Saturday 20 August 2022

เถ้ากระดูกเดินทางไกล (7)

Queenstown

ผมกับน้องชายได้มีโอกาสคุยถึงเรื่องนี้กัน แค่ครั้งเดียวเอง เมื่อครอบครัวเรารวมตัวกันฉลองวันเกิด 70ปี ของแม่ที่ Queenstown, New Zealand
ในเดือนพฤษภาคม 2012
วันนั้นเราออกไปเดินเล่นกัน พ่อแม่น้องสาวเดินแยกออกไปไหนกันไม่รู้
น้องชายกับผมนั่งรอเค้ากลับมา ที่เนินหญ้าในกลางเมือง
วันนั้นเป็นครั้งแรกที่เราได้เปิดใจคุยเรื่องบาปที่ครูนั้นทำกับน้อง
น้องไม่ได้รอช้า พอนั่งปุ๊บเค้ารีบเข้าประเด็นเล
'อีแบรี่นี้เคยทำอะไรกับไมเคิลบ้างมั้ย'
Barrie Stewart ผู้ที่ทำน้องเรา เป็นเพื่อนของครอบครัวเรา
สมัยเด็กน้องชายกับผมเคยไปนอนค้างแรมที่บ้านเค้าด้วย
ผมจำได้อยู่ว่า มืออีแบนรี่คืบคลานเป็นไม้เลื้ยจริงๆ แต่โชคดีผมไม่ได้โดนอะไรมาก
'หนักสุด เค้าลูบขาผม ตอนอยู่บนรถเค้า' ผมตอบสั้นๆ
'ผมเคยโดนในรถเค้าเหมือนกัน' น้องบอก
แน่นอน น้องคงโดนหนักกว่าผมอีก แต่ผมไม่กล้าถาม (เอาเข้าจริงไม่อยากรู้ด้วย)
'ผมรู้ว่าแกเจ็บใจ แต่ถ้าเป็นไปได้ แกน่าจะมองไปข้างหน้า ไม่ต้องหมกมุ่นกับเรื่องนี้ เพราะแกยังเป็นคนเดิมๆของเรา' ผมเสริมให้กำลังใจเค้า
น่าจะเป็นคำแนะนำคำเดียวที่เราฝากไว้กับน้อง
อาจจะดูไม่พอ แต่ผมไม่รู้จะพูดอะไรดี เพราะกิริยาสะท้อนกับเหตุการณ์แบบนี้ ทุกคนไม่เหมือนกัน
-

บ้านพ่อแม่ที่ Burringbar ใกล้บ้านน้องชาย

ย้อนกลับไปถึงเดือนกุมภา ปี 2009 ตอนที่ข่าวพึ่งออกมา
เมื่อพ่อแม่รู้ว่าน้องโดน นาย Stewart ทำ
เค้าตกตะลึงและเสียใจด้วย ที่ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเป็นเวลาหลายปี
แต่พอเห็นแล้วว่าน้องเกิดอาการเครียด จิตใจไม่สบาย เริ่มทำอันตรายกับตัวเอง
พ่อแม่คิดว่า ต้องไปอยู่ใกล้กับเค้า
เค้าเลยตัดสินใจจัดซื้อบ้านใกล้กับบ้านน้องชายเรา และค่อยบินไปเที่ยวหาน้องชายเราทุกสามเดือน
จากบ้านหลักซึ่งยังอยู่ที่ไครสต์เชิร์ชนั้น
จะได้ช่วยเค้ารับมือกับเรื่องนี้ และปัญหาหนักขึ้นต่อเนื่องที่อีเมียก่อให้น้องหลังตัดสินเลิกกั
แกอยากให้ช่วยน้องปรับชีวิตให้ดีขึ้น
แต่ที่จริงแล้ว พ่อแม่คงทำอะไรไม่ได้มากนัก ถ้าน้องรับมือกับปัญหานี้เองไม่ไหว
เช่นเค้าไปหานักจิตวิทยาหลายคน ไปบำบัดตัวรักษาอาการกินเหล้าอีก แต่ไม่ค่อยได้ผล
พ่อแม่ต้องเห็นน้องเราหมดสภาพทางร่างกายและจิตใจไปเรื่อย
แม่บรรยายความรู้สึกออกมาเป็นคำพูดดังกล่าวนี้

If only we had known more (about child sex abuse) when he needed the most support, and known how best to manage the situation in which we all found ourselves. It was just the most terrible time of our lives. We felt so isolated, desperate, confused and frightened.  
I cannot imagine how it must have been for him. And three years later, when he died unexpectedly and so suddenly, we could hardly believe it had happened. It felt as though we were watching from the sidelines, and this was someone else's family, not ours (อีเมล์ 6 ก.ย. 2017)

มีต่อ 

No comments:

Post a Comment

เขียนเป็นไทยหรืออ้งกฤษก็ได้คับ Thai or English is fine...

โพส์ตเด่น

20plus club (Postscript 3, final)

แคปชั่นก๊อปจากเน็ต: โรงพยาบาลตำรวจบริเวณสี่ แยกราชประสงค์ ปี พ.ศ. 2542 แจกเสร็จ น้องก็นั่งรอจ่ายบิลอยู่ข้างๆผม มือน้องสั่น เหงื่อออกเต็มหน้า...

โพส์ตนิยม