Monday 18 November 2019

job at the 7-11, back to rehab (7)

ผมตัดสินใจว่าจะเขียนคำอธิบายให้แม่
เพราะผมเป็นห่วงน้องจริง
ผมใช้เวลาเขียนคำอธิบายเป็นหลายวัน
เขียนเนื้อความเสร็จผมโพสขึ้นเฟซแม่
เมื่อส่งไปแล้วผมรอลุ้นให้เค้าตอบ
ผมรู้ว่า เค้าอาจจะรู้สึกไม่พอใจที่ผมเสือกพูดถึงเรื่องลูกอยู่บนเฟซเค้า
แม่ใช้พื้นที่ไปขายของและสร้างภาพตัวเองให้ดูดี เค้าคงไม่อยากรับรู้อะไรเกี่ยวกับลูกเลย
ก่อนหน้านี้ผมก็บล๊อคเค้าทางไลน์ และแม่ก็บล๊อคผมทางเมสเซนเจอร์กลับ ผมเลยไม่รู้จะคุยกันยังไงดี
แต่ผมยังหวังว่าเค้าจะเห็นใจความรู้สึกผม และเข้าใจว่าผมมีเจตนาดี
เนื้อความเมสเสจดังกล่าวเป็นอย่างนี้ (ผมจะสรุปเอาสั้นๆหน่อยเพราะเวอร์ชั่นเดิมยาวไปนิดหนึ่ง)

ร้านที่ผมเขียนแมสเสจถึงแม่
สวัสดีคับแม่
ผมเห็นโพสนี้เป็นหลายวัน ไม่แน่ใจว่าแม่หมายถึงผมด้วยรึป่าว
ไม่รู้จะตอบยังไงดีด้วยเพราะไม่ค่อยได้เล่นเฟซ
ที่แม่บอกว่าผม 'เป็นฝ่ายเริ่มก่อน'
ก็น่าจะใช่ ผมชอบใช้อารมณ์ก่อนคิด
ถ้าผมรู้ว่าลูกจะกลับไปเล่นอีก ผมคงจะรักษาคำพูดให้ดีกว่านี้
ผมไม่ได้โกรธแม่หรอก ผิดหวังมากกว่าที่เรายังคุยกันไม่ได้ทุกวันนี้
ผมขอให้กำลังใจทั้งแม่กับลูกนะครับ
ไม่อยากคิดว่าน้องต้องสู้คนเดียวที่โน่น
ผมพยายามคุยกับเค้า เพื่อจะเรียกสติน้องกลับไปอยู่กับพวกเราบ้าง
แต่ตอนนี้เราคุยกันปกติไม่ค่อยได้ เราชอบทะเลาะกันมากกว่า
แต่ผมบอกเค้าว่า ผมจะไม่ยอมแพ้ จะสู้กับปัญหานี้และช่วยเค้าจนอาการน้องดีขึ้น
เจอกันวันล่าสุด ผมถามเค้าว่า 'สมองนี้ยังใช้ได้อยู่รึป่าว' (ผมถามถึงตัวเค้าเอง ไม่ใช่สมองผม)
'
ใช้ได้อยู่น้องตอบอย่างหนักแน่น
ก่อนที่จะไล่ผมออกไปไกลๆ ตัว
ผมด่ามันกลับ (เราเริ่มเป็นดาราเล่นละครน้ำเน่าเสียแล้ว)
ผมรู้ดีว่าโรคซึมเศร้าเป็นยังไงเพราะเคยเป็น
เราคงรับมือกับอาการนี้ด้วยคนเดียวไม่ได้
โทษทีถ้าผมพูดถึงเรื่องส่วนตัวนิดหน่อย รู้มั้ยว่าเมื่อแม่ทิ้งน้องคนเดียวที่บ้าน สภาพน้องเสื่อมลงมาก
เวลาแม่กลับมาอาการเค้าดูดีขึ้น เพราะแม่จะเป็นตัวช่วยกระตุ้นให้เค้าคิด
เราต้องอยู่ใกล้ชิดกับตัวเค้าตอนนี้
ถ้าผมยังช่วยแม่ได้...ติดต่อผมได้นะคับ รับรองไม่กวน
บายๆ ก่อนนะคับ
ผมมีเจตนาดี และหวังว่าจะได้รับการตอบรับดีด้วย
แต่แม่กลับไม่ชอบ
ผมโพสขึ้นเฟซแม่ไม่กี่นาที แม่จะบล็อคผมเรียบร้อยแล้ว โดยไม่ได้พูดอะไรเลย
ผมแม่งเจอโชคร้ายอีกแล้ว
แต่ด้วยที่ว่า ผมใช้เวลานานมากที่ไปเขียนเรื่องนี้ เมื่อโดนบล๊อคไป ผมเกิดโมโหมากจนระงับอารมณ์อยู่ไม่ไหว
ผมนั่งอยู่ที่ร้านใกล้ออฟฟิซคนละฝั่งกับซอยอมร พอโดนบล๊อคก็รีบปั่นจักรยานวิ่งไปยังบ้านแม่เหมือนคนบ้า
พอไปถึงหน้าบ้านแล้วผมไม่ได้เคาะประตูแบบสุภาพ แต่ดันไปเปิดประตูแรงปั้งเลยโดยไม่แคร์ว่าคนข้างในจะว่ายังไง
ข้างในบ้านผมเห็นแม่ แฟนเค้า และลูกตัวเล็กนั่งกินข้าวกันอยู่
'
มึงบล๊อคผมได้ยังไงผมตะโกนจากหน้าประตูบ้านใส่แม่ ไม่กล้าก้าวไปข้างในบ้านหรอกแต่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
ไม่รู้จะระบายความเครียดยังไงดี เพราะผู้หญิงคนนี้ไม่ยอมคุย
ผมลืมตัวเองจริงๆจนทุกวันนี้จำไม่ค่อยได้ว่าเราพูดอะไรไปในสองสามนาทีนั้น ที่เราทำตัวบ้าๆบอๆ
น้อง บี วิ่งหนีหาที่หลบเมื่อผมเริ่มร้องตะกอนใส่แม่เค้า ทั้งแม่กับแฟนตาโตตกใจ
แต่ผมแอบสังเกตุว่า สองสาวตัวดีนี้ดูเหมือนว่า เค้าพึ่งร่วมหัวกันวางแผนทำร้ายกับความรู้สึกผม ที่บล๊อคผมไป
เค้าคงภูมิใจกับฝีมือแย่ๆของตัวมันเอง และไม่ได้นึกสักนิดว่า ผมจะกล้าไปหามันที่บ้าน

now, see here

job at the 7-11, back to rehab (6)

เพราะแม่ต้องเจอลูกบ้าง เห็นสภาพจิตก็น่าจะรู้แล้วว่าเค้าติดยา
การพาไปบำบัดตัวครั้งนี้ แม่มีเพื่อนช่วย
หนุ่มคนนี้ ชื่อวัด เคยเล่นยาเมื่อก่อนเหมือนกัน อาสาสมัครพาน้องไปบำบัดตัวที่จังหวัดราชบุรี
 วัดเคยไปรักษาตัวเองที่สถานบำบัดแห่งนั้น เมื่อไม่กี่เดือนก่อน และแนะนำให้น้องไปด้วย
ผมไม่รู้จักวัดส่วนตัว แต่เมื่อไม่นานนี้เอง ก็มักจะเห็นเค้าเดินมุ่งไปหาพวกเล่นยาที่ซอกโต๊ะแปดนั้นเกือบทุกคืน เป็นแหล่งเล่นยาแถวบ้านเรา ที่น้องธีร์ชอบไปนั่งเล่นด้วย
วัดมีลูกชายตัวเล็ก ที่ชอบตัวติดพ่อไปที่โน่นประจำ พอวัดทำธุระที่โน่นเสร็จเค้าจะเดินกลับไปด้วยกับลูก
ลูกเค้าเป็นเด็กที่มีไหวพริบดี  (ผมเล่นกับเค้าบ่อยที่หน้าบ้านวุฒิ ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางกลับกับพ่อเค้าน่าจะรู้ว่าพ่อกำลังทำอะไรกับพวกมัน
ช่วงเวลานั้นก็น่าจะเป็นช่วงก่อนที่วัดไปบำบัดตัว
ในเวลาต่อมา หลังจากน้องเข้าบำบัดตัวที่ราชบุรีเรียบร้อยแล้ว ผมได้รู้จากเพื่อนว่า วัดแวะไปสอนธีร์ที่โน่นด้วย ว่าจะเลิกเล่นยายังไงดี และปรับตัวเป็นคนดีในสังคม
แม่กับธีร์ไปช็อปปิ้งกัน แม่โพสต์ไปในช่วงนั้นที่น้องถูกพาไปรับการบำบัดตัวรอบที่สอง โดยไม่ได้บอกผู้ติดตามเฟซเค้าว่า ที่จริงแล้ววันนั้นน้องเข้าบำบัดตัว เป็นรูปเก่า สภาพน้องแย่มากตอนนั้น (เหมาะกับการไปรักษาตัว ไม่ใช่ไปช็อปปิ้งหรอก แม่อยากนึกถึงเวลาดีๆมากกว่าละมั้ง ถึงเลือกโพสต์รูปหลอกคน)
สภาพตัวน้องจริงๆก่อนไปรักษาตัว
ตอนแรกพวกเรา ไม่ได้รู้เรื่องหรอกว่า แม่พาเค้าไปบำบัดตัวอีกครั้ง เพราะแม่ไม่ได้บอกใครในกลุ่มเพื่อนเค้า และน้องเองไม่มีโอกาสไปลาใครทั้งๆที่เราคงไม่ได้เจอกันอีกนาน
เวลาต้องผ่านไปหลายวันก่อนที่พวกเราสังเกตุเห็นว่าน้องไม่อยู่
เพื่อนบ้านและเพื่อนสมัยเด็กธีร์ คือน้องต้นนั้นเอง ยังไม่รู้เลยว่าธีร์ไปแล้ว
สุดท้ายผมได้ข่าวว่าน้องไปบำบัดตัวจากหนุ่มคนหนึ่ง ชื่อเต๋า ที่รู้จักพวกเพื่อนแม่ร่วมถึงหนุ่ม วัด ด้วย
วันนั้นผมนั่งกินเหล้ากับเต๋า ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านวุฒิ
เค้าเล่าให้ฟังว่าคุณวัด ซึ่งเป็นเพื่อนแม่ธีร์ พาน้องไปบำบัดตัวเมื่อสองสามวันก่อน
เป็นครั้งแรกที่พวกเราได้รับรู้ว่าเค้าไปรักษาตัว
เต๋าเล่าต่อว่า 
'คลีนิกบำบัดตัวนี้ให้บริการฟรี แต่เค้าทำโหดๆ แบบหักดิบ หมอไม่ได้ให้ยาช่วยคนเลิกยาหรอก ผู้ป่วยจะถูกล่ามโซ่ติดเสาไปเลยจนไม่มีอาการติดยาแล้วเค้าว่าไป
เต๋าเล่าให้ฟังเฉยๆ ไม่ได้พูดกวนหรือแกล้งให้ผู้ฟังสะเทือนใจหรอก (มั้ง...ผมมารู้ทีหลังว่าไอ้เต๋าพูดเพี้ยนและไขว้เขวเกือบทั้งเรื่องเลย) แต่ผมก็ยังตกใจและคิดมากอยู่ดี
ผมได้ไปดูแลน้องเหมือนเป็นลูกหลานเรา พอได้ยินข่าวที่ว่าน้องถูกล่ามโซ่ไว้กับเสาทิ้งไปอย่างนั้น
ผมรู้สึกแย่
ไม่อยากคิดว่าเค้าจะโดนทุกข์ทรมารขนาดนี้
พอเลิกคุยกันผมแอบเดินไปที่หน้าบ้านแม่ แล้วก็ฝากคุณลุงเพื่อนบ้านเค้า ให้บอกแม่ว่า ผมอยากไปเยี่ยมน้อง เมื่อไรสะดวกขอพาผมไปหาลูกที่โน่นหน่อย
คุณลุงคงได้บอกแม่นั้นแหละ เพราะในวันถัดไปช่วงเช้า ผมเดินเข้าซอยและได้เห็นแม่คุยกับผู้ใหญ่ในศูนย์กลางชุมชนพอดี
แต่เมื่อแม่เห็นผมกำลังเดินไปหาปุ๊บ แม่วิ่งหนีออกไป จนผมตามไม่ทัน
เค้าวิ่งเข้าซอกแคบๆ ข้างๆตึก แล้วก็หันกลับไปมองดูว่า ผมกำลังเดินทันตัวเค้ามั้ย ก่อนโดดขึ้นแท็กซี่แล่นออกไปตามถนนพระราม 3
เรามีปัญหากันก่อนหน้านี้จริงและไม่ได้คุยเป็นเวลานานแล้วด้วย
แต่ผมคิดว่าเรื่องของลูกคงสำคัญมากกว่า ผมรู้สึกเสียดายที่เรายังคุยกันไม่ได้
ตอนเย็นๆวันเดียวกันเค้าขึ้นโพสเฟซในทำนองประชดผมว่า
ถ้ากูใจร้ายใส่ใคร
โปรดจงรู้ไว้
กูไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อน
เค้าไม่ได้เอ่ยชื่อผม แต่เป้าหมายน่าจะเป็นผมนั้นแหละ
ซึ่งโพสนี้บ่งบอกว่าแม่คงรู้สึกผิดที่หนีผมไปนิดหนึ่ง
แต่อยากแสดงความไม่สบายใจมากกว่าที่เรายังบาดหมางใจกัน
ผมต้องอธิบายนิดนึงว่าแม่ใช้เวลาเยอะมากกับการเล่นโซเซียลจนเป็นชีวิตจิตใจเค้า
เค้ารู้กติกาการเล่นดี คืออยากติเตียนหรือต่อว่าใครไป ไม่ต้องระบุชื่อเค้าก็ได้ คนที่เป็นเป้าหมายการโจมตีนั้นคงจะรู้เอง
เพราะฉะนั้นจะมีแต่คนโง่ๆอย่างฉันเท่านั้นที่จะเอาเรื่องแค่นี้ไปคิด แต่ฉันเอาไปคิดจริง
แม่รู้อยู่แล้วว่าผมสนิทกับลูกเค้าแล้วทุกวันนี้ยังเป็นห่วงอยู่ จะแกล้งผมทำไม

now, see here

job at the 7-11, back to rehab (5)

เค้าไปซุกหัวอยู่กับพวกนี้และ เมื่อได้เป็นเด็กรับใช้ของเค้า ธีร์ไม่ต้องไปสนใจคนอื่นแล้ว
พวกนี้คงจะให้เงินทอนแค่นั้น แลกกับการได้ฝากน้องให้ช่วยเค้า แต่ค่าตอบแทนแค่นี้คงไม่พอเอาไปใช้กินข้าวหรอก
เมื่อเค้ากลับมา ผมบอกน้องว่า เค้าเลือกผิดอีกแล้ว ไปคบกับพวกนี้ทำไม จะไม่มีอนาคตหรอก ผมบอกมันตรงๆ
น้องเดินหนีออกไปทางซอกทางแยก เพราะไม่อยากได้ยิน
แบบนี้แหละ น้องจะยอมใจลดคุณค่าตัวเองไปเรื่อยโดยไม่รู้จักจบ
-
แฟนทอมของแม่
เมื่อเดือนเมษาแม่ได้มีแฟนทอม
บ้านแฟนอยู่ที่ภาคใต้ จังหวัดพัทลุง
ซึ่งต่างฝ่ายก็ต้องเดินทางไปมาหาสู่กันถ้าอยากเจอกัน
ตอนนั้นแม่ไปเที่ยวต่างจังหวัดบ่อยมาก
เค้ามักจะพาลูกตัวเล็กไปเป็นเพื่อนเที่ยวเสมอ
และทิ้งธีร์เอาไว้คนเดียวที่บ้านเฉยๆ (ธีร์อาจจะไม่อยากไปร่วมเที่ยวกันกับแม่เค้าก็ได้)
มีครั้งหนึ่งแม่พาน้อง บี คือน้องชายธีร์นั้น ขึ้นเครื่องบินไปเที่ยวหาแฟนทอมด้วย
แต่ปล่อยธีร์อยู่คนเดียวในสภาพเมายาเดิมๆ ในซอย
การไปเที่ยวทริปนี้ น่าจะเป็นครั้งแรกที่น้อง บี ได้ขึ้นเครื่องบิน

น้องชายของธีร์บินไปเที่ยว
ส่วนธีร์ผมไม่รู้ว่าเคยขึ้นเครื่องบินเหมือนน้องมั้ย
แต่ตอนนั้น ธีร์นั่งเป็นซอมบี้อยู่ เลยพลาดโอกาสไปด้วย
แม่ไปหาแฟนในช่วงปิดเทอมพฤษภาคม ไปต่างจังหวัดเกือบสองอาทิตย์
สภาพน้องดูแย่ลงมากตอนนั้นที่แม่ไม่อยู่บ้าน เพราะน้องไม่มีใครค่อยเฝ้าดู
เค้านั่งข้างนอกจากเช้าจนค่ำยันอีกวันเป็นหลายวันติดกัน  ยิงฟันดูดลมเป็นท่าประจำของเค้า ไม่พูดอะไรกับใคร 
และไม่ได้กินข้าวด้วย
จนเพื่อนวัยรุ่นเริ่มเป็นห่วงและเรียกผมไปคุย ธีร์ไม่มีตังค์กินข้าวไมเคิลเค้าบอก
แต่เมื่อผมส่งยื่นตังค์ให้ น้องกลับไม่รับ เค้าเป็นของพวกพี่นั้นไปแล้วนิหว่า
เค้าคงกลัวว่าผมจะพยายามดึงตัวเค้าออกจากกลุ่มนี้ กลับไปอยู่กับพวกเรามั้ง
อาการเค้าแย่ลงไปเรื่อยจนผู้ใหญ่เรียกผมไปคุยด้วย
คุณลุงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นพ่อค้าร้านขายของชำใกล้บ้านวุฒิ รู้ว่าผมคอยดูแลน้อง
เค้าดูน่าเป็นห่วง ลองดูซิ เค้านั่งอยู่คนเดียวแบบนี้และเป็นหลายชั่วโมงแล้ว ตัวซกมกไม่พูดจากับใครอะไรไม่รู้ ลุงบอกผม
แต่เราจะไปทำอะไรได้
น้องและลุงเป็นชาวบ้านด้วยกัน ผมแค่เป็นคนข้างนอก
ผมเลยถามว่า แม่น้องจะว่ายังไงถ้าเจอลูกแบบนี้ ไม่เห็นออกไปหาเค้าสักที
ลุงตอบไปว่า
อ้าว แม่เค้าไม่สนใจ ไมเคิลรู้อยู่
แม่คงยอมแพ้เสียแล้วที่ต้องไปเจอนิสัยดื้อๆ ของธีร์ ก็จริง
แต่แม่ทำตัวไม่เอาใจใส่ลูกเป็นนานแล้ว เมายาหรือไม่เมาแม่ปล่อยทิ้งเค้าจนทั้งคู่ก็เริ่มใจห่างเหินจากกันไป
-
สุดท้ายแม่ต้องพาน้องไปบำบัดตัว เป็นรอบที่สองภายใน เดือนเอง
น้องเสียงาน 7-11 ตั้งแต่กลางเดือนมีนา
แล้วก็เริ่มเล่นยาต่อและคบกับพวกพี่ที่ฝากน้องเป็นเด็กรับใช้ แต่ในช่วงหลังๆ ดูเหมือนได้ลืมทิ้งเค้าไปแล้ว
แม่รอถึงต้นเดือนมิถุนากว่าจะพาน้องไปรักษาตัว
ซึ่งพวกเราที่รู้อาการน้องจะทำได้แต่รอให้แกจะช่วย
ตอนนั้นแม่ยังติดแฟน ไปเที่ยวบ่อยและชอบปล่อยทิ้งธีร์อยู่คนเดียว
เค้าทำแบบนี้เพื่อจะลงโทษลูกหรือว่าอะไรไม่รู้

now, see here

โพส์ตเด่น

20plus club (Postscript 3, final)

แคปชั่นก๊อปจากเน็ต: โรงพยาบาลตำรวจบริเวณสี่ แยกราชประสงค์ ปี พ.ศ. 2542 แจกเสร็จ น้องก็นั่งรอจ่ายบิลอยู่ข้างๆผม มือน้องสั่น เหงื่อออกเต็มหน้า...

โพส์ตนิยม