Tuesday 26 September 2023

20plus club (9)

Hawkes Bay
ที่จริงแล้วเชอวอนได้เจอคู่ครองใหม่ไปแล้ว แต่ไม่ยอมบอกผม

เค้ามีกิ๊กเป็นชาวอเมริกา ชื่อ Hank

เค้าเจอกันทางออนไลน์

ทั้งคู่นัดคุยกันเป็นประจำตอนเช้ามืด โดยใช้คอมที่บ้านผม ตอนที่ผมยังนอนหลับอยู่

ตอนแรกผมไม่รู้เรื่อง

แต่พอเห็นพฤติกรรมมีพิรุธของแฟน ก็ไปแอบเปิด email ของเชอวอนดู (ผมรู้จักรหัส)

แล้วก็ลองดูซิว่าเค้ากำลังทำอะไรอยู่

ถึงจับได้ว่าเค้าไปมีกิ๊กซะแล้ว

Hank นี่อายุแก่กว่าผม แต่ยังน้อยกว่าเชอวอน

ผู้ชายรุ่นเดียวกันไม่ค่อยสนใจเชอวอน เค้าเลยต้องข้ามรุ่นไปกินเด็กแทน

เมื่อแอบดูอีเมลที่เค้าส่งหากัน

ผมได้รู้ว่า เชอวอนและ Hank ได้เจอกันในชีวิตจริงแล้วด้วย

เค้าแอบนัดกันไปมีอะไรกันที่บ้านเพื่อนของเค้า

คือ Hank บินมาจาก America เพื่อจะได้มาเจอเชอวอนตัวจริง

เค้าใช้เวลาได้รู้จักกันเชิงลึกไม่กี่วันเอง ก่อน Hank
ต้องบินกลับไปประเทศบ้านเกิดคนเดียว

แต่เค้าได้ติดใจแฟนเราไปซะแล้ว

ผมยังจำทริปนั้นของแฟนได้ดี

หลังงจากเราตกลงไว้ว่าจะเลิกกัน เค้าอ้างว่าอยากพักสมองไปเที่ยวบ้าง

เลยบินไปหาเพื่อนเก่าในอำเภอ Hawkes Bay ที่ภาคเหนือของ New Zealand

เพื่อนคนนี้เป็นนักธุรกิจรวยๆ ชื่อ Craig

เค้าเคยชวนเราไปนอนพักที่บ้านเค้าสมัยที่เรายังอยู่ที่  Wellington

ตอนนั้นผมยังเป็นหนุ่มหล่อๆอยู่ด้วย

อีCraigนี้ เป็นพวกอีแอบ เคยแต่งงานและมีลูกสองคนเรียบร้อยแล้ว
แต่แยกทางกับเมียทีหลัง

มีข่าวลือแพร่มาถึงพวกเราที่ Christchurch ว่า อีCraig แอบชอบหนุ่มๆ มากกว่า

Oh, he's a shirt-lifter (เกย์) from way back," เพื่อน ผู้หญิงหนึ่งคน
ที่รู้จักเค้าจาก Hawkes Bay สมัยก่อน บอกแฟนผม

ผมจำได้ว่า คืนแรกที่เราไปนอนพักที่บ้านมัน

อาการอีแอบของอีเครกแสดงออกชัดเชน

พอดึกเข้า เครกเร่งให้เชอวอนรีบเข้านอนเลย โดยไม่ต้องรอผม

'The men want to talk.' เครกอ้างอย่างนี้ หมายถึงว่าเค้าอยากนั่งคนเดียวกับผม

หลังจากเชอวอนยอมใจไปนอนก่อน เครกหายตัวจากห้องแป๊บหนึ่ง

ก่อนประกฏตัวกลับมาโดยสลัดเสื้อผ้าเกือบหมดเหลือแค่ชุดคลุมอาบน้ำ

เตรียมตัวไปทำอะไรกับผม พอจะนึกออกได้

พร้อมด้วยการแข็งตัวส่วนลับของผู้ชายที่ห้อยโตงเตงใต้ผ้าชุดคลุมอาบน้ำ

ผมตกใจ ไม่กล้ามองดู และแน่นอนไม่ได้จับ

'Don't tell her.'

เค้ากำชับหลายครั้ง

แน่นอนมันกลัวว่าแฟนผมจะจับได้ว่ามันชอบผมในตอนนั้น

ผมคิดแต่ว่า จะให้เราทำอะไรนะจ๊ะ  แฟนเราพึ่งไปนอนที่ห้องใกล้ๆ

เอาให้ผมบริการคุณเหมือนเด็กอ๊อฟเลยเหรอ

ผมรีบขอตัวไปนอน และโชคดีอีเครกไม่ได้ว่าอะไรหรือทำอะไรบ้าๆอีก

แต่พอเรานึกถึงบทบาทกวนๆที่เค้าจะเล่นในช่วงต่อมา

หลังจากผมละแฟนตกลงเลิกกัน และอีเครกเปิดบ้านเป็นเจ้าภาพรับคู่รักป้ายแดง
เชอวอนและ Hank นั้น ไปเสพสุขกันแบบ dirty weekend
โดยเก็บเรื่องทั้งหมดให้เป็นความลับไม่พูดอะไรกับผม

ผมต้องถามในใจว่า นี่มืงแค้นใจรึเปล่าที่ผมไม่ยอมช่วยมึงปลดความใคร่ในคืนนั้น

now, see here

20plus club (8)

Back to Christchurch
ผมไม่มีทางเลือก ต้องขายบ้านสุดที่รักและกลั
บไปที่ Christchurch ตามที่

บก Tim เรียกในปี 1998

โรคซึมเศร้าเริ่มจะที่กำเริบตอนนั้น

พอกลับไปที่ Christchurch รอบสุดท้าย

ความความสัมพันธ์กับพ่อแม่ค่อยยังชั่ว
เค้าชวนผมและเชอวอนไปกินข้าวกันที่บ้านเค้าเป็นประจำ

เค้าคงรู้แล้วว่า ถ้าเราจะเลิกคบกัน เราต้องเป็นฝ่ายทำเอง
เค้าจะเป็นตัวเสี้ยนหนามแหย่ให้เราเลิกกันไม่ได้

ส่วนงานที่ นสพ ของเราก็ราบรื่นดี เรากลายเป็น star reporter คนหนึ่งที่
บก มอบหมายงานใหญ่ไว้ให้เป็นประจำ

เราได้ไปซื้อบ้านใหม่ด้วยในอำเภอ St Albans
ใกล้ใจกลางเมืองแต่ไม่มีหาดทรายไว้ไปเดินเล่นเหมือนที่ Lyall Bay

สรุปแล้ว เราเหลือแต่ปัญหาเดิมๆที่ไม่อยากพูดถึง
คือผมเบื่อแฟนและชีวิตคู่ แต่ไม่รู้จะทำอะไรดี

พอเข้าปี 2000 ต้นๆ

เราแอบไปหาเพื่อนรุ่นพี่

แม่จู๊ดที่เคยส่งลูกชายไปเรียนที่ รร ที่พ่อเราทำงาน และเป็นเพื่อนของแฟนเรา

เรารู้จักจู๊ด และมีผัวชื่อ พีท ตั้งแต่หลายปีก่อน
ที่เค้ายังเป็นชาวนาในแถบ Canterbury ห่างจาก Christchurch สัก 2-3 ชม

พี่พับเสื่อเลิกทำนาและย้ายกลับไปที่เมือง Christchurch
หลังจากเจอปัญหากับธนาคารที่ปล่อยกู้ให้เค้า

ท่ามกลางเศรษฐกิจตกต่ำทางธนาคารปรับค่าดอกเบี้ยสูงลิบ
จนพี่พีทใช้หนี้ไม่ไหว และถูกธนาคารยึดที่ดินเค้าในที่สุด

สร้างความเครียดและนำไปสู้สถานการณ์ที่แม่จู๊ดและพ่อพีทแยกทางกัน
และกระตุ้นทำให้แม่จู๊ดเกิดเป็นโรคซึมเศร้าด้วย

วันนั้นที่ดอดไปหาเค้าที่บ้าน ผมรู้สึกหนักใจ และอยากระบายอารมณ์

เค้าก็กำลังเลิกกับผัวอยู่ด้วย

'ผมรู้สึกอึดอัดใจและอยากเลิกกับแฟน จะทำยังไงดี' ผมบอก

แม่จู๊ดพูดโพล่งออกมาเลย:

'ยากเลิกก็เลิกซิ เดินกลับบ้านเดี๋ยวนี้แล้วบอกเค้าไป อย่าอ่อนแอ'

เชอวอนและเค้าเป็นเพื่อนกันแต่แม่จู๊ดไม่แคร์

ผมเดินกลับบ้าน และทำตามที่เค้าแนะนำ

'ผมขอเลิกและเริ่มต้นใหม่ ไม่ได้เจอใครนะ แต่อยากมีฟรีดอมฟื้นกลับมา' ผมพูด

ผมไม่ได้คาดว่าแฟนจะตอบสนองดีหรือไม่ เพราะผมเคยลงดาบแบบนี้มาก่อนหน้านี้แล้ว

แต่เจอแฟนปฏิเสธเลยแล้วก็โน้มน้าวให้ผมเปลี่ยนใจได้เสมอ

แต่วันนี้โชคเข้าข้างตัวเรา

เค้ายอมให้เราเลิกกัน

'ฉันเห็นด้วยว่าถึงเวลาแล้ว ที่เราต้องแยกทางกัน และเริ่มมีชีวิตใหม่ทั้งคู่'
เค้าบอก 'แต่แกต้องดูแลฉันด้วยนะ'

now, see here

20plus club (7)

จากซ้ายมือสุด: อาคารรัฐสภา, the Beehive, Bowen House
Wellington ทันสมัยมากกว่า Christchurch

เป็นเมืองหลวง มี่ข้าราชการ และศิลปินเยอะ

ผมได้เป็นนักข่าวแนวการเมืองเต็มที่

ผมทำงานที่ the press gallery

ในออฟฟิศย่อยของ The Press

มีเพื่อนร่วมงานอีกสามคน

จาก Parliament นั้นเราส่งข่าวการเมืองลงไปที่ Christchurch
ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของบริษัท

ในวงการงานนี้ไม่ได้มีนักการเมืองอย่างเดียวหรอก

เราต้องนับถึงพวกแนวหน้าที่มีหัวคิดเรื่องนักการเมืองที่ปฏิบัติงานในเบื้องหลัง เช่น พวก press
secretary, analyst ฯลฯ

หนึ่งในนั้นที่ผมได้รู้จักและสนิทใจกันสมัยนั้นคือ Matthew Hooton
ซึ่งเป็นนักเขียนสุนทรพจน์ และโฆษกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ชื่อ
Dr Lockwood Smith

Matthew อายุแค่ 21ปีเอง แต่ติดตามกระแสการเมืองตั้งแต่ยังเป็นเด็กนักเรียนเลย

พรรคการเมืองใหญ่ National คุมรัฐบาลสมัยนั้น

Matthew ได้รับแรงบันดาลใจจากพวกนี้
ที่อยากเปลี่ยนแปลงสังคมตามแนวคิดของพวกอนุรักษ์นิยม

พอได้รู้จักกันผมและ Matthew กลายเป็นคู่คิดจิตวิญญาณในอุดมคติเดียวกัน

เราชอบมโนกันว่า เราเป็นนักยุทธศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ของทีม National

Matthew ดรอปเรียนมหาวิทยาลัยเมื่อได้รับโอกาสทำงานให้ ร.ม.ต Dr Smith

ซึ่งกำลังยกเรื่องการศึกษาครั้งใหญ่
เป็นการปฏิรูปที่มุ่งเน้นแนวคิดตลาดเป็นหลัก ภายใต้รัฐบาลที่นำโดยพรรค
National แบบรุ่นใหม่

Matthew และผมเจอกันบ่อยในระยะเวลา 5 ปี นั้น ที่ผมอยู่ที่ Wellington

หลังจากพรรค  National แพ้การเลือกตั้ง ใน 1999 Matthew เลิกทำงานในวงการเมืองโดยตรง

และเปลี่ยนงานก้าวเข้าไปในวงการงาน PR

แล้วกลับไปเรียนต่อ แต่งงานและไปมีครอบครัวแล้วด้วย

สมัยนี้ เค้าผันแปรตัวเองไปเป็นนักวิจารณ์ทางด้านการเมือง
ที่ใครๆรู้จักกันในวงการนี้แบบกว้างขวางทั้งที่ New Zealand และ Australia ด้วย

เป็นผู้เชียร์ฝ่ายอนุรักษ์นิยมเหมือนเดิม

Matthew รู้ตัวดีว่าสมัยนั้นที่ทำงานใน Beehive เค้าเคยเป็นเด็กหัวรุนแรง

เราเคยเห็นเค้าให้สัมภาษณ์ที่พูดถึงสมัยนั้นที่เรารู้จักกัน

'เราเป็นเด็กที่ต้องการเปลี่ยนแปลงโลก' เค้าว่าอย่างนี้
โตแล้ว: Matthew Hooton


แล้วเค้าพูดจริงด้วย

สมัยนั้น เรานัดเจอกันที่ Beehive bar เพื่อจะแลกความคิดเห็นกัน

The Beehive เป็นตึกรูปร่างรังผึ้ง ในเขตรัฐสภาที่ฝ่ายผู้บริหาร รวมถึง
รมต ทั้งหมดทำงาน

The Beehive bar เปิดแต่เช้า ประมาณ 11am

ถ้า Matthew ไม่ติดงานผมมักจะได้รับสายตรงจากออฟฟิศเค้าใน Beehive

พอเห็นหมายเลขภายในของเค้าปรากฏ

ผมรู้เลยว่าเค้าต้องการอะไร - กิน!

'อีกห้านาที' เค้าพูดสั้นๆ พร้อมหัวเราะคิกคักเหมือนเด็ก

เค้าจะบอกแค่นี้ หมายถึงว่าเค้าจะพร้อมเริ่มกินในอีก 5 นาที่

กลับไปที่ประเด็นของเรา

ผมและแฟนเช้าบ้านกัน ที่ Newtown เป็นอำเภอเล็กห่างจากเมืองหลัก 15 นาที

เห็นบ้านรูปมั้ย เป็นแนวนี่เรียกว่า workers cottage  ที่สร้างขึ้นมาช่วง 1900s

Mein Street เราเช่าบ้านนี้กันประมาณ 5 ปี  
เชอวอนเกิดและเติบโตที่ Wellington ด้วย

ตอนนที่เรายังอยู่ที่เมืองนั้น เราถึงได้โอกาสไปเที่ยวหาครอบครัวของเค้า

เราใช้ชีวิตสบายๆแบบนี้แหละเป็นเวลา 5.5 ปี

เชอวอนทำงานเป็นผู้ช่วยคลีนิคหมอ ออกจากบ้านแต่เช้า
ในขณะที่ผมเข้าออฟฟิศช้าประมาณเที่ยง เลยไม่ได้เจอกันทั้งวัน

ตามเวลาที่ผ่านไป ผมชักจะเบื่อกับงานเขียนข่าวการเมือง
ที่เราต้องเล่นประเด็นซ้ำซาก ทุกวัน

เหมือนเราวกวนซ้ำไปซ้ำมาไม่สิ้นสุด เจอแต่พวก press conference, budget
lock-up, press statement, campaign stop ต่อเนื่อง

จนผมเริ่มกินเหล้าหนัก และซุกตัวที่บาร์ parliament พร้อมกับแมทธิวนั้น ไม่สนใจงาน

ผมฆ่าเวลากินเหล้าสลับกับเรียนภาษาฝรั่งเศสเล่นๆ

ตอนเข้าปีที่ 5 ของการเช่าห้องที่ Wellington นั้น หลังจากเก็บตังค์ขยันๆ เป็นสองปี

เราลงทุนซื้อบ้านด้วยกัน ที่อำเภอ Lyall Bay ใกล้ฝั่งชายทะเล

Lyall Bay อำเภอเล็กที่ติดทะเลและใกล้สนามบิน Wellington ด้วย

เป็นครั้งแรกที่เราได้เป็นเจ้าของบ้านเลย หลังจากเช่าบ้านอย่างเดี่ยวตั้งแต่เริมคบกัน

แต่ทุกอย่างต้องหยุดกึก เมื่อในปี 1997

ทางบริษัทเราได้จัดตั้ง บก คนใหม่ ที่ประกาศว่าจะปฏิรูปด้านการงานใหม่ทั้งหมด
ร่วมถึงที่ออฟฟิศเราด้วย

ผมนั่งอุ้มหลานของแฟนที่ Wellington
Tim Pankhurst เรียกผมกลับไปที่ออฟฟิศใหญ่ เพื่อจะเสิรมทีมงานนักเขียนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

โดยบินขึ้นมาที่ Wellington  และบอกพวกเราว่าทุกอย่างต้องเปลี่ยนไป

'ออฟฟิศนี้ดูใหญ่เกิน อยากเรียกหนึ่งคนกลับมาที่ Christchurch' บก Tim บอก

'เดี๋ยวจะบอกอีกทีว่าเป็นใคร'

เป็นคำสั่งที่สร้างความเครียดระหว่างทีมเล็กๆ ของเรา

และสุดท้ายเค้าลงดาบที่ตัวเรา

'บรรณาธิการแผนกสารคดีบอกผมว่า แกเขียนเก่ง ผมเลยเรียกแกกลับ' Tim
อธิบายหลังจากเผยชื่อเราว่าเป็นตัวเลือก

ถ้าย้อนรอยอดีตไปดู ผมเริ่มมีอาการซึมเศร้าด้วยความเครียด
ตั้งแต่ตอนนี้เลย เพราะไม่อยากกลับไป

ผมปฏิเสธ บก Tim ไว้และเรียกสหภาพแรงงานมาช่วยเจราจาด้วย

แต่ บก Tim ที่มี่ชื่อเสียงแข็งกร้าวไม่แพ้ใครง่ายๆ ก็ไม่ยอมผมเหมือนกัน

Tim Pankhurst
Tim ชอบส่งจดหมายทางการในเชิงข่มขู่ว่า ถ้าไม่ทำตามสั่งเค้า
ผมจะโดนไล่ออกจากบริษัทแน่

ผมก็โต้กลับว่า ตามจดหมาย เค้าไม่มีมีสิทธิ์เรียกกลับกระทันหันแบบนี้

'อย่างน้อยเราพึ่งซื้อบานมา ถ้าขายและขาดทุนใครจะรับผิดชอบ' ผมว่า

เราต่อสู้กันแบบนี้  เป็นเวลา 6 เดือนกว่า

จนทั้งคู่เลยจุดที่เราคุยกันรู้เรื่องได้แล้ว

จน Tim พลิกวิธีการเล่นกลโดยส่งผู้ใหญ่ที่เราสนิทใจและนับถือ เป็นรอง บก ของ
Tim คนหนึ่ง ขึ้นไปที่ Wellington
เพื่อจะเจราจาและโน้มน้าวใจผมให้กลับไปจนกระทั่งสำเร็จได้

ผมตกลงว่าจะกลับ เพื่อความสบายใจของทุกคน

เชอวอนเห็นด้วยกับผมว่า เราน่าจะกลับไป Christchurch และเริ่มต้นชีวิตอีกที

now, see here

โพส์ตเด่น

Mr Handsome returns

Mr Handsome เป็นผู้ชายไทยเกย์หนุ่มที่ เคยเขียนโพสต์ให้บล็อก Bangkok of the Mind หรือ BOTM2 (เป็นรุ่นพี่ของบล็อกฉบับนี้) เป็ นประจำหลายปีก่อน...

โพส์ตนิยม