Monday 18 November 2019

ชีวิตผู้เสพยาต่อ (9)

‘ถ้าอยู่ด้วยกันที่บ้านแม่จริง แม่คงไม่ไหว แบบนี้ก็ดีกว่า อยู่คนละที่กัน แต่มันก็ยังอยู่ในสายตาแม่ตลอดเค้าว่าต่อ
‘อีกอย่าง แม่สั่งว่าน้องต้องเก็บห้องให้สะอาดสะอ้าน อาบน้ำอาบท่าให้เป็นประจำ แล้วแม่จะซื้อเสื้อผ้าของดีๆ ให้เค้าใช้และอยู่ได้สบายๆ’ ป้าปิดท้ายเรื่อง
ผมดีใจที่ได้รับข่าวนี้ น้องสู้อยู่กับชีวิตแย่ๆแบบนี้เป็นห้าเดือนแล้ว
ก่อนหน้านี้เราพยายามคุยกับทั้งสองฝ่ายแต่เค้าไม่ยอมใจกัน
ทั้งแม่กับลูกเค้าตั้งแง่ใส่กัน
ไม่น่าเชื่อเลย เรื่องราวจะยื่นยาวขนาดนี้
-
พวกเราที่ค่อยดูแลน้อง ต้องรออีกหลายวันถึงได้เจอน้องอีก
ตอนนั้นน้องและแม่เป็นยังไงกันบ้าง ยังไม่มีใครบอกได้เลยเพราะตั้งแต่วันนั้นที่แม่ยอมให้กลับบ้าน
ทั้งแม่และลูกแทบไม่ได้ออกไปเจอใคร
เค้าหายตัวชั่วข้ามวันเลย
วุฒิได้เจอเค้าจริงแต่ในชั่วแวบเดียวเองเท่านั้น
วุฒิบอกว่า น้องโผลตัวออกไปหาเค้าที่บ้าน เมื่อสองสามวันต่อมา
โดยน้องอวดว่า แม่ได้เปิดห้องเช่าให้เค้าด้วยแล้ว
แต่ต่อจากนั้นน้องก็หายไปอีกนาน
เรามารู้ทีหลังว่า ก่อนหน้านี้น้องแอบไปขอโทษแม่ และขอกลับบ้านเมื่อ 2-3 อาทิตย์ที่แล้ว
แต่แม่ยังไม่พร้อมรับกลับตอนนั้น
พอมาถึงวันนี้เค้าคงเปลี่ยนใจเพราะเห็นว่าลูกเริ่มจะสู้ไม่ไหวแล้ว จากเป็นวัยรุ่นดื้อๆที่ไม่ยอมฟังก็กลายเป็นเด็กน่าสงสาร เพราะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
-
น้องตัวเล็กที่บ้านแม่ เหงามั้ยลูก
เรารู้สึกดีใจที่น้องกลับตัวได้แล้ว แต่ไม่พอใจกับนิสัยแม่เค้าสักเท่าไร
ว่าทำไมลูก (และพวกเรา) ถึงต้องรอนานขนาดนี้กว่าแม่จะแสดงความเป็นห่วงลูก
ถึงจะดื้อรั้นมากแค่ไหนแต่เค้ายังเป็นลูกแม่อยู่ดี คุยกันไม่เป็น (หรือให้คนอื่นคุยแทนไม่เป็นหรือไงนะแม่
ด้วยอารมณ์โมโหแบบชั่ววูบ คุยกับแม่ค้าข้างนอกเสร็จผมรีบเดินเข้าซอยมุ่งไปหาบ้านวุฒิ
แล้วก็ขอเก็บเสื้อผ้าและพวกของใช้ที่ผมซื้อให้น้อง 
หิ้วเอามาให้หมดกลับไปที่ห้องผมเลย
โดยไม่ได้อธิบายอะไรมากให้วุฒิฟัง
การประพฤติตัวผมอาจดูแปลกๆ แต่วุฒิเป็นคนใจเย็นอยู่แล้ว ไม่ได้ว่าอะไร
แต่ผมมีเหตุผลของผมบ้าง
คือผมไม่อยากให้น้องกลับไปเก็บเสื้อผ้าพวกนี้ไปใช้อีก
เพราะไม่อยากให้แม่ได้ผลประโยชน์ใดๆจากเงินที่ผมเสียไปให้น้อง
ถ้าแม่พร้อมจะรับลูกกลับบ้าน
ถึงขนาดเปิดห้องเช่าให้ธีร์ด้วย (ซึ่งผมไม่ได้ว่าอะไรตรงนั้น)
แม่ก็ต้องดูแลเค้าให้เต็มที่หน่อยด้วย
ไม่ต้องโยงปัญหาทางบ้านให้เป็นภาระคนอื่นในซอยอีก
ต่อไปนี้ถ้าลูกอยากได้เสื้อผ้าหรืออะไรดีๆ
แม่ต้องออกค่าซื้อเองนะจ๊ะ
เพื่อแสดงความรักลูกจริงและความรับผิดชอบต่อลูกตัวเองด้วย
ผมหยิบถุงพลาสติกของน้อง
ที่เค้าห้อยไว้ที่หน้าต่างบ้านวุฒิ
เป็นถุงบรรจุข้าวของสัมภาระทุกอย่างที่น้องเก็บไว้ตั้งแต่เค้าออกจากบ้านแม่
รวมถึงเสื้อผ้า รองเท้า และสิ่งของนานาชนิดที่เราซื้อให้ เช่น พลาสเตอร์ยา แป้งทาหน้า ยาพารา ฯลฯ
มองดูข้างในถุงตอนแรกๆ ผมตกใจเพราะบางชิ้นบางอย่าง น้องยังไม่ได้แกะออกไปใช้เลย
เหมือนเค้าอยากให้ผมซื้อ แต่พอได้แล้วกลับไม่เอา
น้องเมาจนลืมไปแล้วว่าเราเคยซื้อให้เค้ารึป่าว
หรือเค้าเกรงใจ ไม่ยอมแกะของใช้ถ้าไม่จำเป็น เจ้าของจะได้ใช้เองตอนทีหลัง
ถ้าเลือกได้น้องคงจะไม่เอาคนช่วยเหลือตั้งแต่แรกอยู่แล้ว (ทุกคนมีศักดิ์ศรี)
เค้าเอาแต่แม่อย่างเดียวให้แสดงความสนใจตัวเค้าบ้าง แต่แม่ดึงดันไม่เอาลูก
ส่วนเสื้อผ้าที่เราเคยซื้อให้เค้า
น้องใส่จริงแต่แอบเอาคืนใส่ถุงเกือบหมดแล้ว
ผมซื้อเสื่อผ้า 3-4 ชุดที่ตลาดคลองเตยใกล้บ้านให้เค้าเพราะตอนน้องออกจากบ้านไม่ค่อยมีอะไรใส่
เราซื้อให้ทั้งกางเกงขาสั้น เสื้อยืด ร่วมถึงกางเกงในด้วย
เค้าชอบกางเกงในขายาวสีขาวลายแถบตัวนี้เป็นพิเศษ
จนใส่วันแรก เค้ายอมถอดเสื้อผ้าออกเกือบหมด ใส่กางเกงในตัวเดียวนี้ แล้วก็เดินแบบในห้องวุฒิ

now, see here

No comments:

Post a Comment

เขียนเป็นไทยหรืออ้งกฤษก็ได้คับ Thai or English is fine...

โพส์ตเด่น

20plus club (Postscript 3, final)

แคปชั่นก๊อปจากเน็ต: โรงพยาบาลตำรวจบริเวณสี่ แยกราชประสงค์ ปี พ.ศ. 2542 แจกเสร็จ น้องก็นั่งรอจ่ายบิลอยู่ข้างๆผม มือน้องสั่น เหงื่อออกเต็มหน้า...

โพส์ตนิยม