Showing posts with label บ้านกทม. Show all posts
Showing posts with label บ้านกทม. Show all posts

Monday 18 November 2019

out of hospital (5)

หลังจากผมขอโทษเค้า โมเมนท์ล่อแหลมนั้นผ่านไปได้ด้วยดี ไม่มีปัญหาอีก
เลยไปอีกหนึ่ง ช.ม. เค้าลืมเหุตการณ์นี้เรียบร้อย
กลับเป็นคนใจดี เมื่อเค้าขอตังค์ผมไว้ไปกินข้าว
แต่ผมไม่ให้
'มึงนิสัยแย่จะขอได้ยังไงผมว่ายังเจ็บใจ
ยามดึกๆเข้า เค้าส่งไลน์มาต่อว่า ที่ผมไม่ได้ดูแลเค้า
'แล้วบอกจะดูแลผม ขอเงินยังไม่ให้เลยผมหิวข้าว'
ผมตอบเค้าไปเลยแบบนี้
ผมจะให้เงินเฉยๆไม่ได้ตอนนี้
ถ้าแกไม่ไปซื้อข้าวต่อหน้าต่อตาพวกเรา เช่นที่ร้านใกล้บ้านวุฒิ และยังเล่นยาดื้อๆ แบบนี้ แกต้องอดเพราะผมจะไม่ช่วยหรอก
ไม่ยังนั้นแกอาจจะเอาเงินผมไปใช้ในทางอื่น
ขอพูดตรงๆผมเริ่มเห็นอาการติดยาเดิมๆของแกกลับมาอีกแล้ว
แกขาดยาไปแค่ 3 วันเอง ก็ทนไม่ไหวต้องใส่อารมณ์กับผมแบบฟิวส์ขาดเลย 
ถ้าได้งานทำใหม่แล้ว แต่ดันทำตัวก้าวร้าวแบบนี้  แกจะโดนไล้ออกแน่
จะคุ้มมั้ยล่ะ
ถ้าจะเอาเงินไปซื้อข้าวจริง หรือเติมเน็ตอะไรของแกผมจะไม่ว่า แต่ผมจะเอาอะไรให้แน่นอนไม่ได้ตอนนี้
ถ้าแกยังเล่นยาอยู่
ผมรู้สึกเสียใจจริงๆ
เพราะในช่วงแรกๆหลังจากออกจาก รพ แกทำตัวดีมาก 
แต่พอแกเบื่ออยู่บ้านเฉยๆ  ก็แอบกลับไปเล่นยาที่ซอกอีก
ผมเลยอยากเร่งให้แกไปหางานทำเพื่อจะได้แก้เบื่อไง
เข้าใจมั้ย ไม่ได้แกล้งทำโมโหหรอก
แต่ถ้าคืนนี้ผมจี้มากเกินไป ผมขอโทษด้วย

กลับไปที่หน้าบ้านวุฒิ (ฝาสีชมพู) ข้างในชุมชน
เพื่อนร่วมในกลุ่มคือวุฒิสังเกตุเองว่านิสัยน้องเปลี่ยนไป
'น้องธีร์ เริ่มจะคุยไม่รู้เรื่องอีกแล้ว'
วุฒิบอกผมทางแมสเซ็นเจ้อร์
อาการเดิมๆ คือเห็นภาพหลอน หูแว่ว ฟื้นตามมาด้วยหลังเค้ากลับไปเล่นยาอีก
'เค้าไม่มีเงินจริง แต่เงินไม่จำเป็นหรอกถ้าอยากเล่นจริงๆวุฒิพูดต่อ
เค้าเผยว่า คนที่หน้าปากซอก ใช้ธีร์เป็นเด็กรับใช้ ฝากให้เค้าไปซื้อของหรืออะไรของเค้าประจำ
พอน้องทำเสร็จ พี่ๆ จะแบ่งยาให้เค้าดูดเป็นค่าตอบแทน 
น้องถึงได้เล่นยาทุกวันนี้โดยไม่ต้องออกค่ายาเอง 
ผมสังเกตว่า เวลานั่งคุยกับเราที่หน้าบ้านวุฒิ น้องชอบขอเงินนิดๆหน่อยๆ แล้วแอบเดินกลับไปที่โต๊ะแปดนั้น
เค้าอ้างว่าอยากมีเงินติดตัว แล้วตอนแรกผมคิดว่าเค้าจะซื้อของกินเล่นที่ร้านฝั่งนั้น แต่ไม่ใช่
ผมไปรู้ทีหลังว่าเค้าแอบเอาเงินเราไปเลี้ยงพวกพี่ขี้ยานั้น ซื้อเบียร์บ้าง น้ำบ้าง คืนบุญคุณที่เคยรับยาไปจากเค้า
และเผื่อไว้จะได้เล่นยากันตอนมืดๆอีก
ผมยังไม่เข้าใจว่าทำไมเค้าต้องไปยุ่งกับพวกนั้น เหมือนทำลับหลังพวกเรา
พอผมรู้ว่าเค้าใช้เงินเบี่ยงเบนไปทางนั้น ผมเลิกให้เงินเค้าไปอีก
ผมเขียนถึงพวกนี้ไปแล้ว ว่าถ้าเดินไปสู่ซอกนั้นตอนไหน เรามักจะเจอคนหลากหลาย ทั้งแม่ค้า คนนั่งเล่นกันดูทีวี  ฯลฯ
แล้วถ้าเรามองดีๆหน่อย เราต้องเห็นพวกหนุ่มๆเล่นยาเป็นประจำด้วย
ที่จับถุงพลาสติกใสเล็กๆบรรจุผงสีขาว ที่เค้าเรัยกว่า ยาเค เป็นของเล่น
พวกนี้ยืนอยู่ที่โต๊ะแปดคือในช่องหน้าซอกสูดดมยาเค แบบโล่งโจ่งไม่อายใครเลย
ผมเดินเข้าซอกนี้บ่อยจนป็นคนคุ้นตาชาวบ้านข้างในเสียแล้ว 
เค้ารู้อยู่ว่าผมจะไม่ไปฟ้องใครหรอก เพราะเราก็คล้ายๆกับว่าเป็นคนในชุมชนแล้ว
เค้าถึงกล้าสูบยาต่อหน้าผมไปเลยแบบนี้
ผมได้คุยกับคนพวกนี้บ้าง
เป็นคนปกติธรรมดา บางคนมีเมียแล้ว มีลูก งานทำ แต่ยังชอบใช้ยาเป็นงานเล่นๆ
แต่เป็นรุ่นพี่ของน้องธีร์ทั้งนั้น นอกจากเล่นยาเค้าคงไม่มีอะไรเหมือนกันหรือเข้าร่วมกัน
เค้าดูเหมือนว่าไม่ค่อยรู้เรื่องชีวิตน้องด้วย (อย่างนั้นไปคบคุยกับเค้าทำไมนะธีร์)
มีวันหนึ่ง ผมกำลังเดินกลับบ้านแต่แวะไปคุยกับพวกเค้าก่อน
ผมบ่นว่าไอ้ธีร์ไม่เลิกเล่นยาสักที
หนุ่มคนหนึ่งที่เล่นยาที่โต๊ะแปดเป็นประจำบอกว่า 
ไอ้ธีร์มันน่าสงสาร พ่อแม่มันติดคุก
ซึ่งมันไม่จริงอยู่แล้ว
พ่อติดคุกจริง แต่แม่อยู่บ้านซอยนี้เอง’  ผมตอบให้เค้าเข้าใจ
แต่ติดหรือไม่ติด ไม่มีใครบังคับใจให้มันไปเล่นเค้าทำเอง’ ผมว่าต่อ

now, see here

out of hospital (4)

รออาทิตย์หน้าก่อนแล้วกัน ผมจะพาเพื่อนแกไปกินด้วย ผมตอบ
แต่สุดท้ายเราต้องพักแผนนี้ไป
เพราะในอีกสองวันต่อมา
เราต้องเจอข่าวร้ายอีกแล้ว
น้องโดนไล่ออก เพราะตื่นสายเข้าร้านเกินเวลากำหนด
ทางร้านก็ฉวยโอกาสนี้เลิกจ้างเค้า
โดยไม่ได้จ่ายค่าจ้างสองวันที่น้องเสียไปแล้ว
อ้างว่าน้องยังฝึกหรือทดลองงาน ไม่มีสิทธิ์ได้เงินค่าจ้างเลย
พวกนี้มีกลิ่นขี้โกงจริง
น้องบอกที่หลังว่า นายไม่ได้ยื่นเอกสารใดๆให้น้องเซ็น ที่รับรองว่า เค้ารับงานเป็นเด็กฝึกงานที่นั้น
หนำซ้ำทางร้านไม่ได้ให้น้องตอกบัตรเข้าหรือออกงานด้วย
เค้าเลยพิสูจน์ไม่ได้ว่าทำงานเป็นสองวันแล้ว
แต่ถ้าน้องผิดหวังที่โดนโกงเค้าไม่ได้แสดงออก
'ก็ให้เป็นบทเรียนชีวิตแล้วกันผมปลอบใจเค้า
น้องไม่ยอมแพ้ บอกว่าจะลองไปหางานที่เซ็นทรัลอีก 
แต่ที่จริงแล้ว เค้าอาจจะเจอปัญหาแบบนี้ซ้ำซากไปเรื่อย
เพราะน้องไม่ค่อยมีประสบการณ์ทำงาน
และไม่มีวุฒิการศึกษาด้วย
-
7-11 สาขาซอยอมร ที่รับเข้าน้องทำงาน เมื่อเดือนกุมภา 2019
ที่จริงแล้วเวลาจะผ่านไปอีกหลายอาทิตย์ก่อนเค้าจะไปสมัครงานใหม่
เค้าจะรับงานเป็นเด็กเซเว่นในช่วงเดือน กพ เป็นงานชิ้นสุดท้ายก่อนอาการน้องจะร่วงอีก ตกเหวลึกเพราะกลับไปเล่นยา
เค้าต้องกลับไปบำบัดตัวในที่สุด (ขออ่านบทสุดท้าย จะเล่าให้ฟัง)
แต่ในช่วงเวลานี้ ก่อนไปสมัครงานที่เซเว่น น้องก็ไม่มีอะไรทำ ไม่ค่อยมีเงินใช้ด้วย
เค้าเลือกเก็บตัวในห้องไม่ได้ออกไปหาใครที่บ้านวุฒิ เพราะไม่มีตังค์
น้องหายไปหลายวันติดกันโดยไม่มีใครเจอหน้าเจอตาเค้าเลย
ผมมารู้ทีหลังว่า แม่ให้เงินเค้าใช้แค่วันละ 50 บาทเอง ซึ่งก็ไม่พอกิน
น้องเลยไม่อยากเจอใครๆ
แม่ไม่พอใจที่น้องไม่มีงานทำ  ไม่ยอมสมัครหางานทำอีก เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องคนเดียว
เลยลดให้เงินใช้เป็นการลงโทษ
กระทั้งมีข่าวร้ายเล็ดออกมาว่า น้องเบื่อจนเริ่มแอบออกไปเล่นยาที่หน้าซอกอีกแล้ว
ซ้ำนิสัยเสียๆ เดิมๆ ของน้อง ที่เราเจอเมื่อยามก่อนที่น้องติดยาแต่ยังไม่ได้ไปบำบัดตัว  ก็เริ่มฟื้นตัวกลับมาด้วย
เริ่มด้วยที่เค้าเก็บอารมณ์ไม่อยู่
เมื่อน้องเล่นยาเค้าจะโมโหง่าย เหมือนไม่มีความอดทน ขบคิดปัญหาไม่ออกเพราะสมองสบสน
เป็นผลจากเสพยานั้นเอง
พอเจอเรื่องเมื่อไร เค้าจะสติหลุดลุกขึ้นตบหน้าเราเมื่อนั้น
มีครั้งนึงผมคุยกับน้องที่หน้าบ้านวุฒิ มีเพื่อนนั่งกันอีก สัก 2-3 คน
'แกยังไม่มีงานทำ เมื่อไรจะจริงใจกับชีวิตสักทีผมบ่นกึ่งยุยวนเค้าตามเคย
ผมกำชับให้เค้าไปหางานทำบ่อยจนน่าจะเป็นเรื่องธรรมดาซะแล้วไม่มีอะไรมาก
แต่วันนี้เค้าทนไม่ไหวเลยอาละวาดใส่อารมณ์กับผม
'จะพูดงี่เง่าซ้ำซากทำไม อยากทีบหน้าเลยไอ้สัตว์เค้าร้องตะโกนออกอย่างนั้น
ผมเห็นน้องอารมณ์ฉุนเฉียวแบบนี้จริง ก่อนที่เจ้าตัวจะเข้าไปบำบัด
แต่ไม่ได้เจอเค้าทำตัวแรงๆ เป็นนานแล้ว
ผมตกใจและรีบขอโทษเค้า
ผมหวั่นไหวว่าดราม่าจะลุกลามไปถึงการใช้มือกัน
ครั้งที่แล้วที่น้องตบหน้าผม ผมเตือนมันว่า ถ้าทำไปอีก ผมจะตีมันกลับ เค้าต้องไปรักษาตัวที่ ร พ อีก เพราะผมจะไม่ยอมแน่
มึงชอบไปโรงบาลเหลือเกิน เดี่ยวจะจัดให้
ผมบอกเค้าวันนั้น
เค้าหัวเราะเบาๆ ไม่ได้ว่าอะไร
คงจะไม่เชื่อมั้งแต่ตั้งแต่วันที่ขู่นั้น เค้าไม่ได้ตบหน้าผมอีก
มาถึงวันนั้น ที่เค้าฟิวส์ขาดใส่อารมณ์อีกเมื่อผมไปพูดถึงงาน
ผมย้อนนึกถึงคำพูดน้องเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
ผมแอบฟังเค้าคุยกับเพื่อน จึงได้รู้ว่าน้องไม่ได้เล่นยาเป็นสามวันแล้ว
แหม่ พอเจอปัญหานิดเดียวเข้า น้องจะทิ้งระเบิดใส่ไปเลย
เพราะอาการขาดยานั้นเอง
เพื่อนน้องไม่ได้พูดอะไร คงจะชินเสียแล้วกับอารมณ์ผันแปรของน้อง

now, see here

out of hospital (3)

ตอนนั้นน้องชอบขอเงินทั้งผมและแม่ด้วย
อ้างว่าจะซื้อข้าวแต่แอบใช้เงินไปซื้อยาเล่นแทน 
ผมไม่อยากให้เค้ากลับไปทำแบบนั้นอีก เลยปฏิเสธเค้าไป
รอบแรกน้องขอ 60 บาท
'
แม่แกชอบอวดรวย กลับไปขอเงินเค้าดีกว่าผมใส่อารมณ์กลับ
น้องอ้อนวอนให้ผมช่วยหน่อยแต่ครั้งนี้ลดความเรียกร้องลงไปถึง 40 บาท
'ผมแค่อยากมีเงินติดตัวเค้าอ้างไป
แต่ผมยืนยันว่าเค้าต้องกลับไปขอแม่ รวยๆ ของเค้า ที่พึ่งซื้อมือถือให้
'เค้าไม่รวย นานๆที งานเค้าจะมีเงินเค้าตอบ
เมื่อเค้าเห็นว่าผมจะไม่ยอม เค้าเดินออกไปขอเพื่อนที่หน้าซอกแทน
ผ่านไปอีกห้านาที น้องเดินกลับไปอย่างเงียบๆผ่านตัวผมไปเฉยๆ มุ่งหน้าไปที่ร้านเซเว่นนอกซอย
เสร็จแล้วอีกสักพักหนึ่งน้องเดินกลับมาหาเราอีกด้วยถือสลิปเติมเน็ตไว้ในก้ำมือ
แหม่ เค้ารู้อยู่แล้วว่าผมน้อยใจที่แม่ซื้อโทรศัพให้เค้า
แต่น้องทำหน้าด้านขอตังค์ผมเฉยๆ เพื่อจะเติมเน็ตในโทรศัพท์ของเค้านั้นเอง
แถมไม่ได้บอกตรงๆ ว่าจะเอาตังค์นั้นไปซื้ออะไรจริงๆ
พอผมเห็นว่านิสัยนักเลงเค้ากลับมาฟื้นตัวอีกแล้ว
ผมรู้ทันทีว่า ทาง รพ อาจจะปรับนิสัยเค้าได้ แต่สันดานเสียๆ ก็ยังอยู่ติดตัวเค้าเหมือนเดิม
-
พอกลับบ้านแล้ว น้องพักสมองสามอาทิตย์ก่อนไปสมัครงาน
มีวันหนึ่ง น้องหายตัวไปโดยไม่ได้ฝากบอกใครว่าจะไปที่ไหน
พอเราได้เจอกันอีกที่ ผมเห็นน้องนั่งอยู่กับเพื่อนที่หน้าปากซอกนั้น
'ไปไหนมาไอ้ธีร์ผมใส่อารมณ์นิดหน่อย ให้มันรู้ว่าพวกเราเป็นห่วงที่ไม่ได้เจอเค้าเป็นสามวันแล้ว
'ผมไปสมัครงานมาเค้าตอบ
เค้าได้งานเป็นเด็กเสิร์ฟในบาร์ใกล้แถวบ้านเรา
แต่ทำได้แค่สองวันเองก็เลิกแล้ว และกลับมาเป็นคนไม่มีงานทำเหมือนเดิม
'ผมทำไม่เป็นเค้าสรุป สั้นๆ
น้องอาจจะผิดหวังที่สมัครงานไปแต่ทำไม่ถนัด
แต่เค้าเลือกงานผิด  น้องยังไม่บรรลุนิติภาวะเค้าจะไปแตะต้องแอลกอฮอล์ไม่ได้
ถ้าทางร้านโกงไม่จ่ายเงินเดือนเค้า น้องจะไปฟ้องใครได้ที่ไหน
ผมเตือนใจเค้าไว้ว่า  'แกต้องใช้เวลาหน่อย ก่อนจะเจองานถูกใจจริงๆ'
อีกสองวันต่อมา

ร้านอาหารเวียดนามที่น้องไปทำงาน

น้องไปสมัครงานอีกที่ห้างเซ็นทรัลใกล้บ้านเรา แล้วได้งานเป็นเด็กเสิร์ฟร้านอาหารเวียดนาม
เค้าต้องใส่กางเกงสีขาวๆ แบบนักเรียน แม่ซื้อให้สองชุด
เค้าตื่นเต้นน่าดูที่ได้งานนี้
คืนก่อนที่เค้าจะเริ่มทำงาน น้องให้ผมเลี้ยงเหล้าที่บ้านวุฒิ
พอเริ่มกินเฮฮากับน้องบอกว่าอยากไปเที่ยวข้างนอก
อยากไปเที่ยวผู้หญิง พาผมไปที่ร้านอบอาบนวดหน่อยดิ เค้าขอแต่ผมต้องปฏิเสธไป
ไม่เอา เดี๋ยวจะติดโรค ผมตอบ
เค้าเซ้าซี้ไปเรื่อย แต่ผมไม่ยอม
จากนั้นเค้าให้ผมพาไปเลี้ยงที่ร้านเบียร์อีก
ไมเคิลน่าจะเปิดโต๊ะไปเลย เค้าพูดอวดๆ หน่อย
ผมไม่เอาอีก
พรุ่งนี้ต้องเข้าทำงานแต่เช้านะ จะไหวเหรอ ผมถามเค้า
สุดท้ายน้องยอมให้ผมจัดปาร์ตี้เลี้ยงเหล้าเล็กๆที่หน้าบ้านวุฒินั้นเอง
น้องดูคึกคักเป็นพิเศษ คุยตลกๆ จีบสาวๆ ด้วย
คุยกับสาวๆเสร็จ น้องก็ยังอารมณ์เงี่ยนอยู่มั้ง
เจ้าตัวให้ผมจับเป้าเค้าเล่น และถามว่าอยากแลกดูของกันมั้ย
แค่นี้ยังไม่พอ ธีร์ชวนผมกลับไปที่ห้องให้ไปช่วยเค้าชักว่าว (ไม่เอา ผมไม่ใช่เครื่องมือใช้ของเด็กหรอก ต้องหาแฟนทำ หรือไปขอแม่แกดิ อิอิ)
เมื่อผมเห็นเค้าตื่นเต้นขนาดนี้ที่กำลังเข้าสู่การทำงานเป็นตัวเป็นตนนั้น ผมอดถามเค้าไม่ได้ว่า
'
ธีร์รู้สึกเสียใจมั้ย ที่ไม่ได้ไปสมัครงานก่อนหน้านี้  มีโอกาสเยอะแยะแต่กลับเสียเวลาเล่นยา
ผมต้องถามหลายครั้งถึงน้องยอมใจตอบ
'เสียดายจริงไมเคิล'
 -
เค้าไปทำงานในวันถัดไปได้ด้วยดี
เค้าถ่ายรูปตัวเองและหน้าร้านส่งให้ดู
น้องชวนผมไปเที่ยวกินข้าวที่ร้านเค้า หรือไม่ก็พาเค้าไปกินเอ็มเคที่เซ็นทรัลที่เดียวกันนั้น แต่ผมขอไม่ไป

now, see here

out of hospital (2)

กลับไปที่หน้าบ้านวุฒิอีกแล้ว

นิสัยเปลี่ยนไปด้วย
 จากมาก่อนชอบเมายาจนมักจะนั่งเงียบๆ ไม่ค่อยพูดจากับใคร
ตอนนี้เจ้าตัวอารมณ์คึกคักตื่นเต้นดี
เค้าพูดได้แล้ว ทักทายคนด้วย
ชอบเล่นมุกและหยอกล้อจีบสาวๆ ที่เดินในซอยอีก
แต่ตามที่ผมสังเกตุดู น้องก็ยังมีบางช่วงเวลาที่ดูสับสน อารมณ์ไม่คอยคงที่ นั่งแป็บเดียวก็บ่นว่าหูอื้อ ฟังคำพูดคนไม่ค่อยได้ สรุปแล้วน้องยังป่วยทางจิตอยู่ในระดับหนึ่ง
หมอที่โน่นให้คำวินิจฉัยว่าน้องเป็นโรคจิต
แต่โรคจิตเพราะเล่นยาหรือตั้งแต่กำเนิดเองก็ไม่รู้
คำวินิจฉัยแบบนี้ ฟังแรงเกินไปสำหรับคนวัยแค่นี้
โลกนี้มีวัยรุ่นที่ไหนที่อยากโดนมลทินจากสังคม ว่าเค้าเป็นเด็กบ้า 
แต่น้องดูไม่ติดใจเท่าไรกับเรื่องนี้หรอก
เค้าชอบเอาสภาพตัวเองไปเล่นมุกต่างหาก
เมื่อไม่กี่วันหลังจากกลับบ้านแล้ว มีข่าวว่า น้องแอบจีบสาวคนหนึ่ง
ที่เป็นแฟนเพื่อนในวง 
เมื่อพี่ๆ ในวงจับได้และรู้ว่าธีร์ไปยุ่งกับผู้หญิงคนอื่น
เค้าด่าน้องเละ
แต่ธีร์กลับตอบเนียนๆ ทะเล้นๆ ว่า 'คนบ้า (อย่างผม) ทำได้'
เจอกันวันแรก ผมกำลังเดินไปยังบ้านวุฒิพอดี 
น้องนั่งกับเพื่อนวัยรุ่น รวมกันประมาน คน ที่หน้าบ้านวุฒิ
น้อง ซึ่งกำลังคร่อมรถมอร์ไซค์ออกไปข้างนอก ไหว้และทักทายผมดี
'สวัสดีไมเคิลเค้าพูดดังๆ ชัดๆ เลย
-
ในคืนแรกนั้นเรานั่งคุยกันเล่นเป็นนาน
เพื่อนๆ น่าจะคิดถึงน้องบ้างเนอะ แต่ผมไม่เห็นใครถามถึงประสบการณ์เค้าที่โน่นเลย
จนผมต้องแซกพูดเอง 'ไม่มีใครสนใจน้องเลยเหรอ ว่าการบำบัดตัวเป็นยังไง'
น้องแอบยิ้มอ่อนๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร เพื่อนก็เงียบเหมือนเดิม
ผมสงสารน้อง อยากช่วยให้ปรับตัวให้เข้ากับสังคมให้เร็วที่สุด
ผมถามเค้าว่า 'ยังกลัวคนใช่มั้ย เจ้าหน้าที่โรงบาลพาพวกแกออกไปเที่ยวข้างนอกบ้างมั้ยลูก'
น้องไม่ได้ตอบ
เรานั่งด้วยกันแบบนี้นานประมาณสามชั่วโมง
คุยบ้าง ไปเฝ้าดูเค้าที่ร้านเกมส์บ้าง
พอดึกๆ เข้า แม่โผล่ตัวมาที่กลางซอยยืนเรียกลูกกลับบ้าน 
เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเค้าเดินเข้ามาหาเราแบบนี้เลย
น้องกลับบ้านโดยไม่ได้พูดจากับใคร
มาเจอกันคืนที่สอง แม่ได้เปลี่ยนวิธีการเรียกลูกกลับบ้านแล้ว
เค้าซื้อโทรศัพมือถือให้ เมื่ออยากให้ลูกกลับ เค้าจะส่งข่อความเรียกมา
น้องเดินมาหาเราที่บ้านวุฒิพร้อมถือเครื่องแนบชิดไว้กับอก ภูมิใจกับของใหม่เหลือเกิน
น้องนั่งเล่นกันบ้าง โทรหาเพื่อนบ้าง  ได้เวลาสี่ทุ่มแล้ว แม่ส่งแมสเสจตามหา ถามลูกว่าเมื่อไรจะกลับบ้าน
น้องไม่ได้ว่าอะไรหรือลาใครไปสักคน เค้าลุกขึ้นเดินกลับบ้านเลย
แม่เคยซื้อโทรศัพท์ให้เค้าอีกเครื่องหนึ่งก่อนที่น้องเข้าไปบำบัดตัว
ครั้งนั้นเป็นมือสองใช้ได้ไม่กี่อาทิตย์แล้วก็พังไป 
ครั้งนี้แม่ซื้อเครื่องแพงๆหน่อย ราคาประมาณหกพันบาท
น้องเอาเครื่องไปอวดโชว์ให้เพื่อนดู แต่ไม่ได้เอามาให้ผมดูเหมือนไม่อยากให้ผมไปยุ่ง
ผมรู้สึกน้อยใจที่แม่ซื้อใจเค้าได้ง่ายขนาดนี้ 
ตอนที่พวกเราช่วยประคองชีวิตน้องเป็นหลายเดือน ไม่เห็นแม่ปรากฏตัวแสดงความสนใจลูกเลย
ลูกคงจะเสียใจกับแม่ตรงนั้น
แต่เมื่อแม่พาลูกกลับบ้านแล้วได้ไปซื้อมือถือให้เค้าเป็นรางวัล
น้องเห่อของเล่นใหม่จนดูเหมือนจะลืมบุญคุณของเรา
ผมรู้สึกเฮิร์ทจนไม่อยากเจอหน้าเค้าแล้ว
ผมเดินหนีออกไป
กระทั้งเมื่อคืนถัดไป พอน้องเห็นผมเดินไปสู่หน้าบ้านวุฒิ
เค้ารีบเดินออกจากบ้านแล้วก็ทักผมทันทีว่า ‘ไมเคิลมีปัญหามั้ยครับ
น้องเป็นห่วงความรู้สึกอ่อนแอผมนี่หว่า
ผมรีบขอโทษเค้าที่ทำตัวเหมือนเด็ก
น้องยังป่วยอยู่ ผมไม่น่าจะปั่นป่วนหัวเค้าขนาดนี้
-
น้องกลับมาขอตังค์เก่ง 
เหมือนเค้าชอบทำในช่วงก่อนนั้นที่เค้าไปบำบัดตัว

now, see here

out of hospital (1)

โรงบานน้องอยู่ขวามือ
เลิกคุยกับแม่

ผมเลิกคบเลิกคุยกับแม่น้องเสียแล้ว  
หลังจากผมโดนแม่ใส่อารมณ์หงุดหงิดงี่เง่าไปหลายครั้ง
ครั้งแรกก็เป็นช่วงก่อนที่น้องออกจาก ร พ
ผมส่งข้อความไปหาแกที่เกี่ยวกับน้อง
แม่อยากให้เค้ากลับบ้านเร็ว แต่ผมกลัวว่าถ้าน้องยังไม่มีงานทำ น้องจะหลุดกลับไปเล่นยาต่อรึเปล่า
ตอนแรกแม่มีแพลนไว้ว่าจะให้น้องย้ายไปอยู่กับญาติที่ต่างจังหวัดก่อน
น้องจะได้ช่วยทางบ้านเค้าขายของหรือหางานทำที่โน่นก็ได้
ไม่ต้องรีบกลับไปที่ซอยอมรหรอก
ผมเห็นด้วยว่าน้องน่าจะหลีกเลี่ยงซอยสลัมก่อน
จึงบอกแม่ว่า 'แม่น่าจะเร่งจัดหางานให้น้องทำก่อนไปรับเค้ากลับบ้านนะ'
ตอนนั้นแม่ไปเที่ยวต่างจังหวัดพอดี (ถึงลูกยังรักษาตัวอยู่ที่ ร พ นั้นก็เหอะ แม่อยากเที่ยว)
เค้าไม่ชอบกังวลอยู่แล้ว ผมคงขัดจังหวะการพักสมอง
แม่จึงใส่อารมณ์กลับมาในเชิงว่า รบกวนฉันทำไม
ให้เค้าพักสมองบ้าง ต้องเอาเรื่องให้ได้เลยเนอะ แม่ไม่อยากคิดเรื่องนี้อะไรมาก’ เค้าตอบทางไลน์
ผมไม่ได้ตอบโต้อะไร
แต่พอเราเจอซ้ำอีกก็เริ่มเบื่อนิสัยเค้าแล้วจนเลิกคบ
ผมโดนเค้าใส่อารมณ์อีกเมื่อแม่กลับไปที่ซอย แล้วผมแวะไปหาเค้าที่บ้านเพื่อนแก๊งผู้หญิงในเวลาต่อมา
ผมอยากทักเล่นเฉยๆ เพราะแม่เพิ่งพาผมไปได้รู้จักพวกนี้
แต่พอเห็นหน้าผม แม่เข้าใจผิดว่าผมอยากคุยถึงลูก
เค้าร้องตะโกนใส่ไป จะเอาอะไรอีกล่ะ แม่พักผ่อนไม่ได้เหรอไง
ผมตกใจแต่ไม่ยอมเหมือนกัน
ผมตอบทันที่ว่า
แม่รู้สึกผิดเหรอ’ (ที่เลี้ยงลูกไม่ได้เรื่องจนยังเป็นปัญหาทุกวันนี้)
โดนผมกวนหัวแบบนี้ เค้าทิ้งระเบิดกลับมาอีก
อ้างว่าพึ่งเสียผู้ใหญ่สักคนไปเลยไม่อยากพูดถึงเรื่องหนักที่บ้าน บลาๆ 
ต่อจากนั้นก็มีอีกสัก 2-3 ครั้งที่ผมโดนแม่ทำแบบนี้ จนผมไม่อยากคุยกับแกแล้ว
ผมบล๊อกไลน์เค้าเพื่อจะแสดงความไม่พอใจ 
จากนั้นเมื่อเราเจอกันในซอยอีกที เราต่างไม่ยอมคุยกัน เดินเชิดหน้าไม่ยอมสบตากันด้วย
ผมเลิกคุยในช่วงก่อนที่น้องออกจาก ร พ โดยบล็อกเค้าไปที่ไลน์ก่อน
วันนั้นที่แม่ไปรับน้องพากลับมาบ้าน ผมสงสัยว่า แม่พยายามติดต่อหรือแจ้งผมไว้
พอรู้ว่าโดนบล็อกไป เค้าตัดพ้อโพสต์ขึ้นในเฟซเชิงว่า ฉันทำถูกใจทุกคนไม่ได้หรอก
แต่ช่างมันเถอะ
ความสัมพันธ์เราขึ้นๆลงๆแบบนี้อยู่แล้ว
ในที่สุดน้องไม่ได้ไปต่างจังหวัดดังที่แม่กะไว้
แกพาน้องกลับไปที่บ้านซอยเมื่ออาทิตย์ก่อนช่วงปีใหม่
โดยไม่ได้บอกใครๆในวงเพื่อนผมล่วงหน้าว่าจะไปรับเค้า
เค้าทำแบบลับๆล่อๆ ตามเคย
ผมเจอน้องในซอยวันที่กลับมาพอดี
น้องรักษาตัวห้าอาทิตย์เอง (ไม่ใช่หลายเดือนดังที่หมอแนะ)
แต่เค้าอยากกลับบ้านนานแล้วเพราะคิดถึงเพื่อน
ในช่วงแรกๆที่โน่นจะไม่มีอะไรให้น้องๆทำนอกจากนอนอย่างเดียว (น้องว่าอย่างนี้)
ผมบอกเค้าว่า ตอนนี้ผมและแม่เลิกคุยกันแล้ว
ต่อจากนั้น ถ้าผมอยากพูดถึงแม่ ผมมักจะเยาะเย้ยเค้าต่อหน้าธีร์ในเชิงคนน้อยใจแบบเล่นๆ เช่น 
อีแม่คนรวยซอยอมร’ 
อีแม่เน็ตไอด้อล’ 
แม้แต่ อีแม่มึง ซึ่งน้องรับได้หมดไม่ได้ต่อว่าหรือปกป้องแทนแม่อะไรเลย

น้องกลับบ้าน

น้องธีร์กลับมาอีกแล้ว หลังบำบัดตัวที่ รพ เป็นห้าอาทิตย์
ยังเดินล่องลอยเหมื่อนผีไม่มีศาลเจ้าที่เลย
เปล่า พูดเล่น 
เค้าดูอ้วนขึ้นแข็งแรงดี

now, see here

hospital visit (5, final)

เป็นเงินก้อนเล็กๆที่น้องจะเบิกได้ไปเรื่อยถ้าอยากซื้อของกินเล่น ตามกฏระเบียบผู้สมัครใจเข้ารับการบำบัดก็จะถือเงินไว้เองไม่ได้ เจ้าหน้าที่ต้องหักค่าใช้จ่ายออกจากยอดเงินที่เราฝากทิ้งไว้แทน ทำธุระฝากเงินเสร็จแล้ว เราพากันไปนั่งรอรถเมล์ที่ข้างหน้า รพ ต่อ  
ผมถือโอกาสนี้ไปหยิบจดหมายที่เขียนไว้ให้น้องเล่มหนึ่ง ไปส่งให้แม่อ่าน ที่จริงแล้วเราเขียนเล่มนี้ให้น้องเองแต่ตามกฏ ร พ เราส่งอะไรไปถึงมือน้องผู้รับการบำบัดตัวไม่ได้ ผมส่งให้แม่อ่านแทนให้เค้าออกความคิดเห็นบ้าง ใจความในเล่มดังกล่าวอยู่ข้างล่างครับ ผมอยากให้กำลังใจน้อง  แล้วก็เน้นประเด็นว่าหลังหายป่วยแล้ว เค้าต้องเตรียมตัวไปหางานทำ ผมเสริมใจความโดยแนะให้แม่คุยกับน้องต่อด้วย ว่าแม่น่าจะเสนอให้น้องรับหน้าที่เป็นหัวหน้าครอบครัวบ้าง ผมบอกว่า:
'ถ้าอยากให้เค้ารับผิดชอบตัวเองมากขึ้น เค้าต้องฝึกก่อน
แม่จะให้น้องไปซื้อของกินก็ได้ หรือไปจัดจ่ายพวกค่าไฟค่าน้ำของที่บ้าน
น้องจะรู้สึกเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น

แม่ดูแปลกใจนิดหนึ่งที่ผมแนะไปเชิงนี้ เหมือนแกไม่คิดว่าจะให้ลูกช่วยแบ่งรับภาระดูแลบ้าน อย่างที่ว่าไปแล้ว แกชอบคิดว่าน้องยังเป็นเด็กอยู่ คงช่วยคนอื่นไม่ได้เพราะยังไม่โตพอ

เดี๋ยวเราจะรอให้เค้าออกก่อน แม่จะค่อยลองคุยดู เค้ายิ้มและบอกอย่างนั้น

ร้าน 7-11 ปากซอยอมรอยู่ขวามือบน

หวัดดีธีร์
ผมอยากเขียนถึงธีร์วันนี้ เพราะเราไม่ได้เจอกันนาน
ขอบอกไว้ก่อนว่าผมประทับใจที่แกยอมเข้า ร พ ไปรักษาตัว
ในช่วงแรกแกอาจจะกลัวเพราะทุกอย่างจะดูแปลกๆ
แต่ไม่เป็นอะไร อีกไม่นานจะชินตาปรับตัวเข้าได้แล้ว  
ผมเล่าให้ฟังไปแล้ว ผมเคยรักษาโรคซึมเศร้าที่ ร พ ต่างประเทศเหมือนกัน
ผมต้องคุยกับหมอบ่อยว่าอาการเป็นยังไง
แต่ผมได้เจอเพื่อนใหม่ในพวกผู้ป่วยด้วย และเราเล่นเกมส์กันที่ ร พ ทุกวัน
เวลาผ่านไปเร็ว ผมรู้สึกแข็งแรงขึ้นไปเรื่อย
โดยรวมผมถือว่าการรักษาตัวนั้นเป็นประสบการณ์ที่ดี
คล้ายกับว่า ผมได้มีโอกาสเริ่มต้นตั้งตัวใหม่
กลับไปพูดถึงตัวแกเอง
พอกลับไปถึงบ้านได้แล้ว แกคงอยากทำงานใช่มั้ย
ก่อนที่ผมได้ไปรู้จักพี่วุฒิ ผมไปเที่ยวที่ร้านอาหารคาราโอเกะใกล้บ้านเราด้วย
ร้านอยู่ที่ซอยถนนจันทน์เก่า มุ่งออกจากเซเว่นไปสู่แยกทางซอยอมร-ถนนนางลิ้นจี่ 
วิ่งผ่านทางแยกนิดหนึ่งจะเจอร้านแล้ว
ผมไปเที่ยวสองสามที แล้วได้เจอหนุ่มเวียดนามคนหนึ่งที่ทำงานเป็นเด็กเสริฟ
ลูกค้าเอ็นดูเค้ามาก เค้าพูดไทยไม่เก่งแต่เอาใจใส่ลูกค้าดี
ธีร์สนใจทำงานร้านอาหารแบบนี้มั้ย
บางครั้งเราอาจจะพูดคุยกับลูกค้าไม่ถนัด แต่ไม่เป็นอะไร
ลูกค้าอาจจะยังชอบใจถ้าเราเอาใจใส่เค้าดี
ผมเจอลุงคนหนึ่งที่เป็นพนักงานในร้านด้วย 
พี่คนนี้ยืนหน้าร้านรับหน้าที่ดูแลเตาถ่านย่างไก่ 
แต่ไม่ค่อยได้พูดจากับใคร
สรุปแล้วร้านนี้มีคนงานหลากหลาย
มีตำแหน่งหลายรูปแบบด้วย
ถ้าแกสนใจจะไปสมัครงานแบบนี้ก็ได้นะ
แล้วแต่ชอบ
กลับไปที่ประเด็นเดิมๆ หน่อย
แกอาจจะรู้สึกกดดันที่ผู้ใหญ่เร่งให้ไปทำงานแล้วใช่มั้ย
อย่าพึ่งคิดอย่างนั้นหรอก
แกเองบอกว่าอยากทำงานแล้ว
พอเริ่มทำไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ไหวหรือทำไม่เป็นด้วย
เราต้องเรียนรู้วิธีการทำงานของเค้า ค่อยๆทำค่อยๆเป็นก็ดีแล้ว
ประสบการณ์นี้จะช่วยทำให้เราโตขึ้นอีกสเต็บหนึ่งเป็นหนุ่มแน่นอน
แต่แกต้องเตรียมตัวไว้ให้พร้อม
ลองเข้านอนไวๆ จะได้ตื่นเช้าบ้าง
แล้วขอลองถามแม่ดูซิว่า จะมีอะไรให้เราช่วยที่บ้านมั้ย
แม่อาจจะให้ลูกไปซื้อของหรือจ่ายค่าใช้จ่ายในบ้านก็ได้
ลองทำดู  แกอาจจะชอบ
ค่อยๆเป็น ค่อยๆไป
แกจะเริ่มต้นเป็นคนใหม่ได้เหมือนกัน
บายๆก่อนนะ

ไมเคิล

now, see here

โพส์ตเด่น

20plus club (Postscript 3, final)

แคปชั่นก๊อปจากเน็ต: โรงพยาบาลตำรวจบริเวณสี่ แยกราชประสงค์ ปี พ.ศ. 2542 แจกเสร็จ น้องก็นั่งรอจ่ายบิลอยู่ข้างๆผม มือน้องสั่น เหงื่อออกเต็มหน้า...

โพส์ตนิยม