Tuesday 26 September 2023

20plus club (7)

จากซ้ายมือสุด: อาคารรัฐสภา, the Beehive, Bowen House
Wellington ทันสมัยมากกว่า Christchurch

เป็นเมืองหลวง มี่ข้าราชการ และศิลปินเยอะ

ผมได้เป็นนักข่าวแนวการเมืองเต็มที่

ผมทำงานที่ the press gallery

ในออฟฟิศย่อยของ The Press

มีเพื่อนร่วมงานอีกสามคน

จาก Parliament นั้นเราส่งข่าวการเมืองลงไปที่ Christchurch
ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของบริษัท

ในวงการงานนี้ไม่ได้มีนักการเมืองอย่างเดียวหรอก

เราต้องนับถึงพวกแนวหน้าที่มีหัวคิดเรื่องนักการเมืองที่ปฏิบัติงานในเบื้องหลัง เช่น พวก press
secretary, analyst ฯลฯ

หนึ่งในนั้นที่ผมได้รู้จักและสนิทใจกันสมัยนั้นคือ Matthew Hooton
ซึ่งเป็นนักเขียนสุนทรพจน์ และโฆษกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ชื่อ
Dr Lockwood Smith

Matthew อายุแค่ 21ปีเอง แต่ติดตามกระแสการเมืองตั้งแต่ยังเป็นเด็กนักเรียนเลย

พรรคการเมืองใหญ่ National คุมรัฐบาลสมัยนั้น

Matthew ได้รับแรงบันดาลใจจากพวกนี้
ที่อยากเปลี่ยนแปลงสังคมตามแนวคิดของพวกอนุรักษ์นิยม

พอได้รู้จักกันผมและ Matthew กลายเป็นคู่คิดจิตวิญญาณในอุดมคติเดียวกัน

เราชอบมโนกันว่า เราเป็นนักยุทธศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ของทีม National

Matthew ดรอปเรียนมหาวิทยาลัยเมื่อได้รับโอกาสทำงานให้ ร.ม.ต Dr Smith

ซึ่งกำลังยกเรื่องการศึกษาครั้งใหญ่
เป็นการปฏิรูปที่มุ่งเน้นแนวคิดตลาดเป็นหลัก ภายใต้รัฐบาลที่นำโดยพรรค
National แบบรุ่นใหม่

Matthew และผมเจอกันบ่อยในระยะเวลา 5 ปี นั้น ที่ผมอยู่ที่ Wellington

หลังจากพรรค  National แพ้การเลือกตั้ง ใน 1999 Matthew เลิกทำงานในวงการเมืองโดยตรง

และเปลี่ยนงานก้าวเข้าไปในวงการงาน PR

แล้วกลับไปเรียนต่อ แต่งงานและไปมีครอบครัวแล้วด้วย

สมัยนี้ เค้าผันแปรตัวเองไปเป็นนักวิจารณ์ทางด้านการเมือง
ที่ใครๆรู้จักกันในวงการนี้แบบกว้างขวางทั้งที่ New Zealand และ Australia ด้วย

เป็นผู้เชียร์ฝ่ายอนุรักษ์นิยมเหมือนเดิม

Matthew รู้ตัวดีว่าสมัยนั้นที่ทำงานใน Beehive เค้าเคยเป็นเด็กหัวรุนแรง

เราเคยเห็นเค้าให้สัมภาษณ์ที่พูดถึงสมัยนั้นที่เรารู้จักกัน

'เราเป็นเด็กที่ต้องการเปลี่ยนแปลงโลก' เค้าว่าอย่างนี้
โตแล้ว: Matthew Hooton


แล้วเค้าพูดจริงด้วย

สมัยนั้น เรานัดเจอกันที่ Beehive bar เพื่อจะแลกความคิดเห็นกัน

The Beehive เป็นตึกรูปร่างรังผึ้ง ในเขตรัฐสภาที่ฝ่ายผู้บริหาร รวมถึง
รมต ทั้งหมดทำงาน

The Beehive bar เปิดแต่เช้า ประมาณ 11am

ถ้า Matthew ไม่ติดงานผมมักจะได้รับสายตรงจากออฟฟิศเค้าใน Beehive

พอเห็นหมายเลขภายในของเค้าปรากฏ

ผมรู้เลยว่าเค้าต้องการอะไร - กิน!

'อีกห้านาที' เค้าพูดสั้นๆ พร้อมหัวเราะคิกคักเหมือนเด็ก

เค้าจะบอกแค่นี้ หมายถึงว่าเค้าจะพร้อมเริ่มกินในอีก 5 นาที่

กลับไปที่ประเด็นของเรา

ผมและแฟนเช้าบ้านกัน ที่ Newtown เป็นอำเภอเล็กห่างจากเมืองหลัก 15 นาที

เห็นบ้านรูปมั้ย เป็นแนวนี่เรียกว่า workers cottage  ที่สร้างขึ้นมาช่วง 1900s

Mein Street เราเช่าบ้านนี้กันประมาณ 5 ปี  
เชอวอนเกิดและเติบโตที่ Wellington ด้วย

ตอนนที่เรายังอยู่ที่เมืองนั้น เราถึงได้โอกาสไปเที่ยวหาครอบครัวของเค้า

เราใช้ชีวิตสบายๆแบบนี้แหละเป็นเวลา 5.5 ปี

เชอวอนทำงานเป็นผู้ช่วยคลีนิคหมอ ออกจากบ้านแต่เช้า
ในขณะที่ผมเข้าออฟฟิศช้าประมาณเที่ยง เลยไม่ได้เจอกันทั้งวัน

ตามเวลาที่ผ่านไป ผมชักจะเบื่อกับงานเขียนข่าวการเมือง
ที่เราต้องเล่นประเด็นซ้ำซาก ทุกวัน

เหมือนเราวกวนซ้ำไปซ้ำมาไม่สิ้นสุด เจอแต่พวก press conference, budget
lock-up, press statement, campaign stop ต่อเนื่อง

จนผมเริ่มกินเหล้าหนัก และซุกตัวที่บาร์ parliament พร้อมกับแมทธิวนั้น ไม่สนใจงาน

ผมฆ่าเวลากินเหล้าสลับกับเรียนภาษาฝรั่งเศสเล่นๆ

ตอนเข้าปีที่ 5 ของการเช่าห้องที่ Wellington นั้น หลังจากเก็บตังค์ขยันๆ เป็นสองปี

เราลงทุนซื้อบ้านด้วยกัน ที่อำเภอ Lyall Bay ใกล้ฝั่งชายทะเล

Lyall Bay อำเภอเล็กที่ติดทะเลและใกล้สนามบิน Wellington ด้วย

เป็นครั้งแรกที่เราได้เป็นเจ้าของบ้านเลย หลังจากเช่าบ้านอย่างเดี่ยวตั้งแต่เริมคบกัน

แต่ทุกอย่างต้องหยุดกึก เมื่อในปี 1997

ทางบริษัทเราได้จัดตั้ง บก คนใหม่ ที่ประกาศว่าจะปฏิรูปด้านการงานใหม่ทั้งหมด
ร่วมถึงที่ออฟฟิศเราด้วย

ผมนั่งอุ้มหลานของแฟนที่ Wellington
Tim Pankhurst เรียกผมกลับไปที่ออฟฟิศใหญ่ เพื่อจะเสิรมทีมงานนักเขียนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

โดยบินขึ้นมาที่ Wellington  และบอกพวกเราว่าทุกอย่างต้องเปลี่ยนไป

'ออฟฟิศนี้ดูใหญ่เกิน อยากเรียกหนึ่งคนกลับมาที่ Christchurch' บก Tim บอก

'เดี๋ยวจะบอกอีกทีว่าเป็นใคร'

เป็นคำสั่งที่สร้างความเครียดระหว่างทีมเล็กๆ ของเรา

และสุดท้ายเค้าลงดาบที่ตัวเรา

'บรรณาธิการแผนกสารคดีบอกผมว่า แกเขียนเก่ง ผมเลยเรียกแกกลับ' Tim
อธิบายหลังจากเผยชื่อเราว่าเป็นตัวเลือก

ถ้าย้อนรอยอดีตไปดู ผมเริ่มมีอาการซึมเศร้าด้วยความเครียด
ตั้งแต่ตอนนี้เลย เพราะไม่อยากกลับไป

ผมปฏิเสธ บก Tim ไว้และเรียกสหภาพแรงงานมาช่วยเจราจาด้วย

แต่ บก Tim ที่มี่ชื่อเสียงแข็งกร้าวไม่แพ้ใครง่ายๆ ก็ไม่ยอมผมเหมือนกัน

Tim Pankhurst
Tim ชอบส่งจดหมายทางการในเชิงข่มขู่ว่า ถ้าไม่ทำตามสั่งเค้า
ผมจะโดนไล่ออกจากบริษัทแน่

ผมก็โต้กลับว่า ตามจดหมาย เค้าไม่มีมีสิทธิ์เรียกกลับกระทันหันแบบนี้

'อย่างน้อยเราพึ่งซื้อบานมา ถ้าขายและขาดทุนใครจะรับผิดชอบ' ผมว่า

เราต่อสู้กันแบบนี้  เป็นเวลา 6 เดือนกว่า

จนทั้งคู่เลยจุดที่เราคุยกันรู้เรื่องได้แล้ว

จน Tim พลิกวิธีการเล่นกลโดยส่งผู้ใหญ่ที่เราสนิทใจและนับถือ เป็นรอง บก ของ
Tim คนหนึ่ง ขึ้นไปที่ Wellington
เพื่อจะเจราจาและโน้มน้าวใจผมให้กลับไปจนกระทั่งสำเร็จได้

ผมตกลงว่าจะกลับ เพื่อความสบายใจของทุกคน

เชอวอนเห็นด้วยกับผมว่า เราน่าจะกลับไป Christchurch และเริ่มต้นชีวิตอีกที

now, see here

No comments:

Post a Comment

เขียนเป็นไทยหรืออ้งกฤษก็ได้คับ Thai or English is fine...

โพส์ตเด่น

20plus club (Postscript 3, final)

แคปชั่นก๊อปจากเน็ต: โรงพยาบาลตำรวจบริเวณสี่ แยกราชประสงค์ ปี พ.ศ. 2542 แจกเสร็จ น้องก็นั่งรอจ่ายบิลอยู่ข้างๆผม มือน้องสั่น เหงื่อออกเต็มหน้า...

โพส์ตนิยม