Showing posts with label บ้านกทม. Show all posts
Showing posts with label บ้านกทม. Show all posts

Monday 18 November 2019

job at the 7-11, back to rehab (5)

เค้าไปซุกหัวอยู่กับพวกนี้และ เมื่อได้เป็นเด็กรับใช้ของเค้า ธีร์ไม่ต้องไปสนใจคนอื่นแล้ว
พวกนี้คงจะให้เงินทอนแค่นั้น แลกกับการได้ฝากน้องให้ช่วยเค้า แต่ค่าตอบแทนแค่นี้คงไม่พอเอาไปใช้กินข้าวหรอก
เมื่อเค้ากลับมา ผมบอกน้องว่า เค้าเลือกผิดอีกแล้ว ไปคบกับพวกนี้ทำไม จะไม่มีอนาคตหรอก ผมบอกมันตรงๆ
น้องเดินหนีออกไปทางซอกทางแยก เพราะไม่อยากได้ยิน
แบบนี้แหละ น้องจะยอมใจลดคุณค่าตัวเองไปเรื่อยโดยไม่รู้จักจบ
-
แฟนทอมของแม่
เมื่อเดือนเมษาแม่ได้มีแฟนทอม
บ้านแฟนอยู่ที่ภาคใต้ จังหวัดพัทลุง
ซึ่งต่างฝ่ายก็ต้องเดินทางไปมาหาสู่กันถ้าอยากเจอกัน
ตอนนั้นแม่ไปเที่ยวต่างจังหวัดบ่อยมาก
เค้ามักจะพาลูกตัวเล็กไปเป็นเพื่อนเที่ยวเสมอ
และทิ้งธีร์เอาไว้คนเดียวที่บ้านเฉยๆ (ธีร์อาจจะไม่อยากไปร่วมเที่ยวกันกับแม่เค้าก็ได้)
มีครั้งหนึ่งแม่พาน้อง บี คือน้องชายธีร์นั้น ขึ้นเครื่องบินไปเที่ยวหาแฟนทอมด้วย
แต่ปล่อยธีร์อยู่คนเดียวในสภาพเมายาเดิมๆ ในซอย
การไปเที่ยวทริปนี้ น่าจะเป็นครั้งแรกที่น้อง บี ได้ขึ้นเครื่องบิน

น้องชายของธีร์บินไปเที่ยว
ส่วนธีร์ผมไม่รู้ว่าเคยขึ้นเครื่องบินเหมือนน้องมั้ย
แต่ตอนนั้น ธีร์นั่งเป็นซอมบี้อยู่ เลยพลาดโอกาสไปด้วย
แม่ไปหาแฟนในช่วงปิดเทอมพฤษภาคม ไปต่างจังหวัดเกือบสองอาทิตย์
สภาพน้องดูแย่ลงมากตอนนั้นที่แม่ไม่อยู่บ้าน เพราะน้องไม่มีใครค่อยเฝ้าดู
เค้านั่งข้างนอกจากเช้าจนค่ำยันอีกวันเป็นหลายวันติดกัน  ยิงฟันดูดลมเป็นท่าประจำของเค้า ไม่พูดอะไรกับใคร 
และไม่ได้กินข้าวด้วย
จนเพื่อนวัยรุ่นเริ่มเป็นห่วงและเรียกผมไปคุย ธีร์ไม่มีตังค์กินข้าวไมเคิลเค้าบอก
แต่เมื่อผมส่งยื่นตังค์ให้ น้องกลับไม่รับ เค้าเป็นของพวกพี่นั้นไปแล้วนิหว่า
เค้าคงกลัวว่าผมจะพยายามดึงตัวเค้าออกจากกลุ่มนี้ กลับไปอยู่กับพวกเรามั้ง
อาการเค้าแย่ลงไปเรื่อยจนผู้ใหญ่เรียกผมไปคุยด้วย
คุณลุงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นพ่อค้าร้านขายของชำใกล้บ้านวุฒิ รู้ว่าผมคอยดูแลน้อง
เค้าดูน่าเป็นห่วง ลองดูซิ เค้านั่งอยู่คนเดียวแบบนี้และเป็นหลายชั่วโมงแล้ว ตัวซกมกไม่พูดจากับใครอะไรไม่รู้ ลุงบอกผม
แต่เราจะไปทำอะไรได้
น้องและลุงเป็นชาวบ้านด้วยกัน ผมแค่เป็นคนข้างนอก
ผมเลยถามว่า แม่น้องจะว่ายังไงถ้าเจอลูกแบบนี้ ไม่เห็นออกไปหาเค้าสักที
ลุงตอบไปว่า
อ้าว แม่เค้าไม่สนใจ ไมเคิลรู้อยู่
แม่คงยอมแพ้เสียแล้วที่ต้องไปเจอนิสัยดื้อๆ ของธีร์ ก็จริง
แต่แม่ทำตัวไม่เอาใจใส่ลูกเป็นนานแล้ว เมายาหรือไม่เมาแม่ปล่อยทิ้งเค้าจนทั้งคู่ก็เริ่มใจห่างเหินจากกันไป
-
สุดท้ายแม่ต้องพาน้องไปบำบัดตัว เป็นรอบที่สองภายใน เดือนเอง
น้องเสียงาน 7-11 ตั้งแต่กลางเดือนมีนา
แล้วก็เริ่มเล่นยาต่อและคบกับพวกพี่ที่ฝากน้องเป็นเด็กรับใช้ แต่ในช่วงหลังๆ ดูเหมือนได้ลืมทิ้งเค้าไปแล้ว
แม่รอถึงต้นเดือนมิถุนากว่าจะพาน้องไปรักษาตัว
ซึ่งพวกเราที่รู้อาการน้องจะทำได้แต่รอให้แกจะช่วย
ตอนนั้นแม่ยังติดแฟน ไปเที่ยวบ่อยและชอบปล่อยทิ้งธีร์อยู่คนเดียว
เค้าทำแบบนี้เพื่อจะลงโทษลูกหรือว่าอะไรไม่รู้

now, see here

job at the 7-11, back to rehab (4)

ธีร์กับน้องกินหมูกระทะกัน ไม่ค่อยมีรูปอยู่ด้วยกันหรอก
ผมโมโหใส่อารมณ์กลับ เราอุตส่าไปหามันแต่โดนนิสัยก้าวร้าวแบบนี้ได้ยังไง

ผมไม่ใช่หมาข้างถนนไอ้สัตว์ผมพูดแรงๆ ผ่านประตูที่เค้าปิดอยู่
'
ที่หลังไม่ต้องไปขอเงินผมอีก มึงกลับทำตัวเองไร้คุณค่าอีกแล้วจริงๆ'
พูดไปแล้วผมเดินกลับบ้านและลบทิ้งไลน์เค้าออก และพยายามลืมตัวมันไป
เราไม่ได้เจอกันอีกเป็น 5-6 อาทิตย์
ในช่วงนั้นคือปลายเดือนมีนาผมไปหาพ่อแม่ที่ต่างประเทศ ไม่ได้คิดถึงตัวเค้าด้วยเพราะผมถือว่าเลิกคบกันแล้ว
แต่พอผมกลับมา กทม และเดินไปหาวุฒิที่บ้านเค้า ผมได้ไปเจอน้องนั่งคุยกับเพื่อน ที่หน้าบ้านด้วย
เพื่อนเห็นผมก่อนแล้วก็บอกธีร์ว่า ไมเคิลมาแล้วไอ้ธีร์แต่เค้าทำตัวไม่สนใจ
ธีร์เป็นอะไรผมถามมันไป
ด่าผมทำไม ไมเคิลนิสัยไม่ดีน้องบ่นย้อนถึงวันนั้นที่เราใส่อารมณ์กัน
น้องตอบด้วยเสียงเย็นชาและหันไปทางอื่นเหมือนไม่อยากคุยแล้ว
วุฒิแอบบอกผมว่า น้องยังไม่มีงานทำตั้งแต่เลิกงานเซเว่น
แต่กลับไปเล่นยาอย่างหมกมุ่น
'
เมื่อก่อนเค้าเล่นทั้งยา เค และ กัญชาด้วย แต่ตอนนี้เล่นยากัญชาชนิดแรงๆอย่างเดียววุฒิพูดเสริม
จากนั้นผมได้มีโอกาสเลี้ยงเหล้าที่หน้าบ้านวุฒิ
แล้วได้ปรับความเข้าใจผิดกันกับน้องจนคืนดีกันแล้ว
วันนั้นที่เราเลี้ยงเหล้า น้องดูอาการหนักเหมือนสารยาเสพติดเริ่มทำลายสมองเค้าแล้วจริงๆ
ผมฝากเค้าให้ไปซื้อเหล้ามาชุดนึง แต่น้องหิ้วถุงเหล้ากลับแทบไม่ไหว
ร่างกายน้องอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด
จากนั้นมีป้าคนหนึ่ง ซึ่งเป็นญาติแท้ๆของน้อง แวะมาที่บ้านวุฒิพอดี
เค้าฝากให้น้องเดินไปส่งถาดขนมถ้วยไปยังบ้านคนอื่นข้างในซอย
น้องจับถาดแล้วก็เริ่มเดินออกไป แต่เกิดเสียความทรงตัว ถาดถ้วยขนมล้มแตกลงกับพื้นต่อหน้าพวกเรา
เค้าก้มตัวเก็บเศษถ้วยมือเปล่าเองโดยไม่พูดจากับใคร
เหตุนี้แสดงว่าน้องสภาพจิตใจแย่จนถือของไม่ได้แล้ว
ตอนแรกผมสงสารเค้า อยากบอกว่า
อย่ากลัวสภาพตัวเองนะ แต่แกน่าจะเลิกเล่นยาได้แล้ว
-
แต่คิดไปอีกที ผมไม่พูดดีกว่า มันเลยไปจุดนั้นแล้ว ไม่มีใครจะช่วยเค้าได้
เวลาจะผ่านไปต่อเนื่อง
ผมกับน้องเริ่มห่างเหินคุยกันยากเพราะอาการเมายาค้างของเค้านั้นเอง
ถ้าเราจับตัวน้องเล่นๆ เค้าจะใส่อารมณ์เหมือนผมมีเจตนาแอบแฝงว่าจะลวนลามตัวเค้าไป
ซึ่งก็ไม่จริงอยู่แล้ว และทุกครั้งที่ตัวมันทำแบบนี้ ผมจะโมโหจัดและใส่อารมณ์กลับไปสู้กับมัน
'ถ้าผมอยากกินเด็กผมจะไปซื้อได้อยู่แล้วไอ้มึง ผมไม่เคยไปยุ่งกับพวกแกใกล้บ้านเรา
ผมเคยบอกมันตรงๆ
ที่น้องขี้ระแวงตัวแบบนี้ก็น่าจะเป็นผลจากการเล่นยาอีก
ผมไม่ได้เห็นเค้าพูดถึงการไปหาหมอ ที่ ร พ ธัญญารักษ์ เป็นนานแล้ว ทั้งๆที่หมอสั่งให้เค้าไปรับยารักษาอาการทุกเดือนหรือสองเดือน
ผมเลยลองถามดูว่า ธีร์ยังกินยาหมอ หรือไปหาหมอที่ ร.พ. บ้างไหม
ธีร์เดินเชิดหน้าหนีออกไปโดยไม่ยอมบอก
ทุกวันนั้นเราเห็นว่า น้องชอบนั่งคนเดียวที่โต๊ะแปด ตั้งหน้าแปลกๆ ยิงฟันค้างๆ หรืออ้าปากไว้ แบบไม่รู้ตัว
หรือไม่ก็เดิน ขึ้นๆลงๆ ในซอยไปหาเพื่อนพูดคุย แต่พอเจอเพื่อนได้แล้ว ก็กลับนั่งเงียบเหมือนเดิมเพราะต่างฝ่ายก็คุยกันไม่รู้เรื่อง
ผมพยายามพูดกับน้องอีกที เมื่อเห็นเค้านั่งคนเดียวที่โต๊ะแปดเป็นหลายวันติดกัน
วันนั้นพอเราเริ่มคุยกันปุ๊บ มีผู้ชายร่างอวบที่เป็นขาเล่นยาประจำแถวนั้น โผลตัวออกจากมุมมืดๆ แล้วก็แทรกสั่งน้องไปซื้อของให้เค้า
ผมรู้จักผู้ชายคนนี้แต่ไม่ค่อยคุย
เมื่อน้องเดินออกไปผมหันไปบ่นกับผู้ชายคนนี้ว่า
โอ้ยเรากำลังคุยกันอยู่เมื่อกี้นะผมพูดเหมือนไม่พอใจ
อ้าว เค้าเป็นเด็กผมคนอวบยิ้มตอบกลับมา
พอได้ยินเข้า ผมรู้แล้วว่า ทำไม่ น้องถึงเลิกพูดคุยกับผมตอนนั้น

now, see here

job at the 7-11, back to rehab (3)

น้องธีร์กับแม่ พอดีแม่ขายของที่หน้าชุมชนวันเดียวกันที่น้องทำงานที่ 7-11
จนพอเริ่มทำงานที่นี้ ธีร์จะเป็นรุ่นพี่เด็กหลายคน
เนื่องจากว่าธีร์ไม่มีประสบการณ์ทำงาน ธีร์ต้องเริ่มทำที่ระดับต้นๆ เท่ากับรุ่นน้องเค้าด้วย
เพราะฉะนั้นเค้าต้องเป็นรุ่นพี่ของสตาร์ฟเกือบทุกคน ไม่ใช่รุ่นน้องยังที่ผมคิด
น้องเดินด้านหลังร้านไปเรียกธีร์ออกมา
น้องดีใจจนเกือบกระโดดเข้าอ้อมแขนผมเมื่อแรกเห็น
เค้าจับมือผมและบอกเด็กๆ ที่ยืนข้างเคาน์เตอร์ว่า นี่คือพ่อผมแล้วก็ยิ้มเบ่งบานด้วยภาคถูมิใจ
ผมสังเกตุว่า น้องใส่เสื้อแจ๊คเก็ตกันหนาว เลยถามเค้าว่า แกไปทำอะไรที่นี่
ผมทำงานในตู้เย็นเค้าตอบ
ตามหน้าที่น้องจะเติมสิ่งของตู้แช่ใหญ่ๆ ที่ด้านหลังร้าน
เค้าอธิบายว่า ตู้เปิดได้สองด้าน เมื่อลูกค้าหยิบของจากข้างหน้า น้องจะค่อยเติมของจากด้านหลังภายในห้องเก็บของ
นอกนั้นเค้าต้องถ่ายกล่องสินค้าที่ถูกส่งไปที่ร้าน
น้องก็กลายเป็นสตาร์ฟในห้องเก็บของที่ลูกค้าจะมองไม่เห็น
ผมไปหาเค้าทุกๆสองสามวันต่ออาทิตย์
เค้าจะออกมาดูดบุหรี่คุยกับผมที่หน้าร้านเล่นๆ
หรือถ้าน้องหิวผมจะพาเค้าไปกินข้าวที่ร้านทำกับข้าวตามสั่งข้างๆ เซเว่น
เวลาคุยกับทีมงานที่เซเว่น ธีร์ดูตื่นเต้นยิ้มแย้มร่าเริงดีเสมอ
แต่ดูเหมือนว่าไม่เป็นจริงเป็นจังสักเท่าไร
จนผมสงสัยว่า พวกเค้าเห็นน้องเป็นพี่ตัวตลกของร้านรึป่าว
เหมือนน้องคิดไม่ทันกับคนอื่นรึว่าอะไรไม่รู้
แม่ให้เงินใช้ วันละ100 บาท เอาไว้ซื้อข้าว แต่น้องต้องทำงานหลายชั่วโมง
เค้าเข้ากะตอนบ่ายโมงครึ่ง เลิก ทุ่มครึ่ง อาทิตย์ละ วัน
ผมถามน้องว่าทำไมทางร้านไม่ยอมให้เค้าหยุดอาทิตย์ละสองวันเหมือนคนอื่น
คนไม่มีวุฒอย่างผม จะไม่มีสิทธิหยุดสองวันหรอกไมเคิลเค้าบอกเหมือนรู้ชะตากรรมตัวเองในวงการงานต้อง
เป็นยังไงในวันข้างหน้า
น้องจะสู้ๆกับงานนี้เป็นห้าอาทิตย์  แต่สุดท้ายงานก็ล้ม
เค้าได้เงินเดือน 7,000 กว่าบาทแต่แม่ดันไปหักเก็บ 3,000 บาทเลย ให้เป็นค่าเช่าห้องเค้า
น้องบ่นกับผมว่า แม่อมเก็บเกือบครึ่งของเงินเดือนเค้าเสียแล้ว
ผมตกใจกับข่าวนี้ แม่จะไปใจร้ายกับลูกทำไม
ถ้าหักเก็บนิดหนึ่งก็พอจะเข้าใจเพราะแม่มีค่าใช้จ่ายที่บ้าน แต่ที่ไปเรียกร้องเยอะขนาดนี้ถ้าน้องรู้สึกบั่นทอนใจไม่อยากทำงานแล้วทุกคนจะเห็นใจเค้า
-
ซอยอมรตอนกลางวันดูเงียบหงอย รูปถ่ายใกล้กับ 7-11 ที่น้องไปทำงานอยู่
ผมไปหาเค้าเรื่อยๆจนเบื่อ
น้องชอบทำนัดเจอกันที่หน้าร้านแต่มาช้ามากจนผมเลิกไปหา
ผ่านมาไม่กี่อาทิตย์อีกผมได้มีข่าวว่าธีร์โดนไล่ออกไปแล้ว
ผมได้รับรู้เมื่อเค้าเริ่มส่งเมสเซจไปหาผมตอนดึกๆ เรียกผมไปหามันที่ห้อง
พอดีผมติดงาน เค้าต้องรออีก วัน จนเราว่างและได้ไปเจอกัน
ผมนัดเจอธีร์ไปเจอกันที่หน้าซอกห้องที่เปิดออกไปสู่ถนนเส้นพระราม 3
ธีร์เดินออกจากซอกพร้อมถือแฟ้มเอกสารไว้ มุ่งหน้าไปสมัครงานใหม่ที่ห้างเซนทรัลอีก
น้องดูเครียดและไม่สบายใจเท่าไรเหมือนมีปัญหาที่บ้าน
ผมสังเกตุว่าเมื่อใดที่น้องอารมณ์เครียดแบบนี้ เค้าจะแสดงตัวก้าวร้าวขึ้นด้วย
'
ผมไม่ได้กินข้าวเป็น วัน แม่ไม่ยอมให้เงินใช้เค้าบ่นกับผม
ผมไม่ค่อยเชื่อฟังเท่าไร แต่ผมส่งเงิน 100 บาท ให้เค้า เป็นค่าเดินทางไปที่ห้าง
วันถัดไปผมโทรและไลน์ไปหาน้อง ด้วยอยากรู้ว่าเค้าได้งานรึยัง แต่น้องไม่รับ (สงสัยแม่ยึดโทรศัพท์เค้าไว้เป็นการลงโทษที่น้องเสียงานที่เซเว่นไป)
สุดท้ายผมเลือกเดินไปหาเค้าที่ห้องตอนมืดๆ เพื่อความสบายใจตัวเอง
แต่เรากลับเจอน้องอารมณ์เสียอีก เค้าไล่ผมออกจากหน้าห้องโดยไม่ยอมเปิดประตูคุยกันเลย
ไปเลย ไปเลยเค้าตะโกนหลายรอบออกมา

now, see here

job at the 7-11, back to rehab (2)

ปลายซอกซอยของห้องเช่าน้องธีร์ ถ่ายจากหน้าชุมชมติดถนนพระราม 3 หันไปทางเข้าซอย  
ขอบฝาข้างบนไม่ติดกับฝ้าเพดานที่ทำด้วยสังกะสี เสียงดังจากข้างนอกรั่วเข้าไปในห้องตลอด
ขนาดห้องเล็กแต่ก็มีหน้าต่างติดผ้าม่านให้ดูเรียบร้อยหน่อย
มีส้วมแบบนั่งยองๆ แต่ท่อเสียน้ำประปาไม่ไหล
พังแล้วแต่ไม่มีใครซ่อม
เมื่อน้ำไม่ไหลยังนี้ น้องต้องไปอาบน้ำที่บ้านแม่
ที่นอนดูเก่าแก่ เสื้อผ้าน้องทิ้งกระจุยกระจาย
แต่ที่น่าขยะแขยงมากกว่านี้ น้องทิ้งเศษอาหารไปทั่วห้อง
มีทั้งห่อขนม ขวดน้ำเปล่า ก้นบุหรี่ จานติดเศษอาหารเก่าๆ เกลื่อนไปหมด
ผมคิดว่าน้องคงชวนเพื่อนมาปาร์ตี้ที่ห้อง แต่ยังไม่มีใครเก็บห้อง
แต่เปล่า น้องบอกว่าไม่มีใครมาหา และเค้าไม่ได้ออกไปเจอใครด้วย
-
ผมไม่ได้ออกไปข้างนอก เพราะแม่ให้เงินใช้วันละ 50 บาทเอง มันไม่พอ ผมเลยไม่อยากเจอใคร’ 
เค้าบอกผม
ผมนั่งข้างๆที่นอนเค้า ก็ยังรู้สึกตกใจที่น้องปล่อยละเลยสภาพห้องได้ขนาดนี้
แม่น้องพาผมไปดูห้องนี้ ตอนที่น้องยังรักษาตัวที่ ร พ อยู่หลายเดือนที่แล้ว
วันนั้นห้องดูน่าอยู่พอรับได้
ห้องดูเรียบร้อยโดยแม่จัดวางของไว้ให้มีระเบียบหน่อย รวมถึงที่นอน โต๊ะเก็บของเล็กมีลำโพงสองตัวเล็กๆ น่ารักๆ  ตะกร้าเสื้อผ้าแบบมือถืออยู่เข้ามุมอีกมุมนึง
แต่สภาพห้องที่เราเจอวันที่ไปหาน้องนั้นดูคนละเรื่องกันเลย
'
ธีร์รู้มั้ยว่าครั้งที่แล้วที่ผมเจอห้องสกปรกขนาดนี้ ผมอยู่กับคนบ้าผมบอกเค้า
'
ผมจิตใจไม่สบาย ต้องไปรักษาตัวที่ ร.พ. 
เค้าจัดให้เราร่วมพักกับผู้ป่วยเป็นคนบ้าจริง
พวกที่ถูกโลกลืมไปแล้ว และไม่สนใจดูแลตัวเอง จนทางโรงบาลต้องส่งคนไปช่วยให้เค้าทำความสะอาดตัว ทำความสะอาดห้องพักทุกวัน เป็นบ้านพักที่เค้าจัดการเฉพาะให้พวกผู้ป่วยทางจิต
'พวกนี้ไม่ยอมรับผิดชอบตัวเอง เพราะฉะนั้นคงจะไม่มีวันหายจากอาการได้ด้วย
'ธีร์อยากให้คนคิดอย่างนี้เหรอ ว่าแกเป็นคนบ้าผมถามมัน
น้องนั่งเงียบ คงไม่เห็นอะไรผิดปกติมั้ง
-
แต่น้องมีข่าวดีให้ฟังว่า พรุ่งนี้เค้าจะเริ่มทำงานที่เซเว่นใกล้บ้านเราเป็นวันแรก
เค้าเดินไปถามดูที่ร้านเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนว่ามีงานให้ทำบ้างมั้ย
แต่ตอนนั้นทางเซเว่นไม่มีตำแหน่งว่าง
เมื่อวานน้องกลับไปถามอีกทีและเค้าบอกว่าพร้อมจะรับน้องเป็นเด็กฝึกงานได้แล้ว
'
ดีจัง ธีร์เก่ง อย่างน้อยจะได้มีเงินเดือนเข้าผมชมเค้า
นี้คือจุดเริ่มต้นงานเซเว่นน้อง ที่เค้าจะทำเป็น อาทิตย์กว่าๆ
น้องชวนผมไปหาเค้าที่ร้านคุยเป็นเพื่อน  แต่สองสามอาทิตย์ตอนแรกผมไม่ได้ไปหา เพราะผมกลัวว่าเค้าจะอาย
กระทั่งน้องต้น เพื่อนเค้า กระตุ้นให้ผมไปคุยเล่น
ต้นบอกว่า พ่อแม่กำลังจะพาต้นไปบำบัดตัวที่โรงพยาบาลธัญญารักษ์ ตามรอยธีร์ที่ไปรักษาตัวที่ ร.พ. แห่งนี้ ไม่กี่เดือนก่อน
น้องต้นเลิกเล่นยาไปแล้ว แต่ยังมีอาการขาดยาค้างอยู่ เลยตัดสินกับครอบครัวไปว่า เค้าน่าจะไปบำบัดตัว
ปกติน้องต้นจะไปหาธีร์ที่เซเว่นเป็นเพื่อนคุยเล่นทุกวัน
แต่ถ้าน้องไม่อยู่แล้ว ธีร์จะไม่มีใครไปให้กำลังใจ
ผมเลยตกลงว่าจะไปหาเค้าหลังจากต้นจะเข้า ร.พ.
พอไปหาธีร์ครั้งแรก ผมเดินเข้าร้านแต่ไม่ได้เห็นน้องซะที่ไหน
น้องธีร์อยู่ป่าวผมถามเด็กที่ยืนหลังเคาน์เตอร์
น้องดูงง เค้าถามเพื่อนที่อยู่รอบๆ แต่ไม่มีใครรู้จักพนักงานชื่อ น้องธีร์ เลย
อีกสักพักหนึ่ง น้องก็นึกออกได้แล้ว
อ้อ พี่ธีร์ เหรอ
ผมพึ่งนึกออกเองว่า ธีร์น่าจะเป็นรุ่นพี่กว่าเด็กในร้านนี่หว่า ไม่ใช่รุ่นน้องหรอก
ผมแก้คำเรียก อ้อ ใช่ พี่ธีร์
ในช่วงนานๆ นั้นที่ธีร์ไปเสียเวลาเล่นยาอย่างเดียวไม่ยอมไปทำงาน พวกรุ่นน้องเค้ากำลังเรียนจบและเริ่มเข้าสู่ช่วงการทำงานแล้ว

now, see here

job at the 7-11, back to rehab (1)

รถขายของประจำอยู่หน้า 7-11 ปากซอยอมร
ผมไมแน่ใจว่าทำไมธีร์หลุดกลับไปเล่นยาหลังจากเค้าไปบำบัดตัวที่ ร.พ.
 
แต่เราไม่น่าจะตกใจมากนัก
เพื่อนในกลุ่ม ชื่อวุฒิ เผยว่าน้องหาแหล่งยาเล่นตั้งแต่วันแรกที่ออกจาก ร.พ. เลย
ต้นเหตุน่าจะเกี่ยวกับพ่อแม่น้อง
พ่อเค้าขายยาบ้า (ก่อนโดนจับเข้าคุก)
แม่ปล่อยให้ลูกเล่นยาจนน้องเคยชินกับไลฟ์สไตล์นี้และลืมอนาคตตัวเอง
ในบทเขียนสุดท้ายเรื่องราวน้องธีร์
น้องจะรับงานเป็นเด็กเซเว่นใกล้บ้านเราในช่วงต้นเดือนกุมภา 2019
เป็นงานใหญ่ที่สุดที่เค้าเคยทำตั้งแต่กลับบ้าน แต่น้องทำได้แค่ไม่กี่อาทิตย์เอง
สุดท้ายจะโดนทางเซเว่นไล่ออกจากงานเพราะตื่นสายเข้ากะช้า
สาขานี้ห่างจากบ้านเค้าไม่ถึง 100 เมตร น้องเดินไปทำงานได้สบาย เค้าเข้ากะหลังเที่ยงวันแต่ก็ยังไม่ไหวอีก
หลังทำงานเซเว่นเสียไป น้องไม่ได้ไปแตะต้องหรือสัมผัสกับงานอีกเป็นนานกว่าสามเดือน
ใช้เวลานี้เล่นยาแทนจนเกือบหมดสภาพการเป็นคนอีกแล้ว
ในช่วงหลายเดือนนี้ ที่สภาพจิตน้องเสื่อมลงอีก
เราไม่เห็นแม่กีดขวางไม่ให้น้องเล่นหรือไปทำอะไรช่วยเค้าเลย
แม่เลือกปล่อยให้เค้าไปเล่นและทำร้ายกับตัวเองแบบนี้แระ เหมือนครั้งที่แล้วที่แม่ไล่เค้าออกจากบ้านโดยไม่ได้ไปสนใจอีก
แม่มีอาการติดเพื่อน ติดเฟซ และเริ่มคบกับแฟนเป็นทอมต่างจังหวัด (เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง)
เค้าคงไม่อยากรับปัญหาลูกชายมากนัก
แต่อาการน้องหนักขึ้นไปเรื่อยจนพวกเราต้องเป็นห่วงอีกแล้ว ว่าเมื่อไรใครจะพาเค้าไปบำบัดตัวสักที
สุดท้ายวันนั้นจะมาจริง ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน
แต่ครั้งนี้น้องจะไปรักษาตัวนานเป็นสี่เดือนกว่าจะเสร็จ
ผมโพสต์แบบย้อนหลังกลับไปดูแต่ละเหตุนะเริ่มตั้งแต่น้องจะรับงานที่เเซเว่นไป
อ่านต่อได้นะครับ
ผมไปหาน้องที่ห้องเช่าเค้า หลังจากเราไม่ได้เจอกัน 10 วัน
พอไปถึงหน้าห้องซึ่งห่างจากบ้านแม่ไม่กี่เมตร คนแรกที่ผมเจอคือเพื่อนบ้านแม่ ชื่อเต้
เต้ยังดูเป็นหนุ่มเลยแต่เป็นพ่อของน้องต้น เพื่อนสนิทธีร์ ด้วย
ผมทักเค้าแล้วก็ถามว่า
ผมอยากคุยกับธีร์ ขอเคาะประตูให้หน่อยได้มั้ย
ผมเกรงใจน้อง รู้สึกอึดอัดใจหน่อยเพราะวันนั้นที่ไปหา ไม่มีใครชวน
น้องต้นเพิ่งไปบอกผมว่าน้องเก็บตัวอยู่ในห้อง ไม่ยอมออกไปหาใครๆ
เต้ คงดีใจที่ได้กวนน้องเล่นๆ
เค้ายิ้มให้ผมแต่ไม่ได้เคาะประตูให้
แต่กลับถีบประตูให้เปิดบั้งเลย
แล้วก็เรียกธีร์เสียงดังๆ ว่า ไอ้ธีร์ ไมเคิลมาหา
น้องที่นอนตัวคว่ำในมุมห้องตื่นสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียง
เป็นอะไรไมเคิลเค้ารีบถามผมมา
ผมอธิบายให้ฟัง ไม่เป็นอะไร เราเป็นห่วงว่าธีร์มีอาการซึมเศร้า ทำไมไม่ออกไปหาเราบ้าง
ผมพูดพร้อมแอบดูสภาพห้องเค้า
ข้าวของถูกทิ้งระเกะระกะจนผมแทบไม่กล้าเดินเข้าไปหาน้องเลย
ห้องทำด้วยคอนกรีดธรรมดาที่สร้างเป็นห้องพัก เจ้าของปล่อยให้เช่าไม่กี่พันบาทเอง
ฝาผนังก็ไม่ทาสี และพื้นห้องไม่มีกระเบื้องปู — เป็นแค่ปูนฉาบเฉยๆ — หรือตกแต่งอะไร
เป็นรูปสี่เหลี่ยมดูเหมือนห้องกักขังมากกว่าห้องพัก
มีห้องนอนกับห้องน้ำแยกอีกห้องหนึ่ง 

now, see here

out of hospital (7, final)

ะให้ได้รู้ว่าเค้าเลิกจริงรึป่าว
ผมยอมใจทำเพื่อความสบายใจครอบครัว’ เค้าบอกด้วยความภูมิใจตัวเอง
เมื่อไม่กี่เดือนที่แล้ว ชีวิตต้นเริ่มแตกแยกออกจากธีร์ อีกอย่างหนึ่ง
เมื่อพ่อแม่ซื้อรถมอร์ไซค์ให้เค้า (ธีร์ไม่มี)
โลกเปิดกว้างขึ้นทันที เพราะต้นได้ขับรถไปข้างนอกได้แล้ว
ตอนแรกเราไม่แน่ใจว่า ธีร์จะอาจอิจฉาตาร้อนตัวน้องมั้ยที่เห็นเค้าได้ที่มีมอร์ไซค์ขับเล่นๆแล้ว แต่เปล่า ผมไม่เคยเห็นว่าเค้าจะมีอาการแบบนั้น
แต่เค้าน่าจะรู้สึกตัวบ้างว่า พวกเพื่อนเริ่มสร้างอนาคตแล้วโดยธีร์ยังไม่ได้เริ่มทำอะไรเลย
และแล้วที่ต้นตัดสินว่าจะเลิกเล่นยากับเพื่อน อาจจะพาเค้าไปห่างๆจากธีร์เข้าไปอีก
ต้นเป็นเด็กดี ทางบ้านโทรตามหาเค้าบ่อย เพื่อจะเช็คดูว่าเค้าทำอะไรอยู่
น้องรู้ดีว่าทางครอบครัวเป็นห่วง
มีวันหนึ่ง เรานั่งด้วยกันสองคนที่หน้าบ้านวุฒิ ในขณะทางบ้านโทรหาต้น
พอคุยเสร็จเค้าหันไปบอกผมสั้นๆว่า
'ไม่เหมือนกับธีร์ร์เนอะ'
น้องหมายถึงว่า
ทางบ้านต้นดูแลและเป็นห่วงเค้าอย่างดี
ไม่เหมือนทางบ้านธีร์ ที่ไม่ค้อยสนใจเลย
ซึ่งวัยรุ่นในซอยรู้ดีว่า แม่เค้าไม่ค่อยแคร์ 
-
มาถึงเวลาแล้วที่ต้นจะบอกธีร์ว่าอยากเลิกเล่นยา
ปกติต้นกับธีร์จะเล่นยากันที่บ้านเพื่อน
แต่ต้นไม่เอาแล้ว
เมื่อวันก่อนเค้าบอกธีร์ว่า ผมตั้งใจเลิกแล้ว
ธีร์กำลังออกไปซื้อยาที่โต๊ะแปดพอดี
พอกลับถึงบ้าน ธีร์ก็ถามน้องต้นว่า 
'แน่ใจเหรอ ไม่อยากเล่นเป็นเพื่อน'
ต้นยืนยันว่าไม่เอา
ธีร์ถามเสร็จก็เล่นยาไป
ใจเค้าอยากเล่นไง ถ้าต้องเล่นคนเดียวก็ไม่เป็นอะไร
-
เมื่อไรเนอะธีร์จะเข้าใจว่า เพื่อนๆเริ่มจะโตกันเป็นหนุ่มแล้ว
เมื่อได้งานทำ เค้าจะเก็บตังค์ไว้ซื้อสมบัติส่วนตัวบ้าง เช่น จยย
จากนั้นหลังได้เจอคู่รักคู่ชีวิตจะสร้างครอบครัวโดยไม่ต้องไปยุ่งกับยาเสพติดอีก
เมื่อเค้าเลือกว่าจะดำเนินชีวิตเป็นคู่
เค้าต้องรับผิดชอบซึ่งกันและกัน
ยาจะไม่มีความหมายอะไรต่อชีวิต
น้องต้นยังอายุน้อย แต่เริ่มก้าวไปสู่เส้นทางชีวิตที่เค้าเลือกเรียบร้อยแล้ว
ต่างกับธีร์ ที่โตกว่าตามอายุแต่ยังคิดเหมือนเด็ก
-
มิก (คนซ้ายสุด) กับเพื่อนฝูงร่วมถึงน้องป๊อปคนขวามือสุด (เจอกันในเรื่อง ป๊อป ซอยอมร นะคับ)

สมัยยังเรียนกันอยู่ น้องน้องธีร์กับมิกไปเที่ยวกับแม่ธีร์ที่ฝั้งธน 
พวกใจเหลวไหลมักจะมีออร่า ที่เด็กหัวอ่อนอย่างน้องชอบแสวงหา 
เหมือนแม่เหล็กดึงดูดตะไบโลหะ
พวกนี้จะดูยิ่งน่าตรึงใจ ถ้าเค้าเคยติดคุกไป
เมื่อไม่นานมานี้ เพื่อนเก่าน้องคนหนึ่ง อายุคราวๆเดี๋ยวกัน
ชื่อมิก กลับไปที่ซอยหลังจากหายไปเป็นหลายเดือน
มิกพึ่งถูกปล่อยออกจากคุก หลังโดนศาลลงโทษในข้อหาปล้นร้านค้า
น้องธีร์รีบไปหามิกที่ห้องเช่า ห่างจากบ้านวุฒิไม่กี่เมตร
เหมือนกลัวจะขาดอะไรสักอย่างถ้าไม่ไปเจอทันที
คนเล่าให้ฟังว่า มิกกับเพื่อนแก๊งวัยรุ่นแถวนี้ ถูกตำรวจจับและดำเนินคดีว่าร่วมตัวปล้นร้านเซเว่นสาขาใกล้บ้านเรา
ศาลลงโทษติดคุกประมาน 6 เดือน
มิกกับเพื่อนเข้าคุกด้วยกันเป็นกลุ่ม แล้วถูกปล่อยออกมาพร้อมกันด้วย

มิกและธีร์ก็รู้จักกันมาก่อน
ถ้าน้องแวะไปหาเค้าที่ห้องมันก็ไม่น่าตกใจมากนัก
แต่นี้ดูเหมือนว่ามันรีบดิ่งไปหาเลยไม่อยากพลาดโอกาส 
เหมือนน้องต้องสูบกลิ่นหรือสัมผัสบรรยากาศคุกให้ได้
มิกพึ่งกลับมาไม่กี่ชัวโมงก่อน แต่น้องเร่งแอบไปหาเรียบร้อยแล้ว เพื่อจะได้ฟังว่าประสบการณ์ที่โน่นเป็นยังไง
วันนั้นผมกำลังคุยกับน้องอยู่หน้าบ้านวุฒิพอดี 
เมื่อเผลอหันไปทางอื่นปุ๊บ
น้องหายตัวไปแว็บเลย
ผมเดินไปหาเค้า แล้วก็เจอเจ้าตัวสองคนจับเข่าคุยกันในห้องเช่ามิก คุยซุบซิบเหมือนผู้รู้เห็นเป็นใจอะไรสักอย่าง สุดยอดจริงๆ
ผมใส่อารมณ์กับมิกนิดหนึ่ง
'อย่าเสือกพาน้องไปเล่นยาข้างนอกอีกนะ ผมอยากให้เค้าเลิก'
มิกก็พยักหน้าดูเกรงใจเราดี
'ไม่ไปๆ ไมเคิล พรุ่งนี้ผมต้องไปรายงานตัว ตรวจฉี่อยู่ดีมิกตอบ
น้องโดดออกจากห้องมิกพร้อมกับผม หมดอารมณ์คุยแล้วมั้ง
'ไปหาคนปกติไม่ได้ใช่มั้ยผมจิกธีร์ 'ต้องไปคบกับพวกนักโทษถึงจะมีความสุขรึว่ายังไง
เค้ายิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไรเลย
จากนั้นอีกไม่นาน เรามีข่าวใหม่ว่า มิกออกจากซอยแล้วเพราะอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่
เค้าไปพักอาศัยร่วมกับครอบครัวเค้าข้างนอก
ตามเฟซมิก เราเห็นมิกไปเที่ยววัดพร้อมกับน้องชายและพ่อบ้าง
ก็ดี ไม่ต้องไปยุ่งกับในซอยสลัมนี้อีก
ผมยังจำมิกได้อยู่ตอนสมัยเรียนมัธยมเค้า
มิกเป็นเด็กดีที่กำลังโตแต่หลงทางในชีวิตตัวเองแค่นี้
น่าจะมีอนาคตที่ดี

now, see here

โพส์ตเด่น

20plus club (Postscript 3, final)

แคปชั่นก๊อปจากเน็ต: โรงพยาบาลตำรวจบริเวณสี่ แยกราชประสงค์ ปี พ.ศ. 2542 แจกเสร็จ น้องก็นั่งรอจ่ายบิลอยู่ข้างๆผม มือน้องสั่น เหงื่อออกเต็มหน้า...

โพส์ตนิยม