Friday, 9 September 2016

เต่า v คน

เต่า (file pic)

เคยเอาเต่าตัวที่อายุเยอะๆมาเปรียบเทียบเล่นกับมนุษย์คนแก่บ้างมั้ย
ทั้งสองชีวิตอาจจะผ่านเรื่องราวชีวิตมาได้มากมายเพราะต่างก็ถึงมีอายุยืนอยู่ได้
ถึง 100 ปีหรืออาจแก่กว่านั้นก็ว่าได้
แต่ถ้าเรายังเป็นเด็กนะ จุดนั้นที่เราจะแก่ลงได้ขนาดนี้ ยังดูอีกไกลแสนไกล

--

ย้อนเวลากลับ 25 ปี คร่าวๆ
ผมทำข่าวอยู่ที่รัฐสภาที่เวลลิงตัน
เป็นวัยที่ผมต้องทำความคุ้นเคยเจอคนในวงการงานที่มักจะแก่กว่าผม
เพราะผมยังเป็นเด็กอยู่ ประสบการณ์ยังน้อย
ออฟฟิศเราเป็นออฟฟิศเล็กๆ ตั้งไว้ใน press gallery ที่ตึก Bowen House
ใกล้รัฐสภานั้นเอง
Bowen House เต็มไปด้วยผู้บริหารรัฐ ข้าราชการสูงๆ โดยหลัก แต่ที่ชั้น 5
เค้าเปิดพื้นที่ให้ภาคสื่อมวลชนอย่างเรามาตั้งออฟฟิศย่อยๆไว้
เพื่อจะทำน่าที่เป็นหูเป็นตาแทน ปชช หรือเรียกว่า ฐานันดรที่สี่
เราคอยสังเกตดูว่า พวกนักการเมืองของประเทศเรา จะทำอะไรบ้างกับภาษีราษฎร

Bowen House (ซ้าย) Beehive (ขวา) credit: nzparliament
ตามรูปภาพแรก ใกล้กับรูปปั้น จะเจอตึกรูปแปลกๆที่เค้าเรียกว่า Beehive เป็นฐานพวกรัฐมนตรี รวมถึงนายกด้วย อยู่ที่ชั้น 9 ยอดสุดที่ดูเหมือนรังผึ้งนั้นเอง ถัดจากนั้นจะเจอตึก รัฐสภา อีกด้วย

เมื่อผมเริ่มทำงานที่เมือง Wellington นั้นตอนที่
ผมอายุแค่ 26 ปี
เป็นนักข่าวที่เด็กที่สุดด้วยของ press gallery เลย
Aerial view: Bowen House, left, Beehive, parliament on right

(ผมย้ายมาที่ เมืองเวลลิงตันพร้อมกับแฟน จากเมืองไครสต์เชิร์ชเดิม
เพื่อบรรจุตำแหน่งว่างที่ออฟฟิศเรา
เราจะทำงานที่นี่เวลาทั้งหมด 5.5 ปี ก่อนย้ายกลับไปที่ไครสต์เชิร์ช
ในพฤษภาคม 1993 )
ตามต้นสังกัด เป็นพนักงานของ The Press ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ใหญ่ของเมือง ไครสต์เชิร์ช
ออฟฟิศย่อยของ The Press ที่ Bowen House นั้น
มีนักข่าวรวมถึงผม แค่สี่คนเอง

 รัฐสภาอยู่ในตึกเก่าๆที่คว้ามือ 
หนึ่งในนั้นคือ  นักข่าวผู้มีอาวุโสสูงสุดในแกลเลอรี่ แล้วก็ออฟฟิศเราด้วย
ชื่อ โอลิเวอร์ ที่มีอายุใกล้เกษียณแล้ว
เป็นนักข่าวประจำที่นี่ตั้ง 20 กว่าปี
ลุงโอลิเวอร์ มีชื่อเสียงโด่งดังในวงการนักข่าวสาขาการเมือง
เค้ารู้จัก ส.ส เยอะมาก
พวก ส.ส เดินมาแกลเลอรี่แล้วแวะมาหาโอลิเวอร์ทั้งวัน
พวก ส.ส เค้าไม่เคยมาหาผม เพราะผมยังเด็กเกิน ไม่มีใครรู้จักหรือสนใจเลย
มีวันหนึ่ง อดีตนายกรัฐมนตรี เดวิด ลองงี่ (David Lange) มาที่นี้ด้วย 
เค้าได้ไปรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่สมัยนั้น นายลองงี่เลิกเป็น ร.ม.ต ไปได้นานแล้ว
แต่กลับมาเป็น ส.ส ธรรมดา

David Lange
วันนั้นผมอยู่ที่ออฟฟิศคนเดียว
'โอลิเวอร์อยู่ไหม' เค้าถาม
'ไม่อยู่คับ มีอะไรจะฝากมั้ย' ผมตอบ
ที่จริงผมอยากบอก นาย เดวิด ลองงี่ นั้น
ว่าเค้าเป็นฮีโร่นักการเมืองคนหนึ่ง ของผมตั้งแต่สมัยเรียน
เพราะเค้าปฏิรูปเศรษฐกิจเก่ง
แต่ผมไม่กล้าพูดกับเค้า
ก็เพราะยังเป็นเด็กอายุน้อยนั้นเอง

--

ทุกวันนี้ผมคงจะสายไปแล้วที่จะไปพูดแบบนั้น เพราะนายลองงี่เสียชีวิตไปแล้วในปี 2005 ด้วยอายุแค่ 63ปี เอง
สว่น ลุงโอลิเวอร์ ได้ออกเกษียณไปแล้ว และทุกวันนี้เค้าคงจะยังอยู่บ้าน
ลุงโอลิเวอร์ ครองเป็นโสดนานแล้วแต่เคยแต่งงานกับเมียคนหนึ่ง และสร้างครอบครัวกันไป
มีลูกด้วยกันแต่ผมจำไม่ได้กี่คน

--

ตอนที่ผมย้ายกลับไปที่ Christchurch นั้น
ลุงโอลิเวอร์ ก็ออกเกษียณแล้ว
และเราไม่ได้เจอกันอีก 
ตามนิสัยคนแก่ ลุงชอบชอบเล่าเรื่องราวชีวิตเค้าให้รุ่นน้องๆอย่างผมฟัง
เค้าบอกว่า ที่บ้านเค้าเลี้ยงเต่าตัวหนึ่งที่สืบทอดมาจากยายเค้าตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 โน่นเลย
ซึ่งน่าเหลือเชื่อมากเจ้าเต่าตัวนี้เกิดมาในช่วงต้นๆของศตวรรษที่ 20
แต่ยังสามารถมีชีวิตได้อยู่เลยเป็นอีกหลายปี

Oliver Riddell อายุ 3 ขวบเล่นกับเต่าชื่อ Peter ปี 2487

ตามคำเล่าขานของลุงโอลิเวอร์ เค้าชอบปล่อยเจ้าเต่าไปเดินเล่นที่ลานหญ้าหน้าบ้าน
ถ้าเรียกคนมาตัดหญ้าให้ เค้าไม่ต้องหาเก็บเจ้าเต่าที่ปกติชอบทำตัวเงียบๆ ตัวนี้ก่อนหรอก
ปล่อยเค้าทิ้งแแบนี้เลยก็ไม่เป็นอะไร
เจ้าตัวเต่านี้อาจจะโดนเครื่องตัดหญ้ามาเฉียดบ้างก็จริง
แต่มันก็สามารถเอาชีวิตรอดไปได้ทุกที เพราะกระดองมันแข็ง
แค่แค่พลิกตัวลงกลับไป แล้วก็นอนต่อไปอย่างนี้ 
เป็นชีวิตเงียบๆของเต่า ไม่ต้องวุ่นวายอะไรกับใคร
ไม่เหมือนชีวิตมนุษย์ ซึ่งเราต้องล้มแล้วลุกขึ้นอีก ดิ้นรนสู้กันตลอด จากวันเกิดถึงวันสิ้นใจ
ลุงโอลิเวอร์ ว่าอย่างนี้พลางหัวเราะ

Update:

เต่าของลุงโอลิเวอร์ อายุเยอะจริงๆเปรียบได้เป็นทหารผ่านศึกสงครามโลกครั้งที่ 1!เลยที่เดียว
หลังจากเขียนโพส์ตนี้เสร็จแล้วเรียบร้อย เราดันไปเจอข่าวใน นสพ ที่เกี่ยวกับ
Peter ชื่อเต่าสัตว์เลี้ยงของลุงนั้นเอง
เรื่องราวชีวิตเต่า Peter กลายเป็นหนังสือเด็กไปแล้ว (โดยที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน)
ผู้เขียนมีนามสกุลเดียวกันกับลุง โอลิเวอร์ น่าจะเป็นลูกหลานของเค้า
บทสรุปดังนี้


He survived the bloodied trenches of Gallipoli, was rescued by a
wounded soldier, stowed away to New Zealand with a nurse and lived
with four generations of a family.

Now Peter, a tortoise who died in 1994, has been immortalised in
children's book The Tale of the Anzac Tortoise.

อ่านต่อที่นี่

นักเขียน Shona Riddell





Sunday, 20 December 2015

Lucky pick

The lucky pick

เมื่อคืนครอบครัวแฟน ชวนเราไปกินข้าวเย็นกันที่รีสอร์ทเค้า
เรากินข้าวข้างนอกบ้านกัน มองดูดวงดาวระยิบระยับบนท้องฟ้า
แฟนเราคุยเก่งแต่ผมไม่รู้แล้วว่าในกลุ่มพูดคุยกันเรื่องอะไร
เพราะสมอง สวิชอ็อฟไปแล้ว ฟังไม่เข้าใจ
จันทร์ส่องแสงจางเกือบมองไม่เห็นแต่ลมพัดโชยเบาๆ
อากาศเย็นสบายแบบนี้ น่าเดินเล่นไปหาประสบการณ์ใหม่แถวบ้าน
ผมขอแยกตัวไปเล่นกีต้าร์ในลานจอดรถใกล้ห้องพัก
-
ผมหิ้วกีต้าร์จากห้อง พร้อมกับขวดเหล้าเพื่อนคู่หูที่เราเอามาจาก กทม
พอเริ่มดีดเล่นเพลงไม่กี่นาที ก็มี รปภ ประจำรีสอร์ท เดินมาทัก
ยามยังเป็นหนุ่ม อายุไม่น่าจะเกิน 40 ปี
'ผมเล่นกีต้าร์ไม่เป็นแต่ขอนั่งฟังฝรั่งเล่นหน่อย' เค้าบอก
แกเห็นว่าผมกินเหล้าเลยถามว่า
'กินอะไรอยู่'
'285 Blend' ผมตอบ
'ผมกินยาดอง รู้จักมั้ย' เค้าถามต่อ
'รู้จัก ชอบกินด้วย' ผมตอบจริง
ผมเคยกินยาดองเมื่อหลายปีก่อน สมัยนั้นที่ยาดองกำลังฮิต
ถึงจะผิดกฏหมายแต่แผงแอบขายผุดขึ้นทั้งเมือง
ยามล้วงขวดเล็กๆ ที่เค้าแอบเก็บไว้ออกจากเสื้อแล้วเสนอให้ผมชิมดู
ยามคงจะไม่เชื่อหรอก ว่าฝรั่งอย่างเรากินยาดองเป็น
ผมกระดกขวดเล็กๆ ที่เค้าส่งมา
แล้วก็ยื่นแก้วผมส่งให้เค้าแลกกันกินด้วย
แต่ยามขอไม่เอา
'ผมไม่ชอบ 285' เค้ากล่าว
ดื่มกินกันเสร็จผมก็เล่นต่อไปเรื่อยจนเค้าขอตัวไป
ก่อนลาไป ยามเล่าให้ฟังว่า แกเข้าเวรคนเดียวตอนเย็น
และต้องนั่งคนเดียวเฝ้ารีสอร์ทของเราแบบนี้จนถึงรุ่งขึ้นของวันใหม่
ทำงานแบบนี้ อยู่คนเดียวทั้งคืนไม่มีเพื่อนคุย ถ้าเป็นผมจะไหวมั้ยล่ะ
-
ปกติผมเล่นด้วยมือ
แต่คืนนั้นผมอยากเล่น scales โดยใช้ lucky pick ของผม
lucky เพราะอยู่กับเราเป็นนาน ไม่ไช่ lucky ในเชิงพอหยิบมาใข้ที่ไหน
แรงฤทธิ์ของมันจะช่วยเราเล่นเก่งที่นั้น ไม่ใช่หรอก
แต่ผมหา pick โปรดนั้นไม่เจอ
เราใส่ pick ในกระเป๋ากางเกงก่อนออกจากห้อง  แต่ทำไมตอนนี้กลับไม่เจอ
วินาทีนั้นชวนวุ่นวายหน่อย เพราะผมชอบ pick นั้นมาก
ถ้าทำหายจริงผมไม่รู้จะทำอะไร
ผมหยิบยกของแถวโต๊ะไปทั่ว มองทุกทิศทาง แต่หาไม่เจอ
แฟนผมเดินมาพอดี
'ช่วยหาพิคหน่อย  ผมทำหายไป'  เราขอร้อง
แฟนช่วยยกเก้าอี้หิน ขยับโต๊ะ
ขุดคุ้ยหาดูเป็น 15 นาทียังไม่เจอ
ผมคิดแปลกๆ เช่น ยามแอบเอาออกไปเก็บมั้ย (เก็บเพื่อ)
หรือหมาที่เลี้ยงประจำบ้านเจอ pick และกินเข้ารึป่าว
แต่ไม่น่าจะถึงขนาดนั้นเนอะ
ก่อนนอนผมออกไปหาอีกที
ครั้งนี้ไม่เจออีก

วันถัดไป
เราจัดตั้ง search party
ผมพร้อมกับแฟนเดินลุยกลับไปที่เกิดเหตุ (ห่างจากห้องประมาณ 20 เมตร)
และค้นหาเป็นจริงจัง
วีธีการ search คือนั่งยองๆ กันใช่มือเปล่าคุ้ยเขี่ยดิน ตะกุยขวานหาใต้โต๊ะ
ไม่เจออีก
ผมเดินท้อแท้กลับไปที่ห้อง
อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า เราต้องเดินทางกลับไป กทม แล้ว
แต่ยังไม่มี pick น่ารักๆ ของเรา ปรากฏตัวเลย
ก่อนกลับผมขออาศัยสายตาแม่นๆ ของแฟนมาช่วยเป็นฮึดสุดท้าย
ผมทำ lasik ปรับสายตาสั้นๆ ตัวเองหลายปีก่อน
แต่สายตาผมยังสู้กับแฟนไม่ได้เลย
แฟนออกไปคนเดียวไปหาดูอีกที
แล้วได้เจอด้วย
'ใช้เวลาแค่ห้านาทีจริง แต่ต้องใช้ตาเยอะ'  แฟนบอก
pick ตกข้างเก้าอี้ ต้องยกเก้าอี้ถึงจะเจอได้
ผมรู้สึกโล่ง ถึงขั้นตื่นเต้นที่ได้รับ pick กลับมา
ทำไมเค้าทำได้ภายในไม่กี่นาที แต่ผมหาดูหลายรอบไม่เจอสักที
-
เมื่อนั่งรถกำลังเดินทางกลับบ้าน
ผมนึกย้อนกลับไปที่เกิดเหตุเมื่อคืน
ถ้าผมนั่งคุยเฉยๆกับพวกญาติแฟน
คงจะไม่มีปัญหาเกิดขึ้นหรอก
ผมคงไม่ได้เจอยามที่เป็นเพื่อนคุยก็จริง
แต่คงไม่ได้ทำ pick หายไปด้วย
-
คำว่า 'ต้องใช้สายตาเยอะ'
ฟังเหมือนว่า สายตามีจำนวนจำกัด
เหมือนของเหลว เช่นน้ำ ที่เราเทใส่แก้ว
พอจิบไปปริมาณน้ำจะลดลงไปด้วย
ในแง่มุมตรงข้ามกัน
ถ้าเราเติมน้ำใส่แก้วนั้น
ปริมาณน้ำจะสูงมากขี้น
เติมใส่มาก น้ำอาจจะถึงขอบหรื่อล้นแก้วไปเลยก็ได้
ถ้าจะเอาน้ำในแก้วไปเทียบกับชีวิตคน
ตามการเวลา สายตาจะแย่ลงไปเรื่อย
ยิ่งแก่ ก็ยิ่งมองไม่ค่อยชัด
แม้จะปรับด้วยใส่แว่นหรือทำ lasik ก็ตาม
เมื่อสายตาผมหมดพลังไป เราต้องพึ่งพาอาศัยสายตาของแฟนแทน
อย่างที่เราทำไปเมื่อหา pick นั้นเองไม่เจอ จริงมั้ย
แต่ความรักที่เรามีให้กันเป็นยังนี้ด้วยรืเปล่า
คือมี จำนวนจำกัด
หรือความรักอาจจะต่างกันไป
เช่นตราบใดที่เรายังมีใจให้กัน
เอาใจใส่ และเทคแคร์กันดีพอ
ความรักไม่ต้องลดลงต่อการผ่านเวลาก็ได้
ไม่เหมือนพลังสายตาหรือปริมาณน้ำในแก้ว
คนยิ่งแก่ลงกันไป อาจจะยิ่งรักกันมากขึ้น เพราะเข้าใจกัน
และถ้อยทีถ้อยอาศัยกันในแบบน่ารักๆด้วย
เช่น ผัวจะเอาไม้เท้ามาช่วยเมียพยุงตัว เมื่อเมียทำข้าวให้กินกัน
ในมุมมองนี้ความรักจะกลายเป็นน้ำอมฤต ช่วยเราต่อชีวิตกัน
เราจะเอานํ้าทิพย์เติมแก้วความรักกัน
บทสรุป ผมน่าจะตาบอดก่อนหมดรักแฟนก็ได้ อิอิ

Wednesday, 1 July 2015

พระหนีชีวิตเข้าบวช


เคยมีพระองค์นึงที่ชอบแนะว่า ถ้าเจอคนที่ชอบสร้างปัญหาให้ตั
วเรา ห้ามรู้จักคนนั้นไป เพราะเค้าจะชวนเราปวดหัวฟรีๆ 
ฟังคล้ายกับว่าเค้าจะให้เราคว่ำบาตรคนที่เราไม่ชอบใจ
เท่ากับว่า พระองนี้จะเอาแพ้ก่อนสู้รึป่าว
หรือเคยสู้ไปแต่ขี้เกียจหรือเหนื่อยแล้ว ไม่อยากทำอีก
ทุกวันนี้เค้าทำอะไรกันอยู่ ยังมุดหัวซ่อนตัวไว้ที่วัดป่าว 
หรือฟื้นต้วกลับมาสู้กับชีวิตใหม่อีกแล้ว
คนปกติต้องเจอและแก้ปัญหาทุกวัน 
ก็เป็นเรื่องธรรมดา
แล้วก็เป็นเรื่องธรรมดาเช่นกันถ้าพระบางองจะเข้าบวชเพราะ ไม่อยากอยู่กับสังคมแล้ว
อาจจะพึ่งหย่ากับเมีย เป็นหนี้สิน ติดเหล้า เป็นเกย์ก็แล้วแต่ 
หรือบางคนเบื่อชีวิตเฉยๆ รู้สึกแพ้ใจ
เราอาจจะเห็นใจบ้าง เพราะเค้าสู้กับชีวิตตัวเองไม่ไหว
สุดท้ายก็เป็นเรื่องของเค้า ใครจะไปว่า
แต่ถ้าเค้าจะสอนหรือแนะให้คนอื่นหนีชีวิตจริงเช่นกัน อย่างที่เค้าเลือกทำอยู่
ผมขอพูดตรง
เค้าน่าจะให้คนสู้ก่อนแพ้
คนนั้นที่ชอบกวนใจเรา เราอาจจะยังคุยกันรู้เรื่องก็ได้นิ
โดยส่วนตัวผมคงจะนับถือพระที่ให้เราสู้กับชีวิตต่อ
ถึงจะเจอลำบากแค่ไหน
เพราะนี้คือชีวิดจริง
ไม่ไช่เจอปัญหาปุ๊ปต้องรีบเข้าบวช หรือซุกซ่อนตัวไว้ที่ห้อง ไม่เจอใคร
เพราะทำแบบนี้จะไม่ได้ช่วยอะไร
ในชีวิตจริง ถ้าเจอปัญหาเราต้องหาวิธีแก้ปัญหานั้นเพื่อเราจะอยู่ด้วยกันต่อไปได้
คือปรับความเข้าใจผิดซึ่งกันและกัน เริ่มต้นด้วยกันใหม่ได้
พระแบบที่ชอบหนี และสอนให้เราทำตามตัวอย่างของเขา สุดท้ายจะเป็นพระตาบอด เพราะเค้ามองไม่เห็นว่า เค้ากำลังทำร้ายชีวิตคน
เอาเข้าจริง คนส่วนมากไม่มีทางเลือก เราต้องแก้ปัญหาจนสำเร็จให้ได้ เพราะก็ต้องเข้าสังคม ถ้าไม่ทำมาหากินใครจะมาเลี้ยงเราแทน
คนอาจจะสร้างวัดไปด้วยหลายเหตุผล และวัดนั้นอาจจะรับคนเข้าบวชเป็นหลายรูปแบบ
แต่ไม่น่าจะสร้างไว้เพื่อจะให้พระใส้ไตรจีวรแล้วก็หนีชีวิตไป
ไม่ยังนั้นพระจะสอนฆราวาสอย่างไงดีเหรอ
เช่น 'ไม่ต้องไปสนใจปัญหาช้างนอกแล้วโยม มาร่วมกับอาตมดีกว่า ที่นี้เราไม่ต้องทำงานหนักหรอก หรือไปเผอิญปัญหาอะไรทั้งสิ้น เจ่านายไม่ด่า เมียไม่ดุ สนุกดีเอา'
ไม่เอามั้ง พวกพระต้องเป็นตัวอย่างให้ดีกว่านี้ ถึงจะไม่เจอกับปัญหาขีวิตแท้จริงอย่างพวกเราก็เหอะ 
พระต้องแนะให้เราสู้ๆต่างหาก ถูกมั้ย

โพส์ตเด่น

Blast from the past (part 1)

Jack's Point golf club, with the Remarkables range "คุณเคยมาที่นี่เมื่อก่อนนี้," ผู้จัดการร้านอาหารกล่าวอย่ างเป็นนัย ร้านอาหา...

โพส์ตนิยม