น้องธีร์กับแม่ พอดีแม่ขายของที่หน้าชุมชนวันเดียวกันที่น้องทำงานที่ 7-11 |
เนื่องจากว่าธีร์ไม่มีประสบการณ์ทำงาน
ธีร์ต้องเริ่มทำที่ระดับต้นๆ เท่ากับรุ่นน้องเค้าด้วย
เพราะฉะนั้นเค้าต้องเป็นรุ่นพี่ของสตาร์ฟเกือบทุกคน
ไม่ใช่รุ่นน้องยังที่ผมคิด
น้องเดินด้านหลังร้านไปเรียกธีร์ออกมา
น้องเดินด้านหลังร้านไปเรียกธีร์ออกมา
น้องดีใจจนเกือบกระโดดเข้าอ้อมแขนผมเมื่อแรกเห็น
เค้าจับมือผมและบอกเด็กๆ ที่ยืนข้างเคาน์เตอร์ว่า ‘นี่คือพ่อผม’ แล้วก็ยิ้มเบ่งบานด้วยภาคถูมิใจ
ผมสังเกตุว่า น้องใส่เสื้อแจ๊คเก็ตกันหนาว เลยถามเค้าว่า ‘แกไปทำอะไรที่นี่’
‘ผมทำงานในตู้เย็น’ เค้าตอบ
ตามหน้าที่น้องจะเติมสิ่งของตู้แช่ใหญ่ๆ ที่ด้านหลังร้าน
เค้าอธิบายว่า ตู้เปิดได้สองด้าน เมื่อลูกค้าหยิบของจากข้างหน้า น้องจะค่อยเติมของจากด้านหลังภายในห้องเก็บของ
เค้าจับมือผมและบอกเด็กๆ ที่ยืนข้างเคาน์เตอร์ว่า ‘นี่คือพ่อผม’ แล้วก็ยิ้มเบ่งบานด้วยภาคถูมิใจ
ผมสังเกตุว่า น้องใส่เสื้อแจ๊คเก็ตกันหนาว เลยถามเค้าว่า ‘แกไปทำอะไรที่นี่’
‘ผมทำงานในตู้เย็น’ เค้าตอบ
ตามหน้าที่น้องจะเติมสิ่งของตู้แช่ใหญ่ๆ ที่ด้านหลังร้าน
เค้าอธิบายว่า ตู้เปิดได้สองด้าน เมื่อลูกค้าหยิบของจากข้างหน้า น้องจะค่อยเติมของจากด้านหลังภายในห้องเก็บของ
นอกนั้นเค้าต้องถ่ายกล่องสินค้าที่ถูกส่งไปที่ร้าน
น้องก็กลายเป็นสตาร์ฟในห้องเก็บของที่ลูกค้าจะมองไม่เห็น
ผมไปหาเค้าทุกๆสองสามวันต่ออาทิตย์
เค้าจะออกมาดูดบุหรี่คุยกับผมที่หน้าร้านเล่นๆ
ผมไปหาเค้าทุกๆสองสามวันต่ออาทิตย์
เค้าจะออกมาดูดบุหรี่คุยกับผมที่หน้าร้านเล่นๆ
หรือถ้าน้องหิวผมจะพาเค้าไปกินข้าวที่ร้านทำกับข้าวตามสั่งข้างๆ
เซเว่น
เวลาคุยกับทีมงานที่เซเว่น ธีร์ดูตื่นเต้นยิ้มแย้มร่าเริงดีเสมอ
แต่ดูเหมือนว่าไม่เป็นจริงเป็นจังสักเท่าไร
จนผมสงสัยว่า พวกเค้าเห็นน้องเป็นพี่ตัวตลกของร้านรึป่าว
เหมือนน้องคิดไม่ทันกับคนอื่นรึว่าอะไรไม่รู้
แม่ให้เงินใช้ วันละ100 บาท เอาไว้ซื้อข้าว แต่น้องต้องทำงานหลายชั่วโมง
เค้าเข้ากะตอนบ่ายโมงครึ่ง เลิก 4 ทุ่มครึ่ง อาทิตย์ละ 6 วัน
เวลาคุยกับทีมงานที่เซเว่น ธีร์ดูตื่นเต้นยิ้มแย้มร่าเริงดีเสมอ
แต่ดูเหมือนว่าไม่เป็นจริงเป็นจังสักเท่าไร
จนผมสงสัยว่า พวกเค้าเห็นน้องเป็นพี่ตัวตลกของร้านรึป่าว
เหมือนน้องคิดไม่ทันกับคนอื่นรึว่าอะไรไม่รู้
แม่ให้เงินใช้ วันละ100 บาท เอาไว้ซื้อข้าว แต่น้องต้องทำงานหลายชั่วโมง
เค้าเข้ากะตอนบ่ายโมงครึ่ง เลิก 4 ทุ่มครึ่ง อาทิตย์ละ 6 วัน
ผมถามน้องว่าทำไมทางร้านไม่ยอมให้เค้าหยุดอาทิตย์ละสองวันเหมือนคนอื่น
‘คนไม่มีวุฒอย่างผม จะไม่มีสิทธิหยุดสองวันหรอกไมเคิล’ เค้าบอกเหมือนรู้ชะตากรรมตัวเองในวงการงานต้องเป็นยังไงในวันข้างหน้า
‘คนไม่มีวุฒอย่างผม จะไม่มีสิทธิหยุดสองวันหรอกไมเคิล’ เค้าบอกเหมือนรู้ชะตากรรมตัวเองในวงการงานต้องเป็นยังไงในวันข้างหน้า
น้องจะสู้ๆกับงานนี้เป็นห้าอาทิตย์
แต่สุดท้ายงานก็ล้ม
เค้าได้เงินเดือน 7,000 กว่าบาทแต่แม่ดันไปหักเก็บ 3,000 บาทเลย ให้เป็นค่าเช่าห้องเค้า
น้องบ่นกับผมว่า แม่อมเก็บเกือบครึ่งของเงินเดือนเค้าเสียแล้ว
น้องบ่นกับผมว่า แม่อมเก็บเกือบครึ่งของเงินเดือนเค้าเสียแล้ว
ผมตกใจกับข่าวนี้ แม่จะไปใจร้ายกับลูกทำไม
ถ้าหักเก็บนิดหนึ่งก็พอจะเข้าใจเพราะแม่มีค่าใช้จ่ายที่บ้าน
แต่ที่ไปเรียกร้องเยอะขนาดนี้ถ้าน้องรู้สึกบั่นทอนใจไม่อยากทำงานแล้วทุกคนจะเห็นใจเค้า
-
ผมไปหาเค้าเรื่อยๆจนเบื่อ
น้องชอบทำนัดเจอกันที่หน้าร้านแต่มาช้ามากจนผมเลิกไปหา
ผ่านมาไม่กี่อาทิตย์อีกผมได้มีข่าวว่าธีร์โดนไล่ออกไปแล้ว
น้องชอบทำนัดเจอกันที่หน้าร้านแต่มาช้ามากจนผมเลิกไปหา
ผ่านมาไม่กี่อาทิตย์อีกผมได้มีข่าวว่าธีร์โดนไล่ออกไปแล้ว
ผมได้รับรู้เมื่อเค้าเริ่มส่งเมสเซจไปหาผมตอนดึกๆ
เรียกผมไปหามันที่ห้อง
พอดีผมติดงาน เค้าต้องรออีก 4 วัน จนเราว่างและได้ไปเจอกัน
ผมนัดเจอธีร์ไปเจอกันที่หน้าซอกห้องที่เปิดออกไปสู่ถนนเส้นพระราม 3
ธีร์เดินออกจากซอกพร้อมถือแฟ้มเอกสารไว้ มุ่งหน้าไปสมัครงานใหม่ที่ห้างเซนทรัลอีก
น้องดูเครียดและไม่สบายใจเท่าไรเหมือนมีปัญหาที่บ้าน
ผมสังเกตุว่าเมื่อใดที่น้องอารมณ์เครียดแบบนี้ เค้าจะแสดงตัวก้าวร้าวขึ้นด้วย
'ผมไม่ได้กินข้าวเป็น 3 วัน แม่ไม่ยอมให้เงินใช้' เค้าบ่นกับผม
ผมไม่ค่อยเชื่อฟังเท่าไร แต่ผมส่งเงิน 100 บาท ให้เค้า เป็นค่าเดินทางไปที่ห้าง
วันถัดไปผมโทรและไลน์ไปหาน้อง ด้วยอยากรู้ว่าเค้าได้งานรึยัง แต่น้องไม่รับ (สงสัยแม่ยึดโทรศัพท์เค้าไว้เป็นการลงโทษที่น้องเสียงานที่เซเว่นไป)
สุดท้ายผมเลือกเดินไปหาเค้าที่ห้องตอนมืดๆ เพื่อความสบายใจตัวเอง
แต่เรากลับเจอน้องอารมณ์เสียอีก เค้าไล่ผมออกจากหน้าห้องโดยไม่ยอมเปิดประตูคุยกันเลย
‘ไปเลย ไปเลย’ เค้าตะโกนหลายรอบออกมา
พอดีผมติดงาน เค้าต้องรออีก 4 วัน จนเราว่างและได้ไปเจอกัน
ผมนัดเจอธีร์ไปเจอกันที่หน้าซอกห้องที่เปิดออกไปสู่ถนนเส้นพระราม 3
ธีร์เดินออกจากซอกพร้อมถือแฟ้มเอกสารไว้ มุ่งหน้าไปสมัครงานใหม่ที่ห้างเซนทรัลอีก
น้องดูเครียดและไม่สบายใจเท่าไรเหมือนมีปัญหาที่บ้าน
ผมสังเกตุว่าเมื่อใดที่น้องอารมณ์เครียดแบบนี้ เค้าจะแสดงตัวก้าวร้าวขึ้นด้วย
'ผมไม่ได้กินข้าวเป็น 3 วัน แม่ไม่ยอมให้เงินใช้' เค้าบ่นกับผม
ผมไม่ค่อยเชื่อฟังเท่าไร แต่ผมส่งเงิน 100 บาท ให้เค้า เป็นค่าเดินทางไปที่ห้าง
วันถัดไปผมโทรและไลน์ไปหาน้อง ด้วยอยากรู้ว่าเค้าได้งานรึยัง แต่น้องไม่รับ (สงสัยแม่ยึดโทรศัพท์เค้าไว้เป็นการลงโทษที่น้องเสียงานที่เซเว่นไป)
สุดท้ายผมเลือกเดินไปหาเค้าที่ห้องตอนมืดๆ เพื่อความสบายใจตัวเอง
แต่เรากลับเจอน้องอารมณ์เสียอีก เค้าไล่ผมออกจากหน้าห้องโดยไม่ยอมเปิดประตูคุยกันเลย
‘ไปเลย ไปเลย’ เค้าตะโกนหลายรอบออกมา
No comments:
Post a Comment
เขียนเป็นไทยหรืออ้งกฤษก็ได้คับ Thai or English is fine...