Showing posts with label บ้านต่างประเทศ. Show all posts
Showing posts with label บ้านต่างประเทศ. Show all posts

Thursday, 21 September 2023

20plus club (1)

เสารถไฟฟ้าเป็นสัญลักษณ์ยุค ราว 25 ปีที่แล้ว 
รูปนี้ถ่ายไปที่ถนนราชดำริ ช่วงที่กำลังสร้างสถานีรถไฟฟ้า ปี 1998

ฝรั่งที่ย้ายมาจากประเทศบ้านเกิด บินมาปักหลักที่เมืองไทย ยาวเกินกว่า 20 ปี อย่างผม

น่าจะรับรางวัล long-stayer's award

โดยเฉพาะพวกขยันขันแข็ง ที่สร้างตัวด้วยมือเปล่า

อาจจะมีเจ้านายไทยจ้างมาทำงาน แต่ไม่มีต้นทุนนอกจากเรี่ยวแรงตัวเอง

วันที่มาถึง อาจจะยังไม่มีเพื่อน ไม่มีแฟน ไม่มีที่พัก มีแต่ความหวังว่า
คงจะเจออนาคตสดใส

ผมเป็นหนึ่งคนในกลุ่มนั้น

ย้ายจาก New Zealand มาตั้ง 23ปี ที่แล้ว
แต่ยังรอรับรับรางวัลที่น่าจะเรียกว่า 20-plus club award อยู่เลย

ใครจะจัดให้

-
ผมชอบจะดูดซึมซับวิถีแห่งชีวิตของชาวไทยจนถ้าเราต้องกลับไปที่โน่นแล้ว
เราคงจะปรับตัวเองเข้ากับคนที่บ้านเกิดยาก

ช่วงเวลานานนี้ที่ผมอาศัยอยู่ที่ไทย  ตัวเราเอง
และประเทศบ้านเราดันมีการเปลี่ยนแปลงเยอะ จนแทบจำหน้ากันไม่ได้แล้ว

เจอฝรั่งหน้าใหม่ๆ ที่เพิ่งย้ายมาพักที่นี่ เราจะคุยกันรู้เรื่องมั้ย

เรายืนอยู่ในจุดที่ต่างกัน

เค้าเริ่มเดินทางของเค้า หลังออกจากบ้านอีกไม่นาน

แต่ผมเหยียบย่างเข้าพื้นแผ่นดินไทยก้าวแรกมาเนินนานมากแล้ว และไม่ค่อยอยากนึกถึงอดีต

ฝรั่งหน้าใหม่นั้น คงมีทั้งครอบครัว ญาติ และเพื่อน รออยู่เพื่อที่จะกลับไปที่นั้น

เค้าต้องถามตัวเอง ว่ายอมใจทิ้งสละทุกอย่างมั้ย เพื่อจะสร้างตัวที่อื่นไหม

และถ้าไม่อยากโยนทิ้งทั้งหมด จะเลือกเก็บส่วนไหนที่ดีเอาไว้

เพราะยิ่งอยู่ห่างจากบ้านนานๆ 
ความผูกพันของเราที่มีต่อประเทศบ้านเกิดจะยิงจืดจางลงไปเรื่อยๆตามกาลเวลา

อดีตของฝรั่งหน้าใหม่ๆนั้น ส่วนใหญ่จะยังติตอยู่ในใจของเขานั้นเอง

เค้ายังไม่ได้ขุดรากฐานมาปลูกถ่ายที่ไทยทั้งหมดหรอก

เค้าอาจจะรู้สึกลังเลใจ จะทุ่มเทใจกับชีวิตนี้ไหม หรือไม่

ร่างกายเค้าอาจจะอยู่กับเราจริงแต่ใจคงยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอก

ถ้าไม่อยากเริ่มต้นชีวิตใหม่จริง คือสร้างตัวจากจุดศูนย์ อย่างที่พวกเราเคยทำ

เค้าอาจจะเลือกกลับบ้านเกิดไปก่อน

อนาคตของเค้าจะรุ่งเรืองมากกว่าถ้าเค้ายังอยู่กับครอบครัว วัฒนธรรม
และลีลาชีวิตที่เค้ารู้จักและเข้าใจมั้ง

ส่วนพวกเราที่เป็นสมาชิก club 20-plus นั้น

ยิ่งห่างจากประเทศบ้านเกิด ก็ยิ่งรู้สึกว่า
เราทิ้งอดีตของเราที่บ้านเก่าเรียบร้อยแล้ว
และไม่ยากกลับไปรื้อร่องรอยของมันด้วย

เราเลือกลงทุนทุกอย่าง ทั้งแรงกายและแรงใจ ที่นี่

กทม ปี 1997
ถ้ากลับไปที่บ้านเก่า อย่างน้อยเราจะต้องเริ่มต้นใหม่ อายุเริ่มแก่ขึ้นซะแล้วด้วยสิ จะยังไหวมั้ยละ

เราต้องเตือนใจคนใหม่ๆไว้ก่อนอย่างนี้

ถ้าไม่กลับไปหาครอบครัว ญาติๆ หรือเพื่อนเก่า บ่อยๆ
สักวันเราจะรู้สึกห่างเหินกันแน่นอน

ความจำจะเลือนลางและความรู้สึกที่ดีจะหายไปจนกระทั่งเราจะเกิดขี้เกียจไม่อยากขึ้นเครื่องแล้

เอาไหม ขอบอกอีกด้วย

ถ้าประเทศเราเปลี่ยนแปลง เราต้องเปลี่ยนตามไปด้วยถูกมั้ย

แต่ถ้า 'ประเทศของเรา' กลายเป็นประเทศไทยแทนประเทศบ้านจริง ละก็

เราต้องทำตัวเหมือนกิ่งก่าที่เปลี่ยนสีไปตามพื้นที่ ที่มันอาศัยอยู่เหมือนกันนั้นเอง

พื้นที่ประเทศไทยหรือพื้นที่ประเทศบ้านเกิดยังไงก็ยังเป็นพื้นที่ที่พักอาศัยได้อยู่ดี

คือในฐานะตัวเราถือว่าเมืองไทยกลายเป็นบ้านใหม่ของเราเสียแล้ว
เราต้องยอมให้ประสบการณ์ที่เราเจอกันที่นี่ หล่อหลอมตัวเราเป็นหลัก
ถ้าตั้งใจรักเมืองไทยจริงๆ

เหมือนคนที่เปลี่ยนแปลงความภักดีต่อประเทศเลย

พอถึงวันนั้น เราจะมีเหลือต่อประเทศบ้านเกิดแค่ความทรงจำหรือว่าญาติๆ ที่ยังไม่ลืมตัวเราไป

ส่วนฝรั่งหน้าใหม่นั้น เราคงเข้าใจเค้าในระดับหนึ่ง

ที่ว่า ถ้าเราให้เค้าบอกเล่าว่า ชีวิตที่ประเทศบ้านเกิดของเรา
เปลี่ยนไปยังไงในช่วงเวลา 23 ปีนี้ที่เราไม่อยู่

เค้าคงพูดไม่ออก

เช่นเดียวกับผม

ถ้าเค้าถามว่าชีวิตในเมืองไทยของเราเป็นยังไงเราคงต้องคิดยาว จะเริ่มต้นยังไงดีเนอะ

เพราะเราและประเทศไทยของเราต่างเปลี่ยนแปลงไปเยอะมากตั้งแต่มาเมื่อ 23 ปีที่แล้ว

ไม่พูดดีกว่า เดี๋ยวเจ็บคอ

-
ฝรั่งที่เป็นสมาชิก 20-plus club เลือกปักหลักเมืองไทยด้วยเหตุผลหลากหลาย

บ้างก็หยากหนีสภาพอากาศมืดมนที่ประเทศบ้านเกิดเค้า มาที่ไทยซึ่งแดดออกแรงเกือบทั้งวัน

เช่นชาวอังกฤษที่ชอบบ่นว่าที่บ้านเกิดฝนตกไม่หยุด

บ้างก็ไม่มีงานทำที่ประเทศบ้านเกิด หรือมาเที่ยวไทยแต่ดันไปทำ ผู้หญิงไทย
ท้องและอยากรับผิดชอบ

เลยย้ายมาที่นี่สร้างครอบครัวกั

ส๋วนผม ผมหนีทั้งแฟนเก่าที่นอกใจ ครอบครัวที่ชอบเสือกเรื่องส่วนตัว
และงานที่ผมทำไปแล้วที่ประเทศบ้านเกิดหลายปีจนเบื่อ

now, see here

Saturday, 20 August 2022

เถ้ากระดูกเดินทางไกล (13, final)

เดวิด โทนี่ และ ลูกๆ ปี 2009

สำหรับ นาย Stewart ผู้ที่กระทำผิดต่อน้องชายเรา

ทางศาลเห็นด้วยว่า นาย Stewart ทำร้ายกับเด็ก 7 คนทั้งหมดรวมถึงน้องเราด้วย ตามที่อัยการฟ้อง
แต่เนื่องจากว่า ชาวบ้านแถวบ้านเค้า ดันไปยุ่งกับคดี นาย Stewart โดยขึ้นป้ายประกาศว่าเค้าชอบทำร้ายเด็ก และนำพาให้นาย Stewart มีความอับอายเกิดขึ้น
ผู้พิพากษาอ้างว่า นาย stewart โดนสังคมประนามพอแล้ว เลยสั่งให้จำเลยไม่ต้องติดคุก
เค้าถูกลงโทษเป็นจำคุกโดยรอการลงอาญา 2ปี แทน
น้องชายเราโกรธเมื่อได้ยินข่าวร้ายนี้
แต่เมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว เราได้ยินข่าวเสริมว่า ทางรัฐขับไล่นาย stewart ออกจากประเทศเรียบร้อยแล้ว
ในฐานะเค้าถูกตัดสินลงโทษเป็น child abuser (ถึงไม่ต้องติดคุกก็ตาม)
เค้าถูกเนรเทศกลับไปที่ประเทศเกิดคือ นิวซีแลนด์ นั้นเอง
-
ส่วนโทนี่ อดีตเมียน้องชายเรา เราเห็นจากเฟซเค้าว่า โทนี่คิดว่าน้องเสียชีวิตด้วยการฆ่าตัวเองตาย
เป็นผลที่มาจากการโดนทำร้ายสมัยตอนเป็นเด็ก
ซึ่งอาจจะมีหลายคนคิดเช่นนี้เพราะน้องยังอายุน้อย ตอนเสียชวิต อายุแค่ 44 ปีเอง
อย่างที่รู้กันอยู่ สภาวะฆ่าตัวเองตาย มีความอัปยศทางสังคม
ฝรั่งมักจะคิดว่า คนที่ตัดสินฆ่าตัวเองตาย เป็นพวกขี้แพ้ ไม่ยอมสู้
ผมไม่อยากให้ลูกๆ ของน้องคิดแบบนี้ถ้าคิดถึงพ่อเค้าหรอก
น้องของเราสู้เป็นใจนักเลงจะตาย
หลังจากเค้าเลิกกับเมีย
เดวิดใช้เวลา 18 เดือนก่อนจากไปนั้น
วางแผนเริ่มชีวิตใหม่
เดวิดซื้อรถแพงๆ สองคัน ขายบ้านลงทุนสองหลัง มูลค้ารวม $1.4 ล้าน แล้วก็มุ่งมั่นใช้ frequent flier points เพื่อไม่ให้อดีตเมียได้เรียกแต้มนี้คืนในการแย่งสมบัติสินสมรส
(ผมได้รับผลประโยชน์จากการ burn แต้มน้องด้วย เมื่อน้องไปเที่ยว สิงคโปร์และ ไทย สองเดือนก่อนจะเสียชีวิต และแวะมาหาผมที่ กทม ด้วย)
นี้คือนิสัยขี้แพ้เหรอ
ไม่ใช่เลย
แต่ผมกลัวว่าลูกๆน้องคงไม่รู้ความจริง
และตราบใดที่โทนี่ไม่ให้ครอบครัวได้เจอกัน
คงจะหมกมุ่นคิดผิดว่า น้องตกเป็นเหยื่ออย่างเดียว
โทนี่เรี่ยไรเงินบริจาคให้องค์กรป้องกันการฆ่าตัวเองตาย
โทนี่จะไม่มีวันรับผิดหลอกว่า การกระทำที่แย่ๆของเค้าเอง พาน้องไปเจออันตรายจนถึงขีดจนเสียชี
วิต
เพราะฉะนั้นเค้าต้องอ้างว่า เดวิดเสียชีวิตด้วยมือตัวเอง เป็นการฆ่าตัวเองตายเท่านั้น
เหมือนตัวเค้าเองที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
ซึ่งไม่จริงเลย
โทนี่ยังกลัวว่าความจริงจะถูกเปิดโปงออกมา เลยกั้นไม่ให้เราเจอกัน
เราเห็นสันดานเค้าได้ชัดเลย
-
ตอนนี้ เถ้ากระดูกน้องถูกแบ่งแยกคนละที่กันระหว่าง
อยู่ที่อดีตเมียเค้าที่ออสซี่ และ ที่ครอบครัวเรา
ในเวลาต่อไปจะมีโอกาสให้เดวิดกลับมารวมเป็นร่างเดียวกันอีกมั้ย
ก็ขึ้นอยู่กับกาลเวลาผ่านไป ตอนนี้เรายังไม่เข้าใจกัน
แต่สักวันหนึ่ง รอยร้าวระหว่างครอบครัวเราอาจจะสมานติดกันบ้างก็ได้
รุ่นหลังๆ จะลองใจพูดคุยกันในวันข้างหน้ามั้ย โดยผู้ใหญ่ไม่รับรู้
เราจะลุ้นกันตรงนี้
กว่าวันนั้นจะมาถึง
ผมขอเฝ้าดูโกศอัฐิของน้องเราที่ผมวางเค้าไว้ในมุมหนึ่งของห้องนอนเราละกัน
และขอให้น้องเราเฝ้าดูผมเช่นกัน

เถ้ากระดูกเดินทางไกล (12)

Royal Commission ทำง่านอยู่
Update:

น้องสาวสองคนของผมยังเป็นผู้จัดการมรดกของ ทรัสต์ ที่เดวิดแต่งตั้งขึ้นก่อนเสีย
โทนี่ก็ยังยื่นข้อเสนอให้ ทรัสต์ ออกค่าใช้จ่ายหลายสารพัดให้ลูกๆเค้า แทนที่เค้าจะออกเอง
น้องสาว ในฐานะเป็น trustees อาจจะอนุมัติออกตังค์ให้บ้าง ไม่ออกให้บ้าง แล้วแต่พิจารณา
เค้าทำหน้าที่นั้นตั้งแต่น้องชายเราเสีย
แต่ในระยะเวลา 10 ปีมานี้ ไม่เคยคุยกับอีโทนี่ หรือว่าเจอลูกเค้าเลย
เพราะอีโทนี่ไม่อยากให้เราเจอกั
แม้ว่าเราตกลงเรื่องมรดกกันเรียบร้อยแล้ว

Ian Paterson
หลังจากที่ เด็กๆ ในสถาบันต่างหลายแห่ง เช่น รร นิกายศาสนา สถานที่เลี้ยงดูเด็กกำพร้า ฯลฯในออสเตรเลีย
ตกเป็นเหยื่อ child abuser และออกเป็นข่าวหลายปีต่อเนื่อง
รัฐบาลออสเตรเลียแต่งตั้ง Royal Commission into Institutional Responses to Child Sexual Abuse (ซึ่งน่าจะแปลเป็น พระราชกรณียกิจสอบสวน
การตอบสนองของสถาบันต่อการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก) ในพฤศจิกายน มกราคม 2012
เพื่อจะสืบสวนเรื่องและให้มีการแก้ไข
commission นั้น (หรือเรียกกันว่าคณะกรรมการ) ยก Knox เป็นกรณีศึกษา
อดีตนักเรียน 12คน ที่ตกเป็นเหยื่อจากครู
ให้การในเฮียร์ริ่ง รวมถึงพ่อแม่บางคนด้วย
คนที่ถูกกล่าวหาว่า ละเลยต่อหน้าที่ ถูกเรียกให้การต่อหน้าคณะกรรมการ และฝ่ายร้องทุกข์คือพ่อแม่และผู้เป็นเหยื่อ
หนึ่งในนั้นคือ นาย Paterson ครูใหญ่ Knox สมัยนั้น
ที่มี pedophile ring อยู่ใต้ร่มเงาเค้า แต่กลับเพิกเฉย ไม่ได้ทำอะไรเลย
ในรายงานต่อรัฐสภา คณะกรรมการเห็นว่า นาย Paterson ทำผิดและให้การเท็จที่อ้างว่าไม่รู่เรื่อง
ถึงแม้ว่า นาย Paterson ตอนนี้ยังไม่ได้ถูกฟ้องคดีแต่อย่างใด
แต่ชื่อเสียงเค้าไม่มีเหลืออะไรแล้ว เค้าจะเอาหน้าไว้ที่ไหนไม่รู้
ส่วน Knox นั้น ถูกอดีตนักเรียนผู้เป็นเหยื่อของ sex ring นั้น ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเป็นหลายล้านดอลลาร์

มีต่อ

เถ้ากระดูกเดินทางไกล (11)

ผม พ่อแม่ และครอบเดวิดรวมตัวกันไปเที่ยว มาเลเซีย ปี 2009 (เดวิดไปต่อที่ เวียตนาม ด้วย) 4 รูปๆนี่ก็มาจากทริปนั้น




ครอบครัวไหนที่เสียสมาชิกในครอบครัวก่อนวั
ยอันควร มักจะลงโทษตัวเองบ้าง ที่ไม่ได้ช่วยเค้าให้มากกว่านี้ พ่อแม่ไม่อยากให้เราคิดแบบนั้น
เพราะพวกเราทำดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
ในวันที่ 6 กันยายน 2017 แม่บอกว่า

Try not to wonder if you "did enough" as a brother. It is frighteningly easy to blame yourself, and unfortunately we too are also very good at it.  It is soul-destroying. Not being able to say goodbye and tell him how much we loved him was devastating for us (as it would have been for you and each of the girls).

แต่ผมรู้ว่า ตอนที่น้องชายหนักใจเรื่อง abuse และ divorce นั้น เค้าต้องมีเวลาบ้างที่ต้องสู้คนเดียว เพราะผมไม่อยู่ ผมลาจากนิวซีแลนด์ และย้ายไปที่เมืองไทย 1-2 ปี ก่อนที่น้องชายเราจะได้แต่งงานกับอีโทนี่ไป
ตอนนั้นผมไม่ได้รู้หรอก ว่าคงไม่กลับไปที่ออสซี่หรือ
นิวซีแลนด์นั้น

เราย้าอยจาก Christchurch ในเดือนสิงหาคม ปี 2000 ซึ่งตอนนั้นน้องยังไม่ได่แต่งงานเลย 

แต่ถ้ามองย้อนกลับไป ก็ราวกับว่าผมเดินออกจากชีวิตครอบครัวเราตอนนั้น
ปีต่อจากนั้น น้องสาวเราสองต่างก็แต่งงานกันที่ นิวซีแลนด์ ด้วย
แต่ผมไม่ได้กลับไปร่วมงานแต่งเค้
และไม่ค่อยได้เจอลูกๆเค้าด้วย
แต่ละคนต่างก็มีลูกสามคนที่โตเป็นวัยรุ่นแล้ว
เค้าโตมาโดยผมไม่ได้ทำหน้าที่เป็นน้า
เราแทบไม่รู้จักกันเลย
อย่างนั้น ถ้าผมรู้สึกผิดนิดหนึ่งที่ช่วยน้องเดวิดไม่ได้ ก็ไม่น่าตกใจ
ผมแทบจะไม่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของใครเลย
-
ผมเขียนวลีสั้นๆนี้เอาไว้เป็นที่ระลึกถึงน้องชายและชอบอ่านเวลาคิดถึงเค้า
เนื้อหาย้อนถึงวันนั้น ที่น้องพาผมไปที่สนามกอล์ฟ และสอนการจับไม้กอล์ฟให้ถูกต้อง
เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่เราได้เล่นกัน

I didn't see much of you as an adult
and I wish I'd told you when I could
you will always be my brother
even as our spirits age.
One day we'll meet again
and tee off golf shots into the sky.
until then, be cool, my brother
you're with us every day.

มีต่อ 

เถ้ากระดูกเดินทางไกล (10)

Melaleuca Station Memorial Gardens and Crematorium

ศาลแฟมิลี่ตีตราประทับอนุมัติการตกลงเรื่องมรดก
แล้วก็ออกคำสั่งตามเนื้อความว่า พ่อแม่ต้องเอาเถ้ากระดูก ส่วนแบ่งของฝ่ายลูกโทนี่ ไปฝากไว้ที่สถานที่ปลงศพ
หมายถึงพ่อแม่ต้องบินกลับไปออสซี่อีกที เพื่อทำตามคำสั่งนั้น
เพราะหลังจากน้องเราเสีย พ่อแม่ตัดสินใจขายบ้านที่ Tweed Valley นั้นแล้วก็ย้ายกลับไปที่นิวซีแลนด์ฟูลไทม์
อยู่ที่บ้านออสซี่ที่ไรก็นึกถึงน้อง รู้สึกเศร้าเกินไปที่จะรับได้
พ่อแม่เลยบินกลับไปที่ออสซี่ เป็นทริปเศร้าโศกเหลือเกิน
เค้าเช่ารถจากเมือง Brisbane ขับรถเดินทางไปที่ tweed valley ต่อ ระยะทาง 130 กิโลเมตร
ในระหว่างทางก็พักแรมมี่ รร
พ่อแม่เลยเปลี่ยนโฉมเป็น grey nomad เพื่อทำหน้าที่ที่ไม่อยากทำหรอก
โทนี่เลือกสถานที่ปลงศพใหญ่ๆ ในแถบทวีดวลลี้ tweed valley ชื่อ
Melaleuca Station Memorial Gardens and Crematorium
เห็นจากตึกใหญ่ในรูป เป็นสไตล์โกธิค
Melaleuca เป็นสถานที่โด่งดังแถวนั้น มีประวัติศาสตร์ยาวนานด้วย
จากดังเดิมเป็นไร่อ้อย 4 ha สมัย 20 ปีที่แล้ว
ต่อมาเปลี่ยนเป็นที่เพาะต้นไม้ เล็กๆ
และล่าสุดพัฒนาขึ้นกลายเป็น ฌาปนสถาน
ที่ประกอบไปด้วยกับร้านอาหารที่เค้าเรียกว่า
Reflections cafe

เอาไว้เพื่อนึกถึงคนที่จากไป
วันนั้นที่พ่อแม่ ทิ้งเถ้ากระดูก น้องไว้ตามคำสั่งศาลแฟมิลี่
เค้ามีดราม่านิดหนึ่ง
พอไปถึงแล้วก็เป็นช่วงเวลาดึกดื่น
พ่อแม่ถามเจ้าหน้าที่ ว่าต้องฝาก ashes น้องเราเอาไว้กับใคร
แต่ไม่มีใครรู้เรื่องอะไรเลย
แม่ต้องควักใบมรณะด้วยพร้อมกับคำพิพากษาของศาลออกให้เจ้าหน้าที่ดู
โชคดีหรือไม่ก็ไม่รู้ พอเห็นหลักฐานพ่อแม่แล้ว เค้าก็ตกลงรับฝากโกศเดวิด
แล้วก็บอกว่า จะรับมอบส่งให้ไปยังนางเมียเก่าน้องชายเราที่ขี้ลืม นั้นให้
คือเราต้องถามหน่อยสิ มึงอยากเอาจริงๆหรืออยากแกล้งเฉยๆ
นี่พ่อแม่ผมนะ เค้าแก่แล้ว ไม่ใช่เป็นของเล่นของมึง

มีต่อ

เถ้ากระดูกเดินทางไกล (9)

บ้านน้องชาย (สองรูปนี้)


ถึงว่าเราจะไม่ได้คุยกันแล้ว แต่อดีตเมียน้องชายเราต้องเป็นตัวปั่
นป่วนให้ได้
หลังจากทาง รพ มอบส่งศพน้องเราให้พวกเรา
ฝ่ายโทนี่บอกผ่านทางทนาย ว่าเค้าอยากตั้งงานศพให้น้องเราที่ริมชายหาด หน้าบ้านเค้า
แล้วก็ชวนพวกเพื่อนพ้องและญาติไปรวมตัวกันที่นั้น ซึ่งพวกเราต่อต้าน
เราคุยกับบริษัทรับจัดงานศพแถวนั้นว่าจะทำอะไรดีในเคสที่ทั้งสองครอบครัวที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกัน
เค้าเล่าให้ฟังว่า เคยมีเคสแบบนี้มาก่อน ที่ฝ่ายหนึ่งจ้างให้เค้าจัดประกอบพิธีฌาปนกิจศพ
แต่พอรับรู้ อีกฝ่ายซึ่งอยากตั้งงานศพของเค้าเอง บุกเข้าสถานที่และแย่งยึดเอาศพไปก่อนงานศพเสร็จ
เค้าแนะให้เราจัดงานเงียบๆโดยไม่แจ้งหรือชวนใคร
จากนั้นพอถึงนัดงานเผาศพ เรารวมตัวกันที่ funeral home นั้น
และค่อยทยอยเดินไปมองศพน้องเราที่ตั้งไว้ในห้องรับแขกหลังผ้าม่าน ที่ละคนเพื่อบอกลาก่อนน้องเราจนเสร็จ
จบแล้วเรานั่งในห้องรับแขกมองดูโลงศพน้องเราถูกเอาเข้าเตาเผา
ตามคำแนะทาง funeral home เราไม่ได้ชวนใครให้ร่วมงานนอกจากครอบครัวเราเอง
แน่นอนฝ่ายโทนี่ไม่พอใจที่เราทำกันแบบนี้
ในเวลาต่อมา โทนี่บ่นกับทางทนายว่า ลูกๆของน้องเราไม่มีที่ไว้อาลัยพ่อเค้า (แต่เค้ายังจัดงานไว้อาลัยส่วนตัวที่บ้านโดยไม่มีศพ)
ซึ่งก็จริง แต่พ่อแม่เราใจบุญดี ไม่ได้ลืมลูกหลานหรอก
เค้าให้ทางบริษัทรับจัดงานศพนั้น แบ่งแยกเถ้ากระดูกเป็นคนละส่วนกัน ส่วนหนึ่งเราจะเก็บจัดแบ่งแยกต่อกันเองในครอบครัวของเรา คนละชุด อีกส่วนหนึ่งเราจะเก็บเอาไว้ให้ลูกๆของน้องเรา ซึ่งพ่อแม่กะว่าจะมอบส่งให้ด้วยมือเค้าเอง หลังจากลูกหลานนั้นโตพอที่จะเค้าใจเรื่องที่เกิดขึ้น
-
ต่อจากงานศพนั้น
ทั้งสองฝ่ายเริ่มเจราจากันเรื่งมรดกน้องเรา
น่าเสียดายที่พินัยกรรมของน้อง ไม่ระบุว่าเราต้องจัดการกับเถ้กระดูกเค้ายังไง
เพราะอีโทนี่ถือโอกาสนี้ไปต่อรองเรื่องให้ยืดยาดเป็นอีกหลายปี
โดยโทนี่ถือเอาเรื่องเถ้ากระดูกให้เป็นเรื่องใหญ่ในการเจราจา
เค้าเรียกร้องขอให้เก็บเถ้ากระดูกน้องเราไว้ที่ australia ก่อน
ลูกหลานเราจะได้ไปสถานที่จัดเก็บโกศเถ้ากระดูกนี้เพื่อรำลึกนึกถึงพ่อเค้าได้
เราไม่ยอมเพราะพวกเราส่วนใหญ่อาศัยอยู่ที่ new zealand เกือบหมด
นอกนั้นก็มีเรื่องที่ พ่อแม่เราอยากได้เจอหลานๆ บ้างแล้วก็มอบส่งเถ้ากระดูกไปเอง
แต่โทนี่ปฏิเสธคำร้องของเราไป
โดยยืนกรานว่า พ่อแม่ต้องฝากเถ้ากระดูกส่วนของให้ลูกเค้านั้น ไว้ที่สถานที่ปลงศพใกล้บ้านเค้า และห้ามไปติดต่อลูกๆเค้าอีก
พ่อแม่เสียใจ เพราะรักลูกเดวิดมาก และอยากได้กอดลูกหลานด้วยอีกบ้าง
ลูกหลานสามคนนี้เป็นร่องรอยเชื้อสายสุดท้าย ของเดวิด ที่ยังอยู่บนโลกนี้
แต่อีโทนี่ อดีตลูกสะใภ้ใจดำไม่ยอมให้พบเจอ
การเจราจากันเรื่องแบ่งแยกมรดกระหว่างโทนี่กับทรัสต์นั้น ใช้เวลา 4.5 ปีถึงสำเร็จ
ข้อเรียกร้องเกี่ยวกับเถ้ากระดูกเป็นข้อขัดแย้งกันอันสุดท้ายที่ทั้งสองฝ่ายต่างต้องสู้กันก่อนจบ
โทนี่ขู่ว่าถ้าเราไม่ยอมอ่อนข้อ เค้าจะเอาเรื่องขึ้นในศาลครอบครัเลย และเรียกพ่อแม่เรามาเป็นพยาน
เค้าเลื่อนเวลาออกไปถึงสามวันสุดท้ายก่อนกำหนดเวลาขึ้นศาลเป็นเฮียริง
น้องสาวพร้อมทนาย ต้องยอมอ่อนข้อให้เค้าเพราะไม่อยากขึ้นศาล
โดยทิ้งข้อเสนอของฝ่ายเราว่าจะส่งเถ้ากระดูกให้ลูกเค้าเอง
และให้พ่อแม่ฝากทิ้งเถ้ากระดูกไว้กับสถานที่ปลงศพที่โทนี่เลือก
ทนายที่จัดการเรื่องบอกพ่อแม่ตอนหลังว่า

Toni pushed it to a point where we were forced to prepare all the trial affidavits and documents. It was ultimately only days before the trial was scheduled to start, on 19 October 2016, that further compromises were made by both sides and agreement on every point was reached.

If, when and how the ashes should be provided to the children was the only issue in the end that was impossible to resolve and unless a compromise was able to be reached, would have meant the derailing of the entire settlement and the full two day hearing proceed.(อีเมล, 14 ก.พ 2017)


เถ้ากระดูกเดินทางไกล (8)

Aerial view of Pottsville

ผมขอไม่ไล่เหตุการณ์ที่นำไปสู่น้องชายเสียชีวิต

หลังจากน้องชายเราตายไปแล้ว ทั้งพ่อแม่ ผมและ น้องสาวสองคนต่างรวมตัวกันที่ พ็อตสวิลล์ Pottsville แถบ Northern Rivers นั้น

เพื่อจะจัดการงานศพน้องชายเรา

แต่ไม่ได้ไปหาทางบ้านอดีตเมียเค้าหรอก

เพราะอีโทนี่เลิกคุยกับพวกเราก่อนหน้านี้

แต่งานอันดับแรกคือเราต้องเก็บสิ่งของส่วนตัวที่น้องทิ้งคาเอาไว้ในหลายแห่ง

(เดวิดเป็นเจ้าของบ้านลงทุนหลายหลัง หลังเลิกกับเมียเค้าหอบสิ่งของตระเวนพักไปทั่ว)

หน้าที่ของเรา เหมือนเราต้องสะสางงานที่คั่งค้างอยู่ตอนที่เค้าจากไป

เช่นช่วงต้นๆ เราตามหา จิตรกรรมอันหนึ่ง ที่เค้าฝากให้เอาไปเข้ากรอบให้ที่ร้านใกล้บ้าน

แต่ไม่มีใครรู้แน่เป็นร้านไหน

ซึ่งเราแวะไปถามดูหลายที่ แต่หาไม่เจอ

นอกนั้นเราต้องตามหา laptop น้องที่หายไปเช่นกัน

ที่เค้าน่าจะเอาเข้าซ่อม แต่ไม่มีใครรู้ว่า เอาไปซ่อมที่ไหน

ทั้งนี้เหมือนเราต้องใส่หมวกรับบทเป็นนักสืบกัน

เราได้เจอคนสำคัญๆ ในชีวิตประจำวันของน้องชาย

เช่นหมอเพื่อนร่วมหุ้นส่วน และ เจ้าหน้าที่พยาบาลในคลินิกเค้า

ผู้จัดการที่บ้านพักคนชราที่น้องทำงานด้วย

แม้แต่ครูที่ รร อนุบาลที่ลูกๆเค้า เรียนอยู่

ทุกคนช็อกกันหมดที่น้องเสียชีวิตกระทันหันแบบนี้

แต่พวกนี้ที่น้องชายเรารู้จัก

ช่วยเติมเต็มภาพชีวิตของน้องเรา

ว่าเค้าเป็นยังไงบ้างในวันๆสุดท้าย

พอเก็บข้าวของในบ้านที่น้องเราลงทุนซื้อไว้ ในที่พัก ที่คลินิก พร้อมกับอุปกรณ์ทำงาน ต่างๆ เสร็จแล้ว

ต่อจากนั้นเราหันไปดำเนินการเรื่องงานศพอีก ซึ่งก็ยุ่งเหยิงเหลือเกิน

-

ย้อนเวลากลับไปหน่อย หลังจากน้องเราแยกทางกับโทนี่และต่างฝ่ายต่างตัดสินใจว่าจะหย่ากันโดยเด็ดขาดให้ถึงที่สุด

น้องเราพร้อมกับทนายของเค้าเตรียมตัวเข้ารบในศึกครั้งนี้โดยจัดตั้งระบบทรัสต์ทางการเงิน

เอาไว้ดูแลลูกๆในอนาคตข้างหน้าเรื่องค่าเรียน ค่าประกันสุขภาพ ฯลฯ ซึ่งทรัสต์จะรับหน้าที่ออกค้าใช้จ่ายนี้เองให้ลูกเป็นผู้รับผลประโยชน์ จนลูกต่างคนจะย่างเข้าอายุ 18 ปี

แต่เป้าหมายแฝงคือช่วยป้องกันเมียเข้ามาแย่งชิงสินสมรสเกินสมควร

ให้เป็นทรัพย์สินตัวเอง

พูดง่ายๆ น้องอยากทิ้งตังค์ให้ลูกๆของเค้า ไม่ใช่เมีย

ทั้งนี้เค้าจัดตั้งน้องสาวสองคนของเราให้เป็นทั้งผู้จัดการ (trustees) ของทรัสต์นั้น และเป็นผู้จัดการมรดกของพินัยกรรมเค้าไปด้วย

-

กลับไปที่ Pottsville นั้น

สำหรับขั้นตอนทางกฏหมายต่อ ที่เรียกกันว่า probate หรือการพิสูจน์ว่าพินัยกรรมถูกต้อง

เราต้องให้ทนาย ช่วยจัดการแบ่งแยกส่วนสินทรัพย์ รวมถึงบ้านและที่ดิน กรมธรรม์ประกันภัย

และหุ้นที่เค้าซื้อไว้ ระหว่างโทนี่และทรัสต์นั้น ในเวลาต่อไป

ทนายก็ต้องสะสางสถานประกอบการหรือขายของทิ้งไปตามหน้าที่

ฝ่ายทนายจะช่วยน้องสาวของผม ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดก

มาดูแลเงินที่น้องฝากทิ้งไว้ในทรัสต์ ให้ลูกๆ ด้วยเป็นอีกแรงหนึ่งเช่นกัน

ซึ้งอดีตเมียชอบแย่งชิงเรื่องนี่เหมือนกัน

ทั้งๆที่รู้ว่าอะไรที่เค้าจะแย่งเป็นสินสมรสส่วนของเค้า ต้องออกจากวงเงินที่น้องเราทิ้งเอาไว้ให้ลูก

ก็เท่ากับว่าจะหยิบเอาของคนโน้นมาให้คนนี้ในวงเดียวกัน ซึ่งไร้ประโยชน์ทั้งนั้น

เรื่องแบ่งมรดกเป็นมหากาพย์ใช้เวลานานหลายปีถึงจะจบได้

โดยตลอดเวลานี้ อีโทนี่ไม่เคยยกหูโทรศัพท์คุยกับเราสักที

และไม่ยอมให้พ่อแม่ผม ไปเจอลูกๆเค้าด้วย

มีต่อ

เถ้ากระดูกเดินทางไกล (7)

Queenstown

ผมกับน้องชายได้มีโอกาสคุยถึงเรื่องนี้กัน แค่ครั้งเดียวเอง เมื่อครอบครัวเรารวมตัวกันฉลองวันเกิด 70ปี ของแม่ที่ Queenstown, New Zealand
ในเดือนพฤษภาคม 2012
วันนั้นเราออกไปเดินเล่นกัน พ่อแม่น้องสาวเดินแยกออกไปไหนกันไม่รู้
น้องชายกับผมนั่งรอเค้ากลับมา ที่เนินหญ้าในกลางเมือง
วันนั้นเป็นครั้งแรกที่เราได้เปิดใจคุยเรื่องบาปที่ครูนั้นทำกับน้อง
น้องไม่ได้รอช้า พอนั่งปุ๊บเค้ารีบเข้าประเด็นเล
'อีแบรี่นี้เคยทำอะไรกับไมเคิลบ้างมั้ย'
Barrie Stewart ผู้ที่ทำน้องเรา เป็นเพื่อนของครอบครัวเรา
สมัยเด็กน้องชายกับผมเคยไปนอนค้างแรมที่บ้านเค้าด้วย
ผมจำได้อยู่ว่า มืออีแบนรี่คืบคลานเป็นไม้เลื้ยจริงๆ แต่โชคดีผมไม่ได้โดนอะไรมาก
'หนักสุด เค้าลูบขาผม ตอนอยู่บนรถเค้า' ผมตอบสั้นๆ
'ผมเคยโดนในรถเค้าเหมือนกัน' น้องบอก
แน่นอน น้องคงโดนหนักกว่าผมอีก แต่ผมไม่กล้าถาม (เอาเข้าจริงไม่อยากรู้ด้วย)
'ผมรู้ว่าแกเจ็บใจ แต่ถ้าเป็นไปได้ แกน่าจะมองไปข้างหน้า ไม่ต้องหมกมุ่นกับเรื่องนี้ เพราะแกยังเป็นคนเดิมๆของเรา' ผมเสริมให้กำลังใจเค้า
น่าจะเป็นคำแนะนำคำเดียวที่เราฝากไว้กับน้อง
อาจจะดูไม่พอ แต่ผมไม่รู้จะพูดอะไรดี เพราะกิริยาสะท้อนกับเหตุการณ์แบบนี้ ทุกคนไม่เหมือนกัน
-
บ้านพ่อแม่ที่ Burringbar ใกล้บ้านน้องชาย (สามรูปนี้)



ย้อนกลับไปถึงเดือนกุมภา ปี 2009 ตอนที่ข่าวพึ่งออกมา
เมื่อพ่อแม่รู้ว่าน้องโดน นาย Stewart ทำ
เค้าตกตะลึงและเสียใจด้วย ที่ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเป็นเวลาหลายปี
แต่พอเห็นแล้วว่าน้องเกิดอาการเครียด จิตใจไม่สบาย เริ่มทำอันตรายกับตัวเอง
พ่อแม่คิดว่า ต้องไปอยู่ใกล้กับเค้า
เค้าเลยตัดสินใจจัดซื้อบ้านใกล้กับบ้านน้องชายเรา และค่อยบินไปเที่ยวหาน้องชายเราทุกสามเดือน
จากบ้านหลักซึ่งยังอยู่ที่ไครสต์เชิร์ชนั้น
จะได้ช่วยเค้ารับมือกับเรื่องนี้ และปัญหาหนักขึ้นต่อเนื่องที่อีเมียก่อให้น้องหลังตัดสินเลิกกั
แกอยากให้ช่วยน้องปรับชีวิตให้ดีขึ้น
แต่ที่จริงแล้ว พ่อแม่คงทำอะไรไม่ได้มากนัก ถ้าน้องรับมือกับปัญหานี้เองไม่ไหว
เช่นเค้าไปหานักจิตวิทยาหลายคน ไปบำบัดตัวรักษาอาการกินเหล้าอีก แต่ไม่ค่อยได้ผล
พ่อแม่ต้องเห็นน้องเราหมดสภาพทางร่างกายและจิตใจไปเรื่อย
แม่บรรยายความรู้สึกออกมาเป็นคำพูดดังกล่าวนี้

If only we had known more (about child sex abuse) when he needed the most support, and known how best to manage the situation in which we all found ourselves. It was just the most terrible time of our lives. We felt so isolated, desperate, confused and frightened.  
I cannot imagine how it must have been for him. And three years later, when he died unexpectedly and so suddenly, we could hardly believe it had happened. It felt as though we were watching from the sidelines, and this was someone else's family, not ours (อีเมล์ 6 ก.ย. 2017)

มีต่อ 

เถ้ากระดูกเดินทางไกล (6)

Aerial shot of Knox Grammar School, secondary campus

คนในวงจรวิปริตนี้ รู้เห็นเป็นใจให้กัน ว่าเค้าทำอะไรกันอยู่บ้าง
มักจะบอกเล่าแลกประสบการณ์กันในการเล่นกับเด็ก แลกรูปกัน แต่ถึงขนาดแลกตัวเหยื่อกันด้วยรึป่าวไม่รู้
พอรับรู้ความจริง พ่อแม่เด็กที่เป็นเหยื่อ ต่างรีบไปร้องเรียน รร เฉพาะครูใหญ่ ชื่อ Ian Paterson ที่ควบคุมทุกเรื่องในชีวิตประจำวัน รร
แต่ นาย Paterson กลับไม่ยอมแจ้งตำรวจต่อ และไม่ได้เรียกให้อบรมหรือลงโทษคุณครูที่ถูกกล่าวหาด้วย
เค้าปกป้องชื่อเสียงของ รร เป็นอันดับแรก
คนในวงจรนี้เลยทำผิดไปเรื่อย กระทั่งพ่อแม่ที่สุดจะเป็นห่วงลูกๆ ต้องไปแจ้งตำรวจเอง
ต่อมาฝ่ายตำรวจติดต่อกับ รร โดยนาย Paterson โกหก อ้างว่าไม่รู้เรื่อง
หลังโดนจับไป นายสจ๊วต ผู้ที่กระทำน้องชายเรา ยอมรับผิดแล้วก็เผยรายชื่อผู้เป็นเหยื่อ รวมถึงคนที่แจ้ง รร 
ฝ่ายตำรวจเลยเรียกเหยื่อพวกนี้ห้ไปให้การ
พอกลายเป็นข่าวอื้อฉาว โด่งดังทั่วเมือง คดีจะคืบหนาเข้าใกล้ตัวน้องชายเรามากขึ้นไปเรื่อย
ข่าวนี้ออกต่อเนื่อง ดันกระตุ้นความจำทรงน่าอับอายที่น้องปิดบังเป็นเวลานาน
ว่า เค้าเคยโดนครูทำอัปลักษณ์ล่วงละเมิด ยากกว่านี่อีกน้องชายเราต้องยอมรับความจริงกับทุกคนด้วย
ฝันร้ายเค้าถูกฟื้นขึ้นเหมือนผีกลับมาหลอก
แต่พวกเราก็ลำบากเหมือนกัน เพราะไม่รู้จะรับมือกันยังไงดีกับปัญหานี้
น้องชายเราหันไปกินเหล้าหนักขึ้นเป็นทางออกของเค้า
เพื่อจะกลบภาพหลอนในอดีต ที่เค้าเรียกว่า flashback หรือไฟวาบย้อนกลับ
ส่วนผมไม่รู้จะพูดถึงเรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้ยังไงดี
ถ้าไม่อยากซ้ำเติมเค้า

มีต่อ

เถ้ากระดูกเดินทางไกล (5)

Knox Grammar School

สมัยน้องเรายังเป็นวัยรุ่นช่วงต้นๆ เค้าโดนคุณครูที่โรงเรียนประถมล่วงละเมิดทางเพศ
น้องเราพยายามปิดบังเรื่องนี้ ไม่ให้ใครๆรับรู้เพราะรู้สึกอับอาย รวมทั้งครูนี้เป็นเพื่อนของครอบครัวเราด้วย
สุขภาพจิตใจน้องเราเริ่มเสียตอนนั้น แต่อาการจะแสดงออกไปในทางอ้อม พวกเราอ่านไม่ออกเพราะไม่รู้สาเหตุจริงๆและน้องเราไม่ยอมบอก
แต่เรื่องนี้ต้องถูกเปิดโปงในเดือนกุมภา ปี 2009 เมื่อสื่อออสซี่ประโคมข่าวทั้งประเทศว่า อดีต รร ของเรา
เป็นที่เพาะปลูก pedophile ring มีสมาชิกหลายคนรวมถึงไอ้ครูคนนั้นที่ทำน้องเราด้วย
ข่าวนี้ส่งผลกระทบกับชีวิตน้องเราเหมือนทิ้งระเบิดใส่หน้าเลย
ครูนั้นที่เคยทำกับน้องเรา ชื่อ แบร์รี่ สจ๊วต หรือ Barrie Stewart ถูกตำรวจจับที่เมืองซิดนีย์
นายสจ๊วตเป็นครูที่ รร น็อกซ์ แกรมมา สคูล หรือ Knox Grammar School
เป็น รร เอกชนชื่อดัง (และทุกวันนี้เป็น รร รวยที่สุดในเมืองด้วย คิดค่าเรียนสูงลิบ $AUS35,000 หรือ 836,433 บาทต่อปี)
เป็นที่นิยมชื่นชอบของพวกผู้ดี
ลูกศิษย์เคยเป็นนายก ดารา นักธุรกิจดังๆ บลาๆ (ครอบครัวเราฐานะปานกลาง แต่น้องเรากับผมได้เรียนที่ Knox ฟรีเพราะพ่อเราเป็นคุณครูที่ รร นั้นด้วย)
ทางตำรวจขยายคดี ต่อมาได้ไปจับกุมครู อีกสี่คนที่เคยทำงานที่ รร แห่งนี้ ทั้งสาขาประถมและมัธยมด้วย
ในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศเด็กนัเรียนเหมือนกัน
ตำรวจบอกว่า พวกจำเลยทำกับเด็กหลายปี
คดีที่อัยการส่งขึ้นศาลต่อมา ครอบคลุมเวลาทั้งหมด 42 ปี คือ ปี 1970 ถึง 2012
หมายถึงว่าต้องมีเหยื่อหลายคนรวมถึงน้องชายผมด้วย

มีต่อ

โพส์ตเด่น

Blast from the past (part 1)

Jack's Point golf club, with the Remarkables range "คุณเคยมาที่นี่เมื่อก่อนนี้," ผู้จัดการร้านอาหารกล่าวอย่ างเป็นนัย ร้านอาหา...

โพส์ตนิยม