แต่สำหรับคนข้างในซอย
ถ้าเจอ เพื่อน ญาติ พี่น้อง เล่นกันบ่อย รูปภาพน่ากลัวๆ
นี้ก็กลายเป็นเรื่องธรรมดาชินตาซะแล้วจนทุกคนคงอยากลองเล่นดูบ้างสักครั้งในชีวิต ผลที่ออกมาก็คือ
ถ้าน้องๆ เห็นผู้ใหญ่ในครอบครัว หรือในซอย
เล่นกันเค้าคงจะทำตามโดยไม่ได้คิดอะไรมาก เช่นเดียวกับน้องธีร์ ซึ่งอยู่ในสิ่งแวดล้อมเดียวกันที่เต็มไปด้วยคนเล่นยา
เช่น
พ่อเค้าโดนจับขายยาบ้า เพื่อนบ้านเคยเล่นอีก เป็นต้น ในขณะเดียวกัน
ก็มีอีกหลายๆคนในซอยที่โดนจับเข้าคุกด้วย (เรารู้จักครอบครัวๆ หนึ่ง
มีผู้ใหญ่สามคนที่ไปโดนจับขายยาบ้าและติดคุกไป จนลูกๆเค้าต้องไปอยู่กับญาติๆ ข้างนอก
เพราะไม่มีใครเหลือไว้ดูแล) ถ้าเจอคนเล่นยา
ระบาดขนาดนี้ ก็ไปลงโทษน้องๆ ที่อยากเล่นฝ่ายเดียวไม่ได้หรอก
เค้าแค่เลียนแบบคนอื่นที่ทำก่อนให้เค้าเห็น
-
สุดท้ายน้องตกลงว่าจะไปรักษาตัวตามคำแนะนำของหมอ
แม่และเต้
พาน้องไปส่งที่ ร พ เอง
เค้าต้องเดินทางกันไปไกล
ผมไม่ว่างพอที่จะไปส่งด้วยกันในวันนั้น
แต่แม่ส่งแมสเซจคอยอัพเดทให้ผมไปเรื่อย
เค้าบอกว่าน้องไม่ได้โวยวายหรือก่อปัญหาอะไรมากนักเวลาเดินทางไปที่โน่น
เพียงแต่ว่าน้องเริ่มแสดงอาการหงุดหงิดออกมาเพราะขาดยา
แม่ยอมรับว่าการเดินทางกันวันนั้น เป็นครั้งแรกที่เค้าต้องอยู่ด้วยกับน้อง
แบบใกล้ชิดเป็นนาน
ปกติเค้าจะแวะไปหาแม่ที่บ้านเพื่อจะขอตังค์เล่นยา
เสร็จแล้วจะเดินกลับไปที่โต๊ะแปดไปอยู่กับเพื่อนต่อ
แม่ให้ตังค์ไปโดยดี
ทั้งๆที่รู้ว่า ลูกจะเอาเงินนั้นไปทำอะไร
แต่ถ้าเดินทางไป
ร พ ทริปนี้ผ่านไปด้วยดี การแอดมิดน้องก็เป็นคนละเรื่องกัน
แม่เล่าให้ฟังว่า
พอไปถึง ร พ แล้วพวกเค้าต้องทำขั้นตอนแอดมิดผู้ป่วยก่อน
ในขณะรอให้หมอมาตรวจน้อง อยู่ดีๆ ธีร์ลุกขึ้นเดินมุ่งหน้าออกไปข้างนอกโดยไม่ได้บอกใคร
![]() |
ธีร์นอนพักในขณะรอหมอมาตรวจในวันที่เข้า ร.พ. ไปบำบัดตัว |
ในขณะรอให้หมอมาตรวจน้อง อยู่ดีๆ ธีร์ลุกขึ้นเดินมุ่งหน้าออกไปข้างนอกโดยไม่ได้บอกใคร
'เมื่อน้องพุ่งลุกขึ้นและเดินออกไปกระทันหัน
ทุกคนตกใจ' แม่เล่าให้ฟังต่อ
'ไปไหนลูก' เค้ารีบถามน้อง
'มีคนเรียก' น้องตอบสั้นๆ
ที่จริงแล้ว ไม่มีใครเรียกน้องหรอก เค้าคิดไปเองด้วยอาการหูแว่วของเค้า
นางพยาบาลจับตัวเค้าแล้วก็เรียกหมอมาตรวจทันทีเลย
'มีคนเรียก' น้องตอบสั้นๆ
ที่จริงแล้ว ไม่มีใครเรียกน้องหรอก เค้าคิดไปเองด้วยอาการหูแว่วของเค้า
นางพยาบาลจับตัวเค้าแล้วก็เรียกหมอมาตรวจทันทีเลย
นางพยาบาลก็เรียกหมอมาทันที
พอเค้าเห็นสภาพน้อง หมอสั่งให้น้องเข้า ICU เลย
เพราะกลัวเค้าจะตื่นตกใจทำร้ายกับตัวเอง
หรือคนอื่น
หลังคุยกับน้องเสร็จ
หมอบอกแม่ว่า น้องอาการแย่จนหวิดเป็นเด็กจิตเสื่อมหนักจริง ถ้าแม่ปล่อยทิ้งลูกไปเล่นยานานกว่านี้อีก
เค้ามีสิทธิ์ตกเป็นเด็กบ้าตลอดชีวิต หมอว่าอย่างนี้ แต่หมอบอกด้วยว่า
ทาง ร พ ยังพอจะรักษาอาการได้ดี
จนน้องจะหายกลับเป็นคนปกติได้ หมอแนะนำให้น้องรักษาตัวที่
ร พ เป็นเวลาสามเดือนเต็ม
เมื่อน้อง
เข้าบำบัดตัว 2 วันเสร็จแล้ว แม่โทรไปเช็คอาการลูก
หมอบอกว่าอาการน้องเริ่มจะดีขึ้น
นอนอยู่ได้โดยไม่ต้องอาศัยยานอนหลับ
‘เค้านั่งนิ่งๆฟังหมอได้ ไม่มีอาการกระวนกระวายหายาเสพติด’ แม่บอกผมต่อ
'เค้ายังเงียบๆ ไม่ค่อยพูดกับใครเหมือนโดนภาวะช๊อคไม่กล้าแสดงตัวออกเท่าไหร่
แต่หมอบอกว่าทาง ร พ จะช่วยเค้าตรงนี้ให้เค้ามีความมั่นใจตัวเองมากขึ้น'
‘เค้านั่งนิ่งๆฟังหมอได้ ไม่มีอาการกระวนกระวายหายาเสพติด’ แม่บอกผมต่อ
'เค้ายังเงียบๆ ไม่ค่อยพูดกับใครเหมือนโดนภาวะช๊อคไม่กล้าแสดงตัวออกเท่าไหร่
แต่หมอบอกว่าทาง ร พ จะช่วยเค้าตรงนี้ให้เค้ามีความมั่นใจตัวเองมากขึ้น'
แม่บอกอีกว่า
แรกๆ
หมอจะให้ยาช่วยผู้ป่วยใจสงบ
แต่มาถึงเดือนที่สองที่สามโน่น
เจ้าหน้าที่ผู้ดูแล จะชวนผู้ป่วยร่วมเล่นเกมส์และกีฬากัน
จากนั้นผู้ดูแลจะจัดงานฝึกจิตวิทยา
และเปิดโอกาสให้น้องๆ ฝึกงานอาชีพอีกด้วย
-
น้องพึ่งเข้าบำบัดตัวแต่พวกเราเริ่มเป็นห่วงว่า
พอกลับมาถึงบ้านแล้ว
เค้าจะวนกลับไปเล่นอีกมั้ย
แม่มั่นใจว่าเค้าจะพยายามเลี่ยงเล่นทำตัวดีขึ้น
แม่มั่นใจว่าเค้าจะพยายามเลี่ยงเล่นทำตัวดีขึ้น
แต่ผมกลัวว่าพวกเพื่อนหรือสิ่งแวดล้อมจะดึงเค้ากลับไปเล่น
ทุกอย่างจะอยู่ที่น้องว่า จะตั้งใจเลิกและเริ่มต้นใหม่มากแค่ไหน
'ธีร์กลัวเองว่า
เมื่อเค้ากลับบ้าน เค้าจะกลับไปดูดอีก’ แม่บอกผม
แม่ว่าโอกาสที่ลูกจะเลิกเล่นยาและพัฒนาตัวเอง
จะขึ้นอยู่กับตัวเค้าเองมากกว่าหมอหรือแม่
'เราต้องรอดูอาการเค้า
หลังจากบำบัดเสร็จ ว่าจะยอมใจช่วยตัวเองแค่ไหน' แม่ว่าต่อ
แม่และลูกต้องคุยกันหน่อย
now, see here
No comments:
Post a Comment
เขียนเป็นไทยหรืออ้งกฤษก็ได้คับ Thai or English is fine...