แม่ตอบว่า: ‘อ๋อ
วันนี้เราไปหาหมอธรรมดาเพื่อจะเช็คร่างกายเค้าเฉยๆ แต่ถ้าไมเคิลเป็นห่วงสภาพจิตเค้า แกก็พาไปหาหมออจิตแพทย์ก็ได้เลยค่ะ’ แม่พูดอย่างชื่นมื่น
อีกไม่กี่วันต่อมา
แม่คงสังเกตุเห็นเองแล้วว่า ลูกยังไม่สบายอยู่
เลยพาน้องไปหาหมออีกคนที่เราพูดดังกล่าวข้างบน
โดยหมอคนนี้แนะให้น้องไปบำบัดตัว
ที่ ร พ ธัญญารักษ์เลย
ต่อมาแม่และเพื่อนบ้านก็นั่งคุยกันเรื่องค่ารักษาที่เค้าอาจจะต้องเสียถ้าน้องจะไปบำบัดที่โน่น
ว่าถ้าแพงจะจ่ายยังไงดี
เรื่องของเรื่อง
จากนั้นแม่ก็โทรหาผมแล้วถามดูว่า ถ้าค่ารักษาจะแพงจริง
ไมเคิลพอจะช่วยออกค่ารักษาด้วยกันได้ไหม เพราะแม่และเพื่อนกลัวว่าเงินไม่พอ
‘เราจะลงขันกัน
เราคิดว่าน่าจะส่งเค้าเป็นหนึ่งอาทิตย์ก่อนแล้วค่อยว่ากัน’ แม่บอก
ผมบอกว่าจะช่วยออกค่ารักษาได้แต่ไม่เยอะ
ที่จริงแล้วไม่อยากช่วยหรอกเพราะน้องทำตัวเอง
แม่ปล่อยทิ้งให้เค้าเล่น
แล้วน้องยังไม่ได้เลิกเล่นจนถึงวันนี้อีก
ผมแอบเข้าไปดูเว็บของทาง
ร พ นี้ ค่ารักษาตัว แพงขนาดอาทิตย์ละ 5,000 บาท
เป็นห้องรวมไม่มีแอร์
แม่จะหาเงินเยอะขนาดนี้ได้ที่ไหน
เพราะหมอไม่ได้ให้รักษาแค่อาทิตย์เดียวหรอก
ทาง
ร พ ให้น้อง ไปรักษาตัวเป็นหลายเดือน ไม่ใช่รีสอร์ทที่รับพวกดารารวยๆ
ไปดีท็อกซ์เป็นชั่วคราวหรอก
แต่แม่โชคดีหน่อย
เพราะวันนั้นที่พาน้องไปแอดมิด
หมอเห็นสภาพจริงน้อง
แล้วก็รีบให้เค้าแอดมิดที่ห้อง ICU เลย (เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังต่อ)
ซึ่งตามนโยบายทางรัฐ
ผู้ป่วยที่ถูกส่งเข้า ICU ไม่ต้องจ่ายค่ารักษาตัว
เพราะโครงการรัฐ ‘30 บาทรักษาทุกโรค’ จะควบคุมค่ารักษาเอง
ผู้ป่วยมีสิทธิ์ได้ไปบำบัดตัวสองครั้งต่อปี
(บางคนก็หลุดกลับไปเล่นอีก ต้องไปรักษาใหม่)
-
หมอย้ำว่า
เค้าต้องสมัครใจไปบำบัดตัว
ถ้าโดนบังคับไป
น้องอาจจะดื้อกลับไปเล่นยาใหม่
หมอให้แม่คุยกับน้องก่อน
แล้วก็ถามดูสิว่าจะยอมใจบำบัดตัวมั้ย
ตอนแรกน้องเอะใจ
‘เค้าอยากเลิกจริง
แต่ยังกลัวว่า ตำรวจจะตามไปจับเค้าที่ ร พ’ แม่บอกผม
แม่ต้องปลอบใจลูก 'มันไม่เหมือนกันนะลูก ตำรวจจะบุกเข้า ร พ ไม่ได้’ แม่บอกน้องไว้
เค้าให้น้องนึกถึงผลประโยชน์ที่จะตามมาถ้าเค้าหายป่วยแล้วก็เข้าสังคมได้แล้ว
แม่ปลุกฝันในใจน้องว่า ถ้าเค้ามีงานทำบ้าง เค้าจะมีเงินใช้ของตัวเอง
น้องไม่ต้องมาขอแม่อีก
น้องชอบใจ อยากเริ่มสร้างตัวเองบ้าง
เค้าเข้าใจว่า การรักษาตัวจะช่วยให้เค้าแข็งแรงขึ้นพอไปทำงานข้างนอก
แม่ปลุกฝันในใจน้องว่า ถ้าเค้ามีงานทำบ้าง เค้าจะมีเงินใช้ของตัวเอง
น้องไม่ต้องมาขอแม่อีก
น้องชอบใจ อยากเริ่มสร้างตัวเองบ้าง
เค้าเข้าใจว่า การรักษาตัวจะช่วยให้เค้าแข็งแรงขึ้นพอไปทำงานข้างนอก
แม่เกลี่ยกล่อมนุ่มนวลให้น้องเข้าใจ
แต่เผื่อวีธิการหว่านล้อมน้องแบบอ้อมๆ
หวานๆ ไม่พอ
แม่ก็ยังมีเพื่อนบ้านที่ค่อยช่วยเสริมทัพตรงนี้
เพื่อนชายคนนี้
ชอบคุยกับน้องแบบทื่อๆ ห้วนๆ หน่อย
เพื่อนคนนี้
ชื่อ เต้ พูดจากับน้องในเชิงเป็นผู้ชายนั่งคุยด้วยกัน
แต่ที่จริงแล้ว
เต้ก็สุดจะอดทนเหมือนกันกับนิสัยน้อง ที่เสียเวลามัวเล่นยาอย่างเดียว
ไม่ได้ทำอะไรช่วยแม่
แม่เล่าให้ฟังว่า
ก่อนน้องตกลงว่าจะเข้าบำบัดตัว
เต้ก็เรียกน้องไปคุยด้วย
แล้วพูดแบบแสบๆ ไม่มีอะไรไว้หน้า
เช่น
‘มึงทำเหี้ยอะไรเมื่อไหร่จะช่วยแม่ได้บ้าง
เอาแต่เสพยาอย่างเดียวจนเป็นเด็กเบลอไม่รู้เรื่องอะไรเลย ขอตังค์อย่างเดียว ไม่สงสารแม่บ้างเหรอไอ้สัตว์’
เต้น่าจะรู้อาการติดยานี้ดี ร่วมถึงระบบการรักษาที่โรงบาลธัญญารักษ์ด้วย
เพราะเค้าเคยบำบัดตัวเป็นผู้ป่วยนอกที่
ร พ แห่งนี้มาก่อน
ในซอยสลัมนี้มีคนเล่นยาเยอะ
คนรู้จัก ร พ แห่งนี้ก็เยอะเหมือนกัน
การเล่นยาเป็นกิจวัตรประจำวันของหลายคนก็ว่าได้
ผู้คนที่มีสมาชิกครอบครัวก็ถ่ายทอดนิสัยนี้ให้กันและกันตามรุ่นตามเวลา
จนเป็นประวัติศาสตร์ยื่นยาวหลายชั่วอายุคนในครอบครัวเดียวกัน
แล้วก็แพร่กระจายออกไปอีกไกล
ก็เหมือนเชื้อโรคที่ลุกลามจากครอบครัวหรือกลุ่มหนึ่ง
แผ่กว้างไปติดอีกหลายคนในชุมชนแออัดได้ง่าย
คนข้างนอกอาจเห็นว่ายาเสพติดเป็นปาบหรือพิษภัย
จะทำร้ายชีวิตคนเลยเลี่ยงมันไปได้โดยเด็ดขาด
No comments:
Post a Comment
เขียนเป็นไทยหรืออ้งกฤษก็ได้คับ Thai or English is fine...