Monday 18 November 2019

ไปฟื้นฟูสมรรถภาพ (1)

ยาแก้ประสาทเสียที่น้องต้องกินหลังบำบัดตัวเสร็จ
พอน้องกลับบ้านแล้ว

ผมมารู้ทีหลังว่า (เอาบทสรูปไว้ก่อนเดี๋ยวจะค่อยอธิบาย)
แม่ช่วยเตรียมตัวเค้าให้กลับไปสู้โลกสังคมภายนอก
โดยพาลูกไปจัดการทำบัตรประชาชนก่อน
แม่เล่าให้ฟังพร้อมกับควักบัตรออกจากกระเป๋าให้ดู
วันนั้นที่พาไปทำบัตร ลูกยังมีอาการอยู่ นี่ขนาดเมายาแต่เค้ายังดูหล่ออยู่เลยเนอะ 
แม่ชมรูปลูกที่หน้าบัตร
น้องได้มีห้องส่วนตัวเรียบร้อยแล้วจริงๆ  แต่เค้าแทบจะไม่มีเวลาอยู่กับห้อง
เพราะแม่เร่งให้เค้าออกไปทำธุระอีก
ทำบัตรเสร็จแล้ว แม่พาเค้าออกไปสมัครงานที่ซุปเปอมาร์เก็ตใกล้บ้าน 
น่าจะเป็นครั้งแรกที่น้องได้ออกไปพ้นจากซอยเพื่อเข้าสู่สังคมข้างนอกเป็นหลายเดือน (โลกเปลี่ยนบ้างมั้ย)
ศูนย์กลางชุมชน มีที่จัดสรรหางานไว้ให้เด็กวัยรุ่นผู้อาศัยอยู่ที่ชุมชนในซอยได้ให้ไปสมัครหางานทำกัน
แม่เล่าให้ฟังว่า วันนั้นน้องตอบคำถามให้กับฝ่ายนายจ้างไม่ได้เรื่อง 
เพราะสมองยังอยู่ในสุภาพเบลอๆ  
จากนั้น แม่พาน้องไปหาหมอเพื่อจะเช็คสภาพร่างกายตามคำขอร้องจากนายจ้าง
คืนนั้นผมเจอน้องพอดี เค้าบอกว่า แม่พาไปสมัครงานแล้ว
จากนั้นไม่กี่วันแม่ก็พาน้องไปหาหมออีกคนหนึ่ง
หมอเห็นว่า น้องมีอาการหูแว่ว เห็นภาพหลอน พูดไม่รู้เรื่อง
เค้าแนะนำให้น้องไปบำบัดตัวที่ ร.พ.ธัญญารักษ์ ที่ปทุมธานี
สรุปแล้วสภาพจิตใจเค้าแย่กว่าที่เราคิด เค้ายังไม่พร้อมที่จะไปเข้าสู่ชีวิตข้างนอกซอยนั้นหรอก
แม่ตกลงว่าจะพาน้องไปรักษาตัวจะได้ฟื้นฟูสมรรถภาพ เป็นครั้งแรกในชีวิต
เมื่อหกเดือนที่แล้ว น้องต้องเข้าสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน 
แต่สถานที่นี้ ที่ชาวบานเรียกว่า คุกเด็ก ไม่ได้ช่วยเค้าเลิกเล่นยาสักนิด (แม่บอก)
เค้าถูกคุมขังที่คุกเด็กเป็น อาทิตย์ หลังโดนตำรวจตรวจเจอสารเสพติดในปสสาวะ
แม่บอกว่าน้องๆ ถูกคุมตัวไว้ในระบบอย่างเข้มงวดหน่อย ขนาดน้องต้องตัดผมเกรียนเหมือนนักโทษจริง
'เค้าย้ำให้ผู้โดนจับรักษาระเบียบวินัยมากกว่าให้เค้าบำบัดตัว ผลที่ออกมาคือน้องกลับไปเล่นยาอีก'
แม่เล่าต่อ
ต่อจากนั้นน้องดันไปโดนจับอีกที เมื่อเค้าไปรายงานตัวตามคำสั่งทางกฏหมาย
และฝ่ายตำรวจได้ตรวจเจอสารเคมีจากยาอีก
แต่ครั้งนี้ทางตำรวจไม่เอาธีร์แล้ว  
แม่เลยส่งน้องไปพักผ่อนที่บ้านญาติต่างจังวัด
แต่น้องดื้อไม่ยอมอยู่กับเค้า ก็แอบหนีกลับบ้านที่ กทม อีก
ที่นี้แม่ไม่เหลือความอดทนแล้ว 
เค้าจึงไล่น้องออกจากบ้านให้เค้าเรียนรู้ว่าเค้าเลือกทางผิด
-
พอเราเจอกันในซอยอีก หลังจากน้องหายหน้าหายตาออกไปทำธุระกับแม่เป็นหลายวันโดยแม่และน้องไม่ได้แจ้งว่าไปทำอะไรกัน
น้องก็ยังเงียบๆ ในสภาพเดิมๆ ไม่ค่อยได้พูดอะไรกับใคร
ผมต้องถามหลายครั้งถึงได้รู้ว่าเค้าพึ่งไปสมัครงานแล้วก็ไปหาหมอด้วย
ผมเห็นว่าจิตใจเค้ายังไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก
พอเริ่มนั่งคุยกันไม่นาน เค้าทักผมว่า 
ไมเคิลมีแมลงสาบกำลังปีนเข้าหูนะ
ซึ่งไม่จริงอยู่แล้ว คือผมคงพอจะรู้สึกตัว อิอิ
ธีร์ ผมไม่มีแมลงเดินเข้าหรอก เป็นภาพหลอน แกคิดไปเอง’ ผมตอบเค้า
พอเค้าเล่าให้ฟังต่อว่าวันนั้น แม่พาไปหาหมอมา ผมเข้าใจผิดนิดหนึ่ง
ว่าแม่พาน้องไปหาหมอจิตแพทย์เลย เพื่อจะแก้ปัญหาทางจิตผิดปกติของน้อง
คุยเสร็จแล้วน้องเดินออกไป ผมก็ถือโอกาศนี้แอบไปหาแม่ที่บ้าน เป็นการคุยกันครั้งแรกตั้งแต่แกไล่ผมออกจากหน้าบ้านเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน
ครั้งนี้เราคุยกันปกติดี
ผมทักแม่แล้วก็ถามถึงอาการน้อง
ผมเห็นเค้ายังผิดปกตินะแม่ เมื่อกี้เค้าเห็นภาพหลอน’ 
ผมเสนอว่า:
ถ้าแม่อยากพาไปหาหมอจิตแพทย์จริง  ผมจะแนะให้ไปหาหมอที่ ร.พ. เลิดสินได้นะคับ ผมเคยไปหาหมอที่นั้นเมื่อเป็นโรคซึมเศร้าเมื่อหลายปีก่อน เค้าจะรักษาอาการโรคนี้ให้ดีได้’ 

now, see here

No comments:

Post a Comment

เขียนเป็นไทยหรืออ้งกฤษก็ได้คับ Thai or English is fine...

โพส์ตเด่น

20plus club (Postscript 3, final)

แคปชั่นก๊อปจากเน็ต: โรงพยาบาลตำรวจบริเวณสี่ แยกราชประสงค์ ปี พ.ศ. 2542 แจกเสร็จ น้องก็นั่งรอจ่ายบิลอยู่ข้างๆผม มือน้องสั่น เหงื่อออกเต็มหน้า...

โพส์ตนิยม