอเค้าข้างนอกทุกเช้าวันพฤหัส (เงินหมดไง)
บางครั้งเค้าจะนอนข้างนอกนี้เป็นหลายคืนติดกัน
เค้าคงนอนรอเจอผมนั้นเอง เพราะในช่วงแรกผมไม่อยากให้เงิน
ผมเลยทิ้งเค้าไปแบบนี้แระ ผมจะส่งสัญญาณเป็นภาษาใบ้ไม่ให้แม่ค้าปลุกเค้าแทนผมด้วย ใจเราไม่อยากเจอไง
แต่เมื่อผมไม่ออกเงินเป็นหลายวันติดกัน ผมจะเริ่มรู้สึกผิด เลยฝืนใจตัวเองปลุกน้องตื่นขึ้นมาแล้วก็พาไปกินข้าว
เมื่อน้องลุกขึ้นหลังจากไม่ได้เจอกันนาน เค้าถามผมทันทีว่า ไมเคิลไปไหนมา เหมือนเค้าพึงใจผมให้ช่วยเหลือเค้า และผมน่าจะรู้หน้าที่ตรงนี้ แต่กลับไม่ทำ จนน้องต้องอดกินข้าวไปนาน
(นึกแล้วผมรู้สึกผิดจริง)
แต่เมื่อผมยอมรับสภาพตัวเองว่า ต้องเป็นฝ่ายดูแลเค้า ผมเริ่มรู้สึกดีขึ้น
ส่วนวันอื่นเราจะเจอหรือไม่เจอข้างนอกก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์เค้า  (นานๆทีน้องจะไปนอนกับเพื่อนวัยรุ่นที่เช่าบ้านรวมกันในซอยก็ได้ ถ้าไม่ไปนอนที่บ้านวุฒิ)
แต่เราต้องเจอกันช่วงเช้าวันพฤหัสแน่ เพราะเค้าหมดตังค์แล้ว ไม่มีอะไรกิน อิอิ

แม่กลับเข้าฉาก
แม่ยืนหน้าประตูบ้าน เดือนมีนา 2019
เห็นได้ชัด แม่เค้าไม่ชอบรับรู้อะไรที่เกี่ยวกับธีร์ตั้งแต่ไล่เค้าออกจากบ้าน
แม่บอกว่า เค้าเอาแต่เรื่องดีๆ เข้าไปในชีวิต (จะมีชีวิตที่ไหนเป็นแบบนี้)
เรื่องหนักใจขอไม่รับ
หลังจากที่ผมไปหาแม่ที่บ้าน แล้วก็โดนแม่ร้องตะโกนใส่หน้า
ผมกลับไปเล่าให้น้องฟัง
ตอนแรกน้องธีร์ไม่พอใจที่ผมแอบไปหาแม่
จะไปยุ่งกับเค้าทำไม’ เค้าบอก
พออารมณ์ดีขึ้นหน่อย
เค้าสรุปนิสัยแม่ตรงนี้ให้ผมฟังว่า
'แม่ไม่ชอบมีเรื่องกังวนใจ ชอบคิดแต่เรื่องเบาๆ รู้ไว้ด้วยแม่เคยเขียนถึงนิสัยตัวเองแบบนี้ไปแล้วที่เฟซเค้า เหมือนเตือนให้พวกเรารู้ไว้ ว่า
'(ฉัน) 'ไม่จำเป็นต้องฟังทุกเรื่อง
ไม่จำเป็นต้องมองทุกเรื่อง'

now, see here

life as a druggie (4, final)

ข้างในซอย เหลียวซ้ายจะเจโต๊ะแปดอยู่ตรงแสงฟ้า

ผมรู้จักแม่มาสักพักแล้ว ถึงจะไม่สนิทกันมากก็ตาม
แต่ผมไม่เคยเห็นเค้าอารมณ์เสียขนาดนี้
ปกติผมและแม่คุยกันสนุกสนานดี
แต่วันนี้ก็เหมือนมารยาททางสังคมหายวับไปกับตาทันทีเลย
สุดท้ายผมต้องถอยตัวกลับมาที่บ้านวุฒิโดยไม่มีอะไรคืบหน้า
แต่ก่อนที่เราจะเลิกคุยกันวันนั้น
เรายังเจอช่วงเวลาสั้นๆ ที่คุยกันรู้เรื่องหน่อย
เมื่อแม่เข้าใจเจตนารมณ์ผมผิดว่า ผมจะรับน้องไว้ไปเลี้ยงที่บ้าน
แม่คิดผิดว่า ผมกำลังเสนอตัวว่าจะรับธีร์เป็นลูกเลี้ยง โดยแม่ไม่ต้องหนักใจเรื่องลูกอีกแล้ว เพราะผมจะดูแลเอง
จากเปล่งเสียงแข็งกร้าวที่เค้าใส่อารมณ์กับผมในช่วงแรก
แม่ปรับลีลาการพูดให้นุ่มนวลสบายหูมาก เหมือนแมวที่เจอชามนมใหญ่โต
‘ไมเคิลอยากเป็นพ่อเลี้ยงเค้าเป็นลูกเหรอ’
เค้าถามพร้อมยิ้ม
‘ไม่หรอกคับ’ ผมรีบตอบ
‘ผมไม่ใช่ญาติแท้ๆเค้าหรอก ไม่มีหน้าที่ต้องไปเลี้ยง ไม่เหมือนแม่อ่ะ
แม่ทำหน้าตกใจดูผิดหวังชัดเจน
ผมเจอคำถามแบบแม่จากผู้ใหญ่ในซอยบ่อย
เค้าชอบทาบถามดูในทำนองว่า
‘ไมเคิลอยากรับลูกเราไปเลี้ยงที่บ้านมั้ย’
เค้าคงไม่มีเวลาดูแลลูกเองหรือไม่มีตังค์พอเลยอยากโยนภาระออกไป
เค้าคงเห็นว่าฝรั่งอยู่ได้สบาย และผมรักเด็ก เลยคิดไปกันใหญ่
แต่พูดถึงแม่น้องนะ ในช่วงนี้จะมีแต่ผมและวุฒิที่กล้าไปคุยกับเค้าเรื่องลูก (เท่าที่ผมรู้)
คนข้างในส่วนใหญ่จะไม่อยากยุ่ง
วุฒิเคยไปคุยกับแม่ในเชิงเดียวกับผม คือเป็นห่วงสภาพน้อง แล้วอยากรู้ว่าแม่จะยอมให้กลับบ้านเมื่อไร
แต่วุฒิโดนแม่ร้องตะโกนใส่เช่นกัน

ผมมารู้ทีหลังว่า แม่เป็นห่วงว่า ลูกจะโตช้ากว่าเพื่อนๆ หลังจากน้องเสียเวลานานเล่นยาอย่างเดียว
ผมเห็นด้วย
ส่วนเพื่อนน้องรุ่นราวคราวเดียวกัน
บางคนยังเล่นยาก็จริง
แต่ส่วนใหญ่นะ เราเห็นเพื่อนของน้องเค้าเริ่มจะโตและมีความคิดแตกต่างได้แล้ว
เค้าคงไม่อยากเสี่ยงแบบน้องหรอก
เค้าเลือกเดินเส้นทางชึวิตที่รุ่งเรืองมากกว่านี้
ถ้าไม่เรียนต่อก็เริ่มทำงานแล้ว พอมีเวลาว่าง อาจชวนกันไปเล่นบอลหรือไปหาแฟนข้างนอก
แทบจะไม่มีใครเหลือแล้วที่อยากนั่งเสียเวลาเล่นยาอย่างเดียว
นอกจากพวกฮาร์ดคอร์ที่เสพยาประจำที่โต๊ะแปดนั้นเอง
ซึ่งมักจะเป็นรุ่นพี่ของน้อง ไม่ใช่วัยรุ่นในวัยเดียวกันแล้ว
หนุ่มๆพวกนี้ ยังพอมีงานทำบ้าง  มีแฟนกับครอบครัวด้วย แต่ดันยังเล่นยาอยู่ เหมือนคนที่โตช้ากว่าเพื่อนฝูงอย่างที่แม่ว่า...
น้องอาจะไม่รู้หรอก
แต่เราเห็นบรรยากาศในซอยกำลังเปลี่ยนตามไปด้วย
จากเมื่อปีก่อน ผมอาจจะเห็นเด็กวัยรุ่นตั้งกลุ่มเป็น 6-8 คน ยืนอยู่หน้าบ้านวุฒิ หรืออยู่กับเพื่อนข้างใน
ดูดยากันใหญ่แบบเปิดเผย ไม่แคร์ว่าคนอื่นจะมอง
(โดยผลปฏิกิริยาจากยาไม่เหมือนกันทุกคน ดูดเข้าไปเด็กบางคนจะเกิดอาการง่วงนอนเกือบหลับเลย ในขณะคนอื่นจะตึ่นเต้น)
มาถึงทุกวันนี้แทบไม่มีใครกล้าเล่นกันเป็นกลุ่ม หรือที่เปิดเผยขนาดนี้
ผู้เสพบางคนถูกตำรวจและทหารจับเรียบร้อย (ผมเห็นเค้าเดินตระเวนตามซอย ตำรวจรู้ดีว่าบ้านไหนมีเด็กชอบเล่น เค้าจะดิ่งไปเคาะประตูบ้านนั้นทุกที)
นอกนั้นคนในวัยน้องเริ่มจะโตขึ้นแล้ว พอเริ่มมีความรับผิดชอบในชีวิตเค้าจะเลิกทิ้งยาไปเอง
แต่น้องธีร์ของเรายังทำตัวไม่รู้เรื่อง
น้องชอบเล่นจนดึก ถ้าเล่นหนักอาจจะเมายาเพลินจนหลับไป
กระทั่งพี่ๆที่ร่วมเล่นกันก่อนหน้านั้นจะแยกย้ายกลับบ้านไปหมดแล้ว เพราะพรุ่งนี้ต้องไปทำงาน
เค้าจะทิ้งน้องนอนคนเดียวไม่รู้สึกตัว

now, see here

life as a druggie (3)

วิวเข้าชุมชนน้องอีกมุมหนึ่ง แยกออกจากซอยอมร

ตอนเริ่มคบกัน วุฒิเตือนผมไว้ว่า ‘ไม่ต้องคุยกับน้องเรื่องพ่อแม่นะเดี๋ยวจะโดนเค้าอาละวาดใส่’
เค้าเดือนผมไว้
คงจะเห็นค้วยกับตาเองว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้ากวนใจน้องมาก
แต่พวกเราที่เป็นห่วงสภาพน้อง หรือไม่ก็เริ่มจะหงุดหงิดสะแล้วที่ต้องออกค่ากินให้เค้าตลอต เราต้องลองใจถามดูเค้าบ้าง เช่น ‘เมื่อไรจะกลับบ้านบ้าง'
ถ่าน้องอารมณ์ดีอยู่ เค้าอาจจะตอบไปว่า ‘ผมยังไม่พร้อมจะกลับนะไมเคิล’
ซึ่งแสดงว่า น้องรู้ว่าเค้าต้องกลับไปที่บ้านแม่สักวันจริงๆ
แต่ตอนนี้อยากใช้ชีวิตแบบผาดโผนเล่นยาต่อเสียก่อน
แต่ถ้าอารมณ์เสียแล้วก็...
น้องประกาศเหมือนเป็นพิธีกรเลยว่า เค้าห้ามใครพูดถึงทางบ้านซึ่งหน้า
เหมือนอยากจะผลัดวันนั้นที่เค้าว่า ต้องกลับไปหาแม่ ออกไปอีกไกล
แต่ผมก็ดื้อไม่แพ้น้อง อยากถามเลยฝืนคำสั่งเค้า
มีวันหนึ่ง ผมรู้สึกเป็นห่วงจนอดทนไม่ไหว
ผมคิดในใจ เป็นยังไงเป็นกันวะ ลองถามดูแบบตรงๆก็ดี ลองถามถึงแม่มันด้วย
'เมื่อไรจะกลับบ้านสักที’ อยู่ๆผมโผล่ถาม
แถมมีโบนัสอีก
‘ธีร์ยังคุยกับแม่มั้ยทุกวันนี้’
น้องใส่อารมณ์กลับกระทันหันไม่ผิดคาด ทำตัวเป็นเด็กเสียสติอย่างที่วุฒุเดือนไว้
เค้าลุกขึ้นตบหน้าผมทันทีเลย และมันทำหน้าเชยมากดูไม่มีความเกรงใจสักนิด
อ้าวสุดยอด
-
ผมโดนแบบนี้หลายครั้ง 
เพื่อนๆ วุฒิหาว่าผมไปปั่นป่วนหัวน้อง
น้องมีเพื่อนรุ่นน้องชื่อต้นที่รู้จักนิสัยเค้าดี
เป็นเพื่อนกันตั้งแต่น้องเรียน ป
ไมเคิลชอบพูดกวนๆ ยุยงให้เค้าโกรธ’ ต้นว่าอย่างนี้
เค้าพูดจริง บางครั้งผมเบื่อนิสัยดื้อๆของธีร์ จนอยากพูดแสบๆออกมา
เพื่อจะกระตุ้นหรือปลุกให้เค้าคิดบ้าง
เป็นวีธีการดึงสติเค้ากลับไปในโลกที่แท้จริงและได้มีจิตสำนึกบ้าง
แต่ทำไม่ค่อยสำเร็จหรอก เพราะแรงดึงดูดใจของยามีพลังมากกว่า
มีคนบอกว่า น้องตบหน้าผมคนเดียว ไม่กล้าตบคนอื่นในวงเรา
แปลกมั้ย
ครั้งแรกที่เค้าตบหน้าผม ผมไปฟ้องเพื่อนวุฒิ พวกรุ่นพี่น้องที่ชอบมาเล่นอยู่ที่บ้านวุฒิประจำ
พอได้ยินข่าวนี้ว่าธีร์ตบหน้าผม พวกรุ่นพี่คนนั้นด่ามันแรงเละเลย
เค้าเรียกน้องมาแล้วก็บอกว่า
มึงทำได้อย่างไง ไมเคิลเค้าช่วยมึง มึงตบหน้าเค้าได้ยังไงไอ้สัตว์’ บลาๆ
แต่น้องกลับยิ้มๆ เฉยๆ ไม่ได้สะเทือนใจเลยหรือจะขอโทษผมก็ไม่มี
จากนั้นก็มีอีก 3-4 ครั้ง ที่ผมโดนน้องตบ
กระทั่งผมตกลงกับน้องว่า ถ้าผมอยากพูดถึงทางบ้านเค้า เราจะใช้ภาษาโค้ดกันดีกว่า
ผมจะใช่คำว่า ‘ผู้หญิงคนนั้นที่โน่น’ ถ้าอยากพูดถึงแม่แบบอ้อมๆ
น้องไม่ได้ว่าอะไร บางทีเมื่อผมพูดออกไปแล้ว เราจะหัวเราะด้วยกันดีด้วย
บางครั้งผมรู้สึกอึดอัดใจที่แม่น้องไม่ยอมให้เค้ากลับบ้านด้วย
จนผมอาจจะเผลอเรียกเค้าว่า ‘ไอ้ผู้หญิงคนนั้นที่บ้าน’
น้องไม่ได้ว่าอะไรที่ผมด่าแม่เค้า
เค้าทำหน้าเฉยๆ เข้าใจผมดี
เค้ารู้ดีแม่เนี่ย นิสัยดื้อๆไม่แพ้ลูก
-
ส่วนกรณีแม่น้อง วุฒิก็เคยเตือนผมไว้เช่นกันว่าไม่ต้องไปยุ่งกับเค้า
'แม่จะอาละวาดใส่แรงๆถ้าเราพูดถึงน้อง' เค้าบอก
แต่พอเราคุยกับน้องไม่ได้เรื่อง เราต้องไปหาผู้ใหญ่บ้างจริงมั้ยเพื่อจะหาทางแก้ไขปัญหา
ผมเดินไปหาแกที่บ้าน
ซึ่งห่างจากบ้านวุฒิไม่ถึง 20 เมตร
พอผมเอ่ยชื่อลูกปุ๊ป แม่ก็ใส่อารมณ์กลับทันทีไม่ยับยั้งอารมณ์ตามที่วุฒิบอกไว้
'ไม่อยากพูดถึงลูกเลย จะมาทำไม จะพูดถึงเค้าทำไม' บลาๆ
เหมือนคนฟิวขาดเลย
แม่แทบจะไล่ผมออกจากหน้าบ้านเค้าด้วย
พอดีผมนึกถึงเสื้อผ้าที่ผมซื้อให้น้องจากตลาดคลองเตยวันก่อน
เราซื้อมาให้ไม่กี่ชุดอะ น้องใส่ได้ไม่กี่วันก็หมดแล้วต้องเอาไปซักต่อ
ตอนแรกผมกะว่าจะขอยืมเสื้อผ้าน้องเพิ่มที่แม่เก็บไว้ในบ้าน
แต่พอเจอแม่โกรธขนาดนี้ผมไม่กล้าขอแล้ว
ทุกอย่างที่ธีร์เป็น เค้าทำตัวเอง’ แม่ว่าน้องต่อ
หมายถึงว่าแม่ให้โอกาสน้องแก้นิสัยแล้ว แต่ลูกไม่สนใจ
เป็นคำพูดเด็ดของแม่ที่ผมจะนึกถึงประจำในเวลาต่อมา

now, see here

Life as a druggie (2)


หน้าปากซอยอมรมุ่งไปถึงแยกทางตลาดนางลิ้นจี่
ขอพูดถึงบรรยากาศที่โต๊ะแปดตอนมืดๆหน่อย
คนขี้ยาแต่ไม่มีเงินซื้ออย่างน้องธีร์
ต้องอาศัยน้ำใจเพื่อนถ้าอยากเล่น
น้องชอบนั่งที่โต๊ะแปดรอเพื่อนที่เล่นประจำมาเลี้ยง
บางทีเค้าจะรอข้างในก่อน พอได้เห็นขาใหญ่กำลังเดินออกไปยังโต๊ะแปดนั้น
น้องจะลุกขึ้นรีบเดินติดตามเค้าทันทีโดยไม่บอกใคร  เพื่อจะขอแบ่งยาเล่น
หรือว่าถ้าตั้งตัวนั่งรอที่โต๊ะแปดไปแล้ว เมื่อได้เห็นเพื่อนเล่นมาถึง น้องจะยิ้มแย้มใส่ให้และถามว่า ‘จะดูดมั้ย ขอเป็นเพื่อนเล่นด้วยกัน’
บางคนก็ให้ บางคนก็เงียบลง แสดงว่า ไม่มีตังค์เล่นเช่นกันหรือไม่อยากแบ่ง
ถ้าน้องไม่ได้ยา เค้าจะขอดูดบุหรี่ธรรมดาก่อนก็ได้
ดูดเสร็จแล้ว จะนั่งรอ รอ แล้วก็รอต่อไปอีก
พวกขี้ยาอาจจะนั่งแบบนี้ทั้งคืน
เจริญเนอะ
-
คนเสพยาต้องมีผู้จำหน่ายหรือแหล่งที่เค้าจะได้ยามาเสมอ
นอกจากพวกพี่ที่ชอบมั่วสุมที่โต๊ะแปดนั้น ที่ซื้อยาข้างนอกไว้ไปจำหน่ายข้างใน
น้องได้ไปรู้จักเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่ตึกแถวใกล้บ้านเรา ที่เล่นยากันอีกกลุ่มหนึ่ง
บางครั้งเค้าอาจจะแวะไปหาพวกนี่เพื่อขอยาเค้า
แต่ถ้าขอยาไม่สำเร็จ น้องจะไปหาเด็กวัยรุ่นที่ริมข้างถนนเชื้อเพลิงก็ได้
ถนนเชื้อเพลิงเป็นที่แหล่งกระจายยากัญชาแถวๆบ้านเรา
บางครั้งน้องอาจจะหายตัวไปหลายวัน โดยไม่บอกใครว่าจะไปทำอะไรหรือกลับเมื่อไร
เค้าน่าจะไปทำ drug tour  นั้นเอง
คือเดินเที่ยวคนเดียวออกไปหาแหล่งยาเพื่อจะตอบสนองความต้องการตัวเอง
แต่หาว่าน้องไม่ขยันในเรืองของจัดหายาเล่นมิได้
ถ้าน้องอยากได้ยาเล่นโดยใช้วิธีง่ายที่สุด
เค้าจะสั่งทางเน็ตก็ได้
น้องมีเพื่อนที่จำหน่ายยาแถวบ้านอีกคนหนึ่ง ที่เค้าติดต่อทางแมสเซนเจอร์เวลาอยากเล่น
แค่เข้าร้านเน็ตใกล้บ้านพี่วุฒิ แล้วก็เปิดแอพหาเพื่อนคนนี้ ยาก็ใกล้ถึงมือแล้ว
อยากเล่นอะไรก็สั่งยาทางเพื่อนใจดีคนนี้ก็ได้
เห็นมั้ยว่าน้องลงทุนเวลาเยอะสมควรแก่การจัดหายาเสพ

now, see here

Life as a druggie (1)

วิวจากโต็ะแปด มุมหันกลับไปดูคอนโดผม
บางคืนน้องชอบเดินออกไปที่หาปากซอกใกล้คอนโดผม
แล้วก็ซุกตัวนอนอยู่ใต้ต้นโพธที่นั้น
ถ้าเจอน้องตอนเช้า ผมจะค่อยรับน่าที่ปลุกตัวเค้า แล้วก็พาไปกินข้าว
เสร็จแล้ว ผมมักจัฝากดังค์เอาไว่ประคองตัวตอนกลางวัน
ธุระจบสิ้นแล้ว ผมจะเดินกลับบ้าน
โดยผมกับน้องไม่ต้องพูดอะไรมาก
ต่างคนต่างรู้หน้าที่ตัวเองดี
ผมจะเลี้ยงน้อง
และน้องจะเดินกลับไปข้างใน ค่อยนอนต่ออหรือเล่นหมากรุกกับลุงเจ้าของร้านชำประจำ รอให้พี่วุฒิกับพวกเค้าจะกลับบ้านตอนเย็น
-
โต๊ะแปดตอนมืดๆ หันกลับไปถึงหน้าปากชุมชน
คนข้างในเรียกซอกนั้นที่น้องนอนอยู่ว่า โต๊ะแปด
เป็นหัวถนนซึ่งเป็นทางติดอยู่ระหว่างเขตคอนโด กับเขตชุมชนน้อง
และเป็นเส้นทางหนึ่งที่วิ่งเลียบข้างๆ คอนโดด้วย
ผมเดินเข้าซอกนี้ไปสู่ชุมชนน้องประจำ
พอไปถึงหน้าปากซอกนี้
และเลี้ยวขวาเดินเข้าไปไม่กี่ก้าว จะอยู่ในโซนที่ชาวบ้านเรียกว่า ‘ข้างใน’ แล้ว
จากนั้นถ้าเดินเข้าซอย (ที่ดูเป็นตรอกแคบๆมากกว่า) ให้ไปอีก 20 เมตร จะถึงบ้านวุฒิได้แล้ว 
บ้านน้องเองห่างกันไม่กี่เมตรแต่ต้องเดินเข้าซอยทางแยกก่อน
-
ขอพูดถึงเส้นทางข้างๆ คอนโดอีกนิดหนึ่ง
ที่จริงแล้วเส้นทางนี้เป็นถนนหลวงแต่ดูแคบไปหน่อย
ถ้าจะออกไปข้างนอกพ้นเขตคอนโด
ลูกบ้านคอนโดและชาวบ้านแถวนี้จะวิ่งเส้นทางนี้
เค้าจะมุ่งไปสู่ถนนเย็นอากาศในฝั่งด้านหลัง หรือไม่ก็ไปสู่เขตคลองเตยด้านหน้าก็ได้
ถ้าไปคลองเตยต้องเลี้ยวขวาเข้าเขตคอนโดก่อน แล้วค่อยมุ่งออกไปทางถนนเชื้อเพลิงข้างหน้า
ผ่านโรงเรียนเก่าของน้อง ชื่อโรงเรียนประถมนนทรี จะเข้าสู่ถนนเชื้อเพลิงต่อไป
-
ชุมชนน้อง เป็นชุมชนแออัด หรือสลัมนั้นเอง
คนที่ไปรวมตัวกันที่ซอก โต๊ะแปด ส่วนใหญ่เป็นคนข้างในที่เดินออกมานั่งเล่นหรือขายของ
ที่นอนโปรดๆของน้อง
เค้าใช้ซอกนี้ได้หลายอย่างจริง
ก็ใช้เป็นที่จอดรถมอร์ไซค์บ้าง
เป็นที่ตากผ้าบ้าง
เป็นที่เล่นการพนันของพวกวินมอร์ไซค์ท้องถิ่นด้วย
ชาวชุมชนออกมาตั้งโต๊ทำกับข้าวขายทุกวัน
แต่พอเริ่มมืดแล้ว ซอกนี้จะกลายเป็นจุดมั่วสุมของวัยรุ่นและหนุ่มๆข้างในด้วย
รวมถึงน้องธีร์ ที่ชอบเดินออกมาคุยเล่น
ถ้าจะเขียนให้สวยๆ หน่อย
ต้นโพธิ์แก่ๆ ดังกล่าว ซึ่งเป็นจุดเด่นของซอกนี้
จะแปลงโฉมหน้าตามเวลาแต่ละวัน
ตอนกลางวันถ้าแดดออกต้นพวกนี้จะแผ่ร่มเงาเย็นๆ คลายความร้อนแก่แม่ค้า
ตอนกลางคืนจะช่วยปิดบังพฤติกรรมเสียๆ ของน้องวัยรุ่นและหนุ่มๆ ที่ชอบเล่นยาที่นี่
ตามรูปทรงต้นโพธิ์นี้ ดูคล้ายๆกับซุ้มประตูหน้าปากชุมขน
ถ้าเดินเข้าไปจะเจอซอยมีความยาวประมาน 50 เมตร ที่ออกไปสู่ซอยอมร พระราม 3/77
ลูกบ้านที่คอนโดผม ก็ใช้เส้นทางนี้เป็นทางเดินลัดไปยังเซเว่นใกล้บ้านเราที่หน้าปากซอยอมร
แต่คนส่วนใหญ่จะไม่กล้าเดินเข้าชุมชนนี้หรอก คงกลัวว่าจะเจอเรื่อง
ตามประสบการณ์ผม คนข้างในเป็นคนธรรมดา จะไม่มีอะไรน่าหวาดระแวงหรือรอดักคนข้างนอกหรอก
ผมเดินเข้าออกตรอกนี้เป็น 9 ปีแล้ว ไม่ค่อยมีปัญหากับใคร
                                      
now, see here

setting the scene (3, final)


ซอยของบ้านวุฒิตอนกลาง หันไปถึงร้านเกมส์ตรงประตูสี ต่อจากนั้นตรงปลายซอย ออกไปทางขวามือ จะเจอโต๊แปด

ธีร์จะทำอะไรผิดนิดเดียว เช่นแอบนั่งเล่นๆ บนรถมอร์ไซค์วุฒิ
เบนซ์จะรีบฟ้องเรื่องน้องกับวุฒิว่า: 'วุฒิ ไอ้ธีร์นั่งบนมอร์ไซค์มึง'
น้องธีร์จะสะดุ้งทันทีและลงจากรถ รอคำด่า แต่วุฒิเป็นคนใจเย็นไม่ได้พูดอะไรมาก
สรุปแล้ว บรรยากาศในบ้านวุฒิไม่ค่อยทำให้สบายใจเท่าไรนักสำหรับน้อง
เค้าจำยอมเป็นเด็กรับใช้ และขี้เกรงใจจนอดไปอาบน้ำ อดกินข้าว
และบางครั้งไม่กล้ากลับไปนอนที่บ้านนี้ด้วย เพราะกลัวโดนด่า
แต่พูดถึงเรื่องข้าวนะ
ถ้าน้องไม่ยอมกินข้าวเป็นนานเข้า เค้าจะผอมลงจนถึงขีดอันตรายจนเห็นชัด
ตอนนั้นผมมักจะเดินเข้าซอยอาทิตย์ละ 2-3 ครั้งเอง
ผมเคยเจอน้องนอนที่บ้านวุฒิในสภาพผอมมากจนเห็นกระดูกซี่โครงชัดเจน
น้องโชคดีที่ว่า ถึงจะหิวมากแค่ไหน เค้ายังนอนหลับได้อยู่ดี
ไม่อย่างนั้นเค้าคงทรมานน่าดู
ผมวิงวอนให้เค้ากินข้าววันละสามมื้อ
แล้วก็ฝากให้แม่ค้าที่ทำอาหารตามสั่ง ข้างๆบ้านวุฒิ ทำกับข้าวไปให้ธีร์
ถ้าน้องหิวและไม่มีเงินกิน
โดยผมจะจ่ายค่าข้าวให้แม่ค้าทีหลัง
ในช่วงแรกที่เราจัดการเรื่องนี้กับแม่ค้าเพื่อนบ้านวุฒิคนนี้
น้องยอมสั่งอาหารไปจริง แต่ในตอนหลังๆ เราไม่ค่อยเห็นเค้าสั่งอะไรกิน
เค้าเกรงใจมั้ง
แต่ถ้าไม่ยอมสั่งเอง และไม่มีใครจะออกค่ากินหรือกำชับให้น้องกินข้าวดูแลตัวเองบ้าง
น้องจะผอมลงไปเรื่อยๆแบบนี้แหละ

now, see here

setting the scene (2)

 ซอยตอนกลางวันมุ่งไปถึงบ้านวุฒิซ้ายมือ
เราคุยกันรู้เรื่อง และได้เป็นเพื่อนกันในเวลาต่อมา
หนึ่งคนในกลุ่มนั้นคือน้องธีร์
ซึ่งผมรู้จักเค้าแบบผิวเผินเป็นหลายปีเช่นกัน
เราเห็นเค้านั่งเล่นๆ ในซอย ตั้งแต่น้องยังเรียนมัธยมอยู่ที่โรงเรียนใกล้บ้าน
เราคุยกันบ้างแต่ไม่สนิท เพราะน้องขี้อาย
ชอบเอาผมมาปกปิดใบหน้าไม่อยากสบตาหรือคุยกับใคร
สมัยนั้นเค้ามีเพื่อนสนิท ชื่อเบนซ์
ไปไหนมาไหนเค้ามักจะอยู่ด้วยกันตลอด
แต่ครอบครัวเบนซ์ย้ายออกจากซอยไปอาศัยอยู่ข้างนอกแล้ว
ผมเคยพาเบนซ์และเด็กคนอื่นในซอย รวมกันประมาน 15 คน
ไปเที่ยวเล่นน้ำสระกันที่กรมทหารใกล้บ้านเราเมื่อ 4 ปีที่แล้ว
และยังจำหน้าเบนซ์ได้อยู่
พี่ชายเค้า ชื่อหนึ่ง เป็นเพื่อนวัยเดียวกันกับเพื่อนของผม ชื่อบอลนั้นเอง
ในสมัยวัยรุ่นน้องหนึ่งเคยเล่นยาเสพติด
และเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เกิดหัวใจวายเสียชีวิตกระทันหันเมื่อเล่นฟุตบอลอยู่
ตอนนั้นหนึ่งได้เป็นพ่อและมีลูกตัวเล็กๆแล้วด้วย ผมเคยเห็นเค้าเดินอุ้มน้องอยู่ในซอย
ถ้าผมจำไม่ผิด ครอบครัวเบนซ์ย้ายออกไปหลังจากเสียน้องหนึ่งไปแล้ว
มีวันหนึ่ง ผมนึกถึงเบนซ์พอดี แล้วหันไปถามธีร์ว่า
'คิดถึงเบนซ์บ้างมั้ยลูก ยังได้ติดต่อกันรึป่าว'
แต่น้องไม่ตอบ (นิสัยเค้าเป็นอย่างนี้
ชอบเก็บข้อมูลส่วนตัวไว้ ไม่ค่อยพูดจากับใคร)
น้องคงคิดถึงเค้านั้นล่ะ เพราะเราไม่เคยเห็นเค้ามีเพื่อนคนไหนสนิทเท่ากับเบนซ์เลย
ถ้าเราจะเอาสมัยตอนนี้ที่ธีร์เล่นยา
ไปเทียบกับสมัยเด็กนั้นที่น้องยังเล่นแต่เกมส์เฉยๆ
ยังไม่ถึงขั้นเล่นยาเป็นเด็กฮาร์ดคอร์
ตอนนี้ชีวิตน้องดูเหงาวังเวงเหลือเกิน เพราะมีเพื่อนน้อยลง
พวกพี่ๆ ที่บ้านวุฒิต้องทำมาหากินทุกวันเหมือนคนปกติ
เค้าไม่ค่อยมีเวลาให้คอยไปดูแลน้องมากนัก
-
พี่ๆ ที่มั่วสุมที่บ้านวุฒิชอบใช้ธีร์ให้เป็นน้องคอยรับใช้เป็นประจำ
อาจจะดูเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเด็กรุ่นน้อง
และถ้ามีโอกาส เมื่อโตขึ้นหน่อย เค้าจะทำกับรุ่นน้องของเค้าเช่นกัน
ขนบธรรมเนียมประเพณีพี่น้องจะสืบทอดไล่ตามรุ่นไปเรื่อย

ผีหลอก ซอยตอนกลางคืนมุ่งไปถึงโต๊ะแปดซ้ายมือ
พวกรุ่นพี่จะคอยจิกหัวใช้รุ่นน้องไล่ไปถึงเด็กเล็กที่ยังไม่รู้เรื่องมั้ง
ผมเห็นพี่ๆทำแบบนี้กับธีร์ ที่บ้านวุฒิประจำ
พี่ๆ มักจะใช้น้องไปซื้อของหรือทำอะไรก็ตาม บางครั้งน้องต้องเดินไปไกล
สมมุติว่าเรากำลังจะจัดวงกินเหล้ากัน คนที่นั่งเล่นที่บ้านวุฒิประจำ
จะเรียกน้องธีร์ไปจัดซื้อของให้
ซึ่งธีร์ต้องไปซื้อทั้งชุดเหล้า น้ำแข็ง ของกรอบ โซดาหลายขวด
เค้าทำโดยไม่ได้พูดจาหรือบ่นกับใคร
บางครั้งเราเห็นพี่พวกนี้เรียกน้องมากไปจนเค้าวิ่งจัดการไม่ทัน
อย่างเช่น วุฒิมีเพื่อนผู้ชายที่เป็นญาติห่างๆคนหนึ่งของน้องธีร์ที่ชอบมาร่วมวงกินอยู่ด้วยที่บ้าน
ผู้ชายคนนี้ ชื่อ เบนซ์ (คนละคนกัน)
ตามนิสัยก็ขี้กวนชอบเล่นยา เค ประจำตอนนั้น
และไม่ค่อยชอบนิสัยของธีร์ด้วย
เค้าชอบเรียกน้องมาช่วยบ่อยจนผมรำคาญ
ผมถามไอ้เบนซ์ว่า เค้ากำลังใช้น้องเยอะเกินไปป่าว จนกลายเป็นทาสซะแล้ว
ใช้น้องเยอะแบบนี้มันดูไม่ธรรมดาหรือดูเป็นญาติกันจริงๆหรอก
'เค้าไม่ใช่ทาสเราหรอก' เค้าตอบผม 'คนไทยเรียกว่า การเป็นพี่น้องกันเฉยๆ'
เท่านี้ยังขี้กวนยังไม่จบ แต่เบนซ์ชอบขี้ฟ้องเรื่องน้องด้วย

now, see here

setting the scene (1)

ผมชอบช่วยเหลือน้องๆในชุมชนสลัมที่อยู่ใกล้ห้องพักเรา
เพราะเราอยากมีครอบครัวไทยบ้าง
ลูกหลานแท้ๆ ก็อยู่ที่ต่างประเทศกันหมด
ถ้าเราอยู่ ตปท เราจะได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมประจำวันของหลานๆ ได้จนเป็นปกติ
เช่นงานวันเกิด งานจบเรียน ฯลฯ
แต่ที่ กทม ผมไม่มีใครเลย
แฟนผมเข้าใจ ว่าผมอยากช่วยคน
เพื่อจะเติมเต็มความรู้สึกอบอุ่นที่เราคิดว่าขาดไปถ้าไม่มีญาติ ไม่มีครอบครัวที่นี่
แต่เค้าก็ยังเป็นห่วงผม ที่ว่าถ้าผมไปรับหน้าที่ดูแลเด็กจนตัวหมดแรงเหนื่อยฟรีๆ
ผมจะยังมีเวลาให้กับชีวิตตัวเราเองมั้ย
นอกนั้นน้องๆคงจะเอาเงินเป็นหลัก ไม่ค่อยสนใจความสัมพันธ์ในเชิงพ่อกับลูกมากนัก
ยิ่งผมให้เงินไป เค้าจะยิ่งเอามากขึ้นไปเรื่อยไม่มีจำกัด
ด้วยที่ว่า เราไม่ได้เป็นญาติกันจริงๆของเค้า น้องๆพวกนี้คงไม่รู้จักขอบเขต
เค้าจะเรียกร้องเงินไปเรื่อยจนผมเริ่มหงุดหงิดและหมดตังค์ด้วย
แล้วถ้าพ่อแม่เค้าไม่ได้ร่วมมือช่วยเราดูแล
เราต้องรับภาระเองทุกเรื่องที่จะเกิดขึ้นเวลาอยู่กับน้อง
'ไมเคิลทำงานหนัก ดูแลตัวเองก็ยังไม่เป็น จะไปยุ่งกับพวกเค้าทำไม
คนพวกนั้นเค้าดูดีตลอดในสายตา แต่คนที่ช่วยมึงดูแลมึงอยู่ที่ห้องกลับดูไม่ดีในสายตามืง'
แฟนผมเค้าชอบว่าอย่างนี้
เมื่อผมเจอนิสัยดื้อๆ ของน้องธีร์ที่หน้าร้านตัดผมวันนั้น
ผมนึกถึงคำเตือนแฟนและเข้าใจความรู้สึกเค้าเลย
เราเป็นคนข้างนอก ไม่ใช่ครอบครัวของน้องเค้าจริงๆ
อะไรๆที่เราทำให้ เค้าอาจจะกลับมองว่าไม่พอ เพราะน้องเริ่มเคยตัวแล้ว
ผมเข้าใจ และไม่ได้ว่าเค้าตรงนั้น
แต่น้องธิร์ต้องรู้จักสำนึกบุญคุณเราด้วย
เราอาสาสมัครช่วยเค้า ถ้าช่วยไม่เก่งหรือไม่ถูกใจเค้า ไม่ต้องมาทำดราม่าใส่ผมก็ได้
เค้าอาจจะอึดอัดใจที่ต้องขอคนช่วยเหลือก็จริง
แต่เค้าเลือกที่จะดำเนินชีวิตแบบนี้เอง
น้องมีญาติๆแถวบ้าน แต่ผมไม่เห็นมีใครยื่นมือช่วยเค้าเลย ร่วมถึงแม่เค้าด้วย
-
วุฒิกับรุ่นน้อง ต้น เจอน้องต้นอีกในบท out of hospital นะ


หน้าบ้านวุฒิออก 

เมื่อเดินเข้าซอยลึกๆหน่อยจะเจอบ้านเก่าๆของเพื่อนร่วมวงผม ชื่อวุฒิ
วุฒิ อายุ 23 ปี เป็นคนใจดี เค้าเปิดบ้านให้น้องได้นอนพัก อาบน้ำ และเก็บของให้ด้วย
ชาวบ้านในซอยรู้กันดีว่าน้องมีปัญหาทางบ้าน แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนอยากช่วยเค้าหรอก
น้องและวุฒิเป็นชาวบ้านคนในซอยเดียวกันที่รู้จักกันนาน
แต่ผมรู้จักวุฒไม่กี่เดือนเอง
เมื่อก่อนผมเห็นเค้าบ่อยๆแต่ไม่เคยคุย
สมัยนั้นผมเดินไปหาเพื่อนกินเหล้าข้างในซอยสลัม เพื่อนคนนี้ชื่อบอล ประจำ
บ้านวุฒิอยู่ระหว่างทางเดินจากคอนโดผมกับบ้านบอล
ปกติผมจะเดินเข้าไปในซอยที่หน้าตรอกเล็กๆ ที่ชาวบ้านเรียกว่า โต๊ะแปด
เมื่อเดินเข้าซอยตอนไหนก็มักจะเจอวุฒินั่งกับกลุ่มเด็กวัยรุ่นหลายคน
ที่ชอบมั่วสุมกันที่บ้านเค้า
ผมรู้จักวัยรุ่นพวกนี้ เพราะเป็นเด็กในซอย แต่ไม่ค่อยสนิทกัน
กระทั่งเมื่อสองสามเดือนก่อน บอลย้ายออกจากบ้านไปเช่าคอนโดข้างนอก
อยู่ดีๆผมก็ไม่มีเพื่อนกินเหล้าแล้ว
ผมเลยเดินไปทักวุฒิที่บ้านแล้วก็เลี้ยงเหล้าที่กลุ่มของเค้า

now, see here

โพส์ตเด่น

20plus club (Postscript 3, final)

แคปชั่นก๊อปจากเน็ต: โรงพยาบาลตำรวจบริเวณสี่ แยกราชประสงค์ ปี พ.ศ. 2542 แจกเสร็จ น้องก็นั่งรอจ่ายบิลอยู่ข้างๆผม มือน้องสั่น เหงื่อออกเต็มหน้า...

โพส์ตนิยม