|
Christchurch Cathedral ก่อนแผ่นดินไหว 2554 ทำให้เสียหาย |
จะว่าไปแล้ว ปกติเชอวอนจะปฏิเสธเสมอถ้าผมขอเลิกคบกันเค้ากลัวว่าถ้าโดนทิ้งจะไม่มีเงิน และไม่มีใครดูแล เพราะเค้าเริ่มจะแก่ตัวแล้ว
แต่หลังจากที่เชอวอนแอบไปเจอกิ๊ก เค้าก็เปลี่ยนใจทันที ยินดีที่ได้แยกทางกัน
เค้ายังปิดสาเหตุจริงๆ ที่ว่าได้ไปเจอกับคนใหม่แล้ว
Hank น่าจะมีตังค์ด้วย แต่เชอวอนวางแผนให้ผมออกค่าชดเชยก่อนถ้าอยากเลิกกันจริง
เค้าอยากให้ผมยกสมบัติร่วมให้เค้าโดยเล่นวาทกรรมว่า เรากำลังทิ้งเค้าโดยไม่เอาใจใส่ว่าชะตากรรมเค้าจะเป็นยังไง
Hank มีส่วนรู้เห็นเรื่องนี้รึป่าวไม่รู้
แผนเริ่มเป็นรูปเป็นร่างเมื่อเชอวอนให้เราจ้างทนายความ เพื่อจะจัดทำข้อตกลงทางกฎหมาย
เค้าอยากให้ทนายควบคุมการแบ่งสมบัตินั้น อาจจะคิดว่าถ้าเราลงเขียนรายละเอียดไว้ในเอกสารทางการผมคงไม่กล้าเบี้ยว
โดยเชอวอนเรียกร้องส่วนแบ่งเยอะมากเท่ากับสัดส่วน 70% ของทรัพย์สินทั้งหมด
ทั้งๆที่ผมทำมาหากิน full-time ตั้งแต่เรียนจบ ขณะเดียวกันที่ เชอวอน ทำงานแค่นิดเดียงเอง
เป็นวิธีการขูดรีดทรัพย์สินแบบแนบเนียนมาก
ที่มาอาศัยความรู้สึกผิดของผม ที่เป็นฝ่ายรุกที่จะขอเลิกกับเค้าก่อน
แค่นี้ยังไม่พอ
เชอวอนยังขู่ว่า ถ้าผมไม่จ่ายตามที่เค้าเรียกร้อง เค้าจะขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องน่าอับอายเอาออกมาเปิดโปงให้ทุกคนรับทราบ
--
ผมยอมใจจ้างทนายเพื่อความสบายใจของแฟน
เวลาเรานัดคุยกับทนายกัน เชอวอนชอบอ้างว่า หลังแยกทางกันเสร็จ เค้าจะไม่มีใครดูแล ผมต้องเห็นใจเค้าบ้าง และโยนทรัพย์สินไปให้เค้า
เราจ้างทนายจากบริษัทกฎหมายดังๆ ที่ตีราคาแพงที่สุดในเมือง สองบริษัท (เวลาปรึกษาทนาย ผู้เป็นคู่ที่กำลังเลิกกันต้องจ้างทนายความคนละบริษัทกัน)
ทนายบอกชัดเจนว่า ถึงจะตกลงแบ่งทรัพย์สินกันและลงลายเซ็นชื่อกันตามที่เชอวอนต้องการ
กดหมายจะไม่มีบังคับใช้อยู่ดี เพราะเราไม่ได้แต่งงานกัน
เราไม่ต้องให้อะไรสักนิดเลย เลิกก็เลิกกันไป เค้าพูดแบบนี้แต่แฟนเราไม่สนใจ
(ในปี 2002 รัฐสภา New Zealand ให้ความเห็นชอบร่างกฎหมายที่จัดให้ de facto couples หรือคู่รักโดยพฤตินัย ได้รับสิทธิแบ่งทรัพย์สินที่เท่าเทียมกันถ้าเลิกกัน แต่ผมเลิกคบกับเชอวอนก่อนหน้านั้นแล้ว)
ถ้าแต่งงานกันจริงเราต้องแบ่งทรัพย์สินกัน 50 ต่อ 50 แต่กรณีของเราไม่ใช่
ทนายผมถึงแนะนำไม่ให้ลงเซ็นชื่อ
'ถึงจะบังคับใช้ไม่ได้ ยังไงๆ นิติกรรมนี้ก็ไม่แฟร์ เค้าเรียก 70% ได้ยังไง ฉันแนะไมเคิลไม่จ่ายเงินหรือยกอะไรให้ฝ่ายเค้าที่เกินกว่าครึ่งหนึ่ง'
ทนายผมว่ายังนี้
วันนั้นที่เราทำนัดเจอกันเพื่อเซ็นชื่อลงในสัญญา
ผมจำไม่ได้แล้ว ว่าผมยอมใจเซ็นจริงหรือไม่
แต่เรื่องนี้ก็ไร้สาระตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว
ผมยังเป็นห่วงว่า ชีวิตแฟนจะเป็นยังไงหลังเลิกกัน
สุดท้ายผมก็ยังให้เค้าเยอะหน่อย แต่ไม่ถึง 70% หรอก
ผมรู้สึกสงสารเค้า และอยากช่วยถ้าเป็นไปได้
ตอนนั้นผมลืมไปว่า สักวันผมอาจจะเจอคนใหม่ด้วยเหมือนกัน
ไม่ใช่เชอวอนคนเดียวหรอกที่จะมีอนาคต
ถ้าเรายกให้เยอะตามที่เค้าเรียก เราจะเหลืออะไรให้ตัวเองวะ
จบธุระทนายความแล้ว ผมวางขายบ้านเราต่อ
ขายเสร็จก็นำรายได้เอาไปใช้หนี้สินจนหมด
พร้อมโยนทะเบียนรถเก๋งไปให้แฟนฟรีๆ
และยกทิ้งข้าวของในบ้านเกือบหมดให้เชอวอนด้วย
รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ไม้พื้นเมือง ราคาแพงๆ ที่เราซื้อกันมาที่ ตจว
โชคดีที่เราจับได้ว่าจริงๆแล้วแฟนเราได้ไปมีกิ๊กซะแล้วด้วย
ถ้าไม่อย่างนั้นผมอาจจะเสียมากกว่านี้ก็ได้
แต่ผมไม่ยอมให้อีกฝ่ายไปยุ่งกับเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของผม
เป็นเงินที่เราเก็บไว้ตั้งแต่เริ่มเข้าทำงานเมื่อ 10 ปีก่อน ยอดรวมหลายหมื่นดอลล่าเลย
ผมใจแข็งไว้ในเรื่องเงินก้อนนี้ เลือกเก็บไว้ใช้เองทั้งหมด
เป็นเงินที่เชอวอนอยากได้มากที่สุด แต่ผมไม่ให้สักดอลล่าเดียว
เราต้องใช้เงินนี้เอาไว้เป็นหลักคำประกันในยามคับขัน
ผมไม่ได้รู้สึกผิดที่ไม่ได้แบ่งส่วนนี้ ถึงจะดูตระหนี่ขี้เหนียวก็เหอะ
เค้าได้มีผัวใหม่แล้วนิ จะให้ไปทำไม อยากได้ตังค์ก็ต้องไปขอแฟนเค้าเองสิ
ก่อนที่ผมจะบินออกไปถึงเมืองไทย เชอวอนยอมรับความจริงว่า เค้าได้เจอคนใหม่แล้ว
แต่ผมไม่สนใจ อยากทำก็ทำไป
วันก่อนจะบินออกไป ผมแวะนั่งโบสถ์ฝรั่งที่ใจกลางเมือง Christchurch เพื่อจะขอพรพระเจ้าให้คุ้มครอง
และไปหาพ่อแม่ที่บ้านเพื่อลาก่อน
เสร็จแล้วผมขับรถไปหาเชอวอนที่บ้านเรา
เรานัดเจอกันกินข้าวมื้อสุดท้าย
เชอวอนที่ยังมีสิทธิครองบ้านเราที่ St Albans (ผู้ซื้อยังไม่ได้เข้า)
คุยไปคุยมาเค้าดันเกิดอารมณ์ทางเพศ
ตอนที่เราปิดบ้านกัน เค้าหันกลับไปดูห้องนอนและถามผมว่า
'อยากมีอะไรเพื่อจดจำช่วงเวลาดีๆ ของเราบ้างไหม'
ไม่นะครับ เวลาของเราผ่านไปแล้ว ผมไม่มีอารมณ์แบบนั้นแล้ว
ผมนึกเผลอในใจ
ว่าเราเคยเห็นเชอวอนเขียนถึง Hank ในอีเมลแอบๆนั้นว่า
'I haven't had a man make decent love to me in so long.'
อ้อวววว! ถ้าผมเล่นเซ็กห่วยขนาดนี้ จะให้เรามาร่วมเล่นเซ็กกันบนเตียงกันอีกทำไมเล่า มืงมีคนใหม่แล้ว ไปขอเค้าดีกว่าไม่ใช่เหรอ
เอาเถอะ ยังไงผมก็ไม่เอาอยู่ดี
กินข้าวเสร็จ ผมเดินทางไปที่สนามบิน
ขึ้นเครื่องแล้วผมรู้สึกว่า ผมได้ฟรีดอมกลับคืนมาเป็นครั้งแรก 15 ปี
ผมบินออกจากชีวิตเก่า
ลาก่อนเมือง Christchurch
พร้อมทิ้ง พวกเพื่อน ญาติ แฟนเก่า ช่วงอดีต และอนาคตที่เกี่ยวข้องกับ New Zealand ไปด้วยกันทั้งหมดรวดเดียวเลย