Tuesday 26 September 2023

20plus club (8)

Back to Christchurch
ผมไม่มีทางเลือก ต้องขายบ้านสุดที่รักและกลั
บไปที่ Christchurch ตามที่

บก Tim เรียกในปี 1998

โรคซึมเศร้าเริ่มจะที่กำเริบตอนนั้น

พอกลับไปที่ Christchurch รอบสุดท้าย

ความความสัมพันธ์กับพ่อแม่ค่อยยังชั่ว
เค้าชวนผมและเชอวอนไปกินข้าวกันที่บ้านเค้าเป็นประจำ

เค้าคงรู้แล้วว่า ถ้าเราจะเลิกคบกัน เราต้องเป็นฝ่ายทำเอง
เค้าจะเป็นตัวเสี้ยนหนามแหย่ให้เราเลิกกันไม่ได้

ส่วนงานที่ นสพ ของเราก็ราบรื่นดี เรากลายเป็น star reporter คนหนึ่งที่
บก มอบหมายงานใหญ่ไว้ให้เป็นประจำ

เราได้ไปซื้อบ้านใหม่ด้วยในอำเภอ St Albans
ใกล้ใจกลางเมืองแต่ไม่มีหาดทรายไว้ไปเดินเล่นเหมือนที่ Lyall Bay

สรุปแล้ว เราเหลือแต่ปัญหาเดิมๆที่ไม่อยากพูดถึง
คือผมเบื่อแฟนและชีวิตคู่ แต่ไม่รู้จะทำอะไรดี

พอเข้าปี 2000 ต้นๆ

เราแอบไปหาเพื่อนรุ่นพี่

แม่จู๊ดที่เคยส่งลูกชายไปเรียนที่ รร ที่พ่อเราทำงาน และเป็นเพื่อนของแฟนเรา

เรารู้จักจู๊ด และมีผัวชื่อ พีท ตั้งแต่หลายปีก่อน
ที่เค้ายังเป็นชาวนาในแถบ Canterbury ห่างจาก Christchurch สัก 2-3 ชม

พี่พับเสื่อเลิกทำนาและย้ายกลับไปที่เมือง Christchurch
หลังจากเจอปัญหากับธนาคารที่ปล่อยกู้ให้เค้า

ท่ามกลางเศรษฐกิจตกต่ำทางธนาคารปรับค่าดอกเบี้ยสูงลิบ
จนพี่พีทใช้หนี้ไม่ไหว และถูกธนาคารยึดที่ดินเค้าในที่สุด

สร้างความเครียดและนำไปสู้สถานการณ์ที่แม่จู๊ดและพ่อพีทแยกทางกัน
และกระตุ้นทำให้แม่จู๊ดเกิดเป็นโรคซึมเศร้าด้วย

วันนั้นที่ดอดไปหาเค้าที่บ้าน ผมรู้สึกหนักใจ และอยากระบายอารมณ์

เค้าก็กำลังเลิกกับผัวอยู่ด้วย

'ผมรู้สึกอึดอัดใจและอยากเลิกกับแฟน จะทำยังไงดี' ผมบอก

แม่จู๊ดพูดโพล่งออกมาเลย:

'ยากเลิกก็เลิกซิ เดินกลับบ้านเดี๋ยวนี้แล้วบอกเค้าไป อย่าอ่อนแอ'

เชอวอนและเค้าเป็นเพื่อนกันแต่แม่จู๊ดไม่แคร์

ผมเดินกลับบ้าน และทำตามที่เค้าแนะนำ

'ผมขอเลิกและเริ่มต้นใหม่ ไม่ได้เจอใครนะ แต่อยากมีฟรีดอมฟื้นกลับมา' ผมพูด

ผมไม่ได้คาดว่าแฟนจะตอบสนองดีหรือไม่ เพราะผมเคยลงดาบแบบนี้มาก่อนหน้านี้แล้ว

แต่เจอแฟนปฏิเสธเลยแล้วก็โน้มน้าวให้ผมเปลี่ยนใจได้เสมอ

แต่วันนี้โชคเข้าข้างตัวเรา

เค้ายอมให้เราเลิกกัน

'ฉันเห็นด้วยว่าถึงเวลาแล้ว ที่เราต้องแยกทางกัน และเริ่มมีชีวิตใหม่ทั้งคู่'
เค้าบอก 'แต่แกต้องดูแลฉันด้วยนะ'

now, see here

20plus club (7)

จากซ้ายมือสุด: อาคารรัฐสภา, the Beehive, Bowen House
Wellington ทันสมัยมากกว่า Christchurch

เป็นเมืองหลวง มี่ข้าราชการ และศิลปินเยอะ

ผมได้เป็นนักข่าวแนวการเมืองเต็มที่

ผมทำงานที่ the press gallery

ในออฟฟิศย่อยของ The Press

มีเพื่อนร่วมงานอีกสามคน

จาก Parliament นั้นเราส่งข่าวการเมืองลงไปที่ Christchurch
ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของบริษัท

ในวงการงานนี้ไม่ได้มีนักการเมืองอย่างเดียวหรอก

เราต้องนับถึงพวกแนวหน้าที่มีหัวคิดเรื่องนักการเมืองที่ปฏิบัติงานในเบื้องหลัง เช่น พวก press
secretary, analyst ฯลฯ

หนึ่งในนั้นที่ผมได้รู้จักและสนิทใจกันสมัยนั้นคือ Matthew Hooton
ซึ่งเป็นนักเขียนสุนทรพจน์ และโฆษกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ชื่อ
Dr Lockwood Smith

Matthew อายุแค่ 21ปีเอง แต่ติดตามกระแสการเมืองตั้งแต่ยังเป็นเด็กนักเรียนเลย

พรรคการเมืองใหญ่ National คุมรัฐบาลสมัยนั้น

Matthew ได้รับแรงบันดาลใจจากพวกนี้
ที่อยากเปลี่ยนแปลงสังคมตามแนวคิดของพวกอนุรักษ์นิยม

พอได้รู้จักกันผมและ Matthew กลายเป็นคู่คิดจิตวิญญาณในอุดมคติเดียวกัน

เราชอบมโนกันว่า เราเป็นนักยุทธศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ของทีม National

Matthew ดรอปเรียนมหาวิทยาลัยเมื่อได้รับโอกาสทำงานให้ ร.ม.ต Dr Smith

ซึ่งกำลังยกเรื่องการศึกษาครั้งใหญ่
เป็นการปฏิรูปที่มุ่งเน้นแนวคิดตลาดเป็นหลัก ภายใต้รัฐบาลที่นำโดยพรรค
National แบบรุ่นใหม่

Matthew และผมเจอกันบ่อยในระยะเวลา 5 ปี นั้น ที่ผมอยู่ที่ Wellington

หลังจากพรรค  National แพ้การเลือกตั้ง ใน 1999 Matthew เลิกทำงานในวงการเมืองโดยตรง

และเปลี่ยนงานก้าวเข้าไปในวงการงาน PR

แล้วกลับไปเรียนต่อ แต่งงานและไปมีครอบครัวแล้วด้วย

สมัยนี้ เค้าผันแปรตัวเองไปเป็นนักวิจารณ์ทางด้านการเมือง
ที่ใครๆรู้จักกันในวงการนี้แบบกว้างขวางทั้งที่ New Zealand และ Australia ด้วย

เป็นผู้เชียร์ฝ่ายอนุรักษ์นิยมเหมือนเดิม

Matthew รู้ตัวดีว่าสมัยนั้นที่ทำงานใน Beehive เค้าเคยเป็นเด็กหัวรุนแรง

เราเคยเห็นเค้าให้สัมภาษณ์ที่พูดถึงสมัยนั้นที่เรารู้จักกัน

'เราเป็นเด็กที่ต้องการเปลี่ยนแปลงโลก' เค้าว่าอย่างนี้
โตแล้ว: Matthew Hooton


แล้วเค้าพูดจริงด้วย

สมัยนั้น เรานัดเจอกันที่ Beehive bar เพื่อจะแลกความคิดเห็นกัน

The Beehive เป็นตึกรูปร่างรังผึ้ง ในเขตรัฐสภาที่ฝ่ายผู้บริหาร รวมถึง
รมต ทั้งหมดทำงาน

The Beehive bar เปิดแต่เช้า ประมาณ 11am

ถ้า Matthew ไม่ติดงานผมมักจะได้รับสายตรงจากออฟฟิศเค้าใน Beehive

พอเห็นหมายเลขภายในของเค้าปรากฏ

ผมรู้เลยว่าเค้าต้องการอะไร - กิน!

'อีกห้านาที' เค้าพูดสั้นๆ พร้อมหัวเราะคิกคักเหมือนเด็ก

เค้าจะบอกแค่นี้ หมายถึงว่าเค้าจะพร้อมเริ่มกินในอีก 5 นาที่

กลับไปที่ประเด็นของเรา

ผมและแฟนเช้าบ้านกัน ที่ Newtown เป็นอำเภอเล็กห่างจากเมืองหลัก 15 นาที

เห็นบ้านรูปมั้ย เป็นแนวนี่เรียกว่า workers cottage  ที่สร้างขึ้นมาช่วง 1900s

Mein Street เราเช่าบ้านนี้กันประมาณ 5 ปี  
เชอวอนเกิดและเติบโตที่ Wellington ด้วย

ตอนนที่เรายังอยู่ที่เมืองนั้น เราถึงได้โอกาสไปเที่ยวหาครอบครัวของเค้า

เราใช้ชีวิตสบายๆแบบนี้แหละเป็นเวลา 5.5 ปี

เชอวอนทำงานเป็นผู้ช่วยคลีนิคหมอ ออกจากบ้านแต่เช้า
ในขณะที่ผมเข้าออฟฟิศช้าประมาณเที่ยง เลยไม่ได้เจอกันทั้งวัน

ตามเวลาที่ผ่านไป ผมชักจะเบื่อกับงานเขียนข่าวการเมือง
ที่เราต้องเล่นประเด็นซ้ำซาก ทุกวัน

เหมือนเราวกวนซ้ำไปซ้ำมาไม่สิ้นสุด เจอแต่พวก press conference, budget
lock-up, press statement, campaign stop ต่อเนื่อง

จนผมเริ่มกินเหล้าหนัก และซุกตัวที่บาร์ parliament พร้อมกับแมทธิวนั้น ไม่สนใจงาน

ผมฆ่าเวลากินเหล้าสลับกับเรียนภาษาฝรั่งเศสเล่นๆ

ตอนเข้าปีที่ 5 ของการเช่าห้องที่ Wellington นั้น หลังจากเก็บตังค์ขยันๆ เป็นสองปี

เราลงทุนซื้อบ้านด้วยกัน ที่อำเภอ Lyall Bay ใกล้ฝั่งชายทะเล

Lyall Bay อำเภอเล็กที่ติดทะเลและใกล้สนามบิน Wellington ด้วย

เป็นครั้งแรกที่เราได้เป็นเจ้าของบ้านเลย หลังจากเช่าบ้านอย่างเดี่ยวตั้งแต่เริมคบกัน

แต่ทุกอย่างต้องหยุดกึก เมื่อในปี 1997

ทางบริษัทเราได้จัดตั้ง บก คนใหม่ ที่ประกาศว่าจะปฏิรูปด้านการงานใหม่ทั้งหมด
ร่วมถึงที่ออฟฟิศเราด้วย

ผมนั่งอุ้มหลานของแฟนที่ Wellington
Tim Pankhurst เรียกผมกลับไปที่ออฟฟิศใหญ่ เพื่อจะเสิรมทีมงานนักเขียนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

โดยบินขึ้นมาที่ Wellington  และบอกพวกเราว่าทุกอย่างต้องเปลี่ยนไป

'ออฟฟิศนี้ดูใหญ่เกิน อยากเรียกหนึ่งคนกลับมาที่ Christchurch' บก Tim บอก

'เดี๋ยวจะบอกอีกทีว่าเป็นใคร'

เป็นคำสั่งที่สร้างความเครียดระหว่างทีมเล็กๆ ของเรา

และสุดท้ายเค้าลงดาบที่ตัวเรา

'บรรณาธิการแผนกสารคดีบอกผมว่า แกเขียนเก่ง ผมเลยเรียกแกกลับ' Tim
อธิบายหลังจากเผยชื่อเราว่าเป็นตัวเลือก

ถ้าย้อนรอยอดีตไปดู ผมเริ่มมีอาการซึมเศร้าด้วยความเครียด
ตั้งแต่ตอนนี้เลย เพราะไม่อยากกลับไป

ผมปฏิเสธ บก Tim ไว้และเรียกสหภาพแรงงานมาช่วยเจราจาด้วย

แต่ บก Tim ที่มี่ชื่อเสียงแข็งกร้าวไม่แพ้ใครง่ายๆ ก็ไม่ยอมผมเหมือนกัน

Tim Pankhurst
Tim ชอบส่งจดหมายทางการในเชิงข่มขู่ว่า ถ้าไม่ทำตามสั่งเค้า
ผมจะโดนไล่ออกจากบริษัทแน่

ผมก็โต้กลับว่า ตามจดหมาย เค้าไม่มีมีสิทธิ์เรียกกลับกระทันหันแบบนี้

'อย่างน้อยเราพึ่งซื้อบานมา ถ้าขายและขาดทุนใครจะรับผิดชอบ' ผมว่า

เราต่อสู้กันแบบนี้  เป็นเวลา 6 เดือนกว่า

จนทั้งคู่เลยจุดที่เราคุยกันรู้เรื่องได้แล้ว

จน Tim พลิกวิธีการเล่นกลโดยส่งผู้ใหญ่ที่เราสนิทใจและนับถือ เป็นรอง บก ของ
Tim คนหนึ่ง ขึ้นไปที่ Wellington
เพื่อจะเจราจาและโน้มน้าวใจผมให้กลับไปจนกระทั่งสำเร็จได้

ผมตกลงว่าจะกลับ เพื่อความสบายใจของทุกคน

เชอวอนเห็นด้วยกับผมว่า เราน่าจะกลับไป Christchurch และเริ่มต้นชีวิตอีกที

now, see here

Sunday 24 September 2023

20plus club (6)

ผมสมัยทำงานที่ Christchurch Mid-Week Mail
เพื่อนร่วมงานผมก็เงียบเช่นกัน

แทบไม่มีใครกล้าเปิดประเด็นนี้มาคุย

ว่าทำไมผมถึงเลือกที่จะคบกับผู้หญิงที่อายุย่างเข้าสู่วัย 30s

แต่คงคิดในใจแน่

ในเมื่อผมเป็นนักข่าวหนุ่มที่มีอนาคตสดใส ที่พอจะมีคนชื่นชมหน้าตาบ้าง (แต่ส่วนใหญ่เป็นผู้ชายจีบเล่นมากกว่าผู้หญิง)

บก คนแรกของผม ชื่อกลิน เป็นกรณียกเว้นที่ชอบหยิบยกเรื่องนี้มาพูด

กลินเป็น บก Christchurch Mid-Week Mail ที่สมัยนั้นเป็น นสพ ออกอาทิตย์ละ 2 ครั้ง แจกจ่ายไปทั่วเมือง

เค้าจ้างผมเป็นนักข่าวฝึกหัดเป็นเวลา 18 เดือนก่อนที่ผมจะเรียนจบ

ต่อมา ในปี 1988 เค้าจ้างผมเป็นนักข่าวจริง ประมาณอีก 6 เดือนก่อนที่ผมเปลี่ยนงาน

ลุงกลินก็กลายเป็นเพื่อนรุ่นพี่ ที่พาผมไปให้ได้รู้จักกับหลายคนในวงการนี้

และหลังจากผมลาออกจากงานที่ทำกับเค้า เราก็ยังนัดเจอกันกินเหล้ากันต่อไปอยู่เรื่อยๆ

คุยกันไปมา ปรากฏว่า พี่กลินเคยรู้จักกับพ่อของเชอวอนด้วย เนื่องจากทั้งคู่เคยเป็นนาวิกโยธินด้วยกันที่เมือง Wellington สมัยยังหนุ่มๆ

พี่กลินน่าจะรู้ภูมิหลังของครอบครัวแฟนผมได้ดี

พ่อของเชอวอน ชื่อจิม แต่เดิมเป็นช่างท่าสี

หลังแต่งงานและได้มีครอบครัวใหญ่ มีลูกตั้ง8คน ร่วมถึงเชอวอนเองด้วย ซึ่งเป็นลูกโตสุด

ก็เจอปัญหาเรื่องรายได้

เลยผันตัวไปเรียนอนุญาโตตุลาการซึ่งสมัยนั้นเป็นอาชีพใหม่ที่กำลังบูม

พ่อตาจิมเรียนตอนภาคค่ำหลังเลิกงาน

พอเรียนจบ จิมกลายเป็น arbitrator ที่พัฒนาตัวเองโดยตะกุยตะกายลากครอบครัวเข้าสู่ชนชั้นกลางในที่สุด

นอกจากพ่อตาจิมเอง เค้าไม่มีลูกคนไหนที่สนใจจะเรียนในระดับสูงๆ

ส่วนใหญ่ลูกๆ เค้าโตมาเป็นพ่อค้าแม่ค้า หรือลูกจ้างมากกว่า

เชอวอนฝึกเป็นนางพยาบาลจบแล้วก็ทิ้งงานนี้ไป เห็นบ่นว่าหนักเกินจะรับได้

และเนื่องจากว่าตัวแม่เค้า เคยใช้เชอวอนเป็นผู้ช่วยเลี้ยงน้องๆ ของเค้าด้วย จนเชอวอนเหน็ดเหนื่อยมากพอสมควร

พอโตมาเชอวอนไม่ชอบเด็กแล้ว เลยไม่อยากมีลูก

เอากลับที่ประเด็นพี่กลินหน่อย

สมัยนั้นพี่กลินใกล้จะออกเกษียณแล้ว

ตามนิสัยชอบพูดโผงผาง ออกคำสั่งเหมือนนายทหารเรือนั้นเอง

'ไมเคิล แกต้องเลิกกับผู้หญิงคนนี้' พี่กลินมักจะบอกผมทุกครั้งที่เจอกันที่ผับใกล้บ้านเรา

'คบหากับคนแก่ก็ไม่มีประโยชน์หรอก แกยังเป็นเด็ก น่าจะล่าตามฝันในต่างประเทศดีกว่า เลิกกันซะ และเดินหน้าไปหางานทำที่ Australia,' พี่กลินพูดเสริม

'เปลี่ยนงานไปเรื่อยๆเพื่อเพิ่มประสบการณ์ในการทำงานก็ยิ่งดี เริ่มต้นไปหางานที่ นสพ ภาคเหนือ ไล่ลงไปชายฝั่งและรับจ้างไปเรื่อยกระทั่งถึงภาคใต้  ทำงานในแต่ละที่ไม่เกินหกเดือน  เสร็จแล้วค่อยกลับ'

ผมไม่ได้ทำตามที่พี่กลินแนะนำเพราะกลัวแฟนจะว่า แม้ว่าพี่กลินหวังดีให้กับเรา

ต่อมาผมต้องหัวเราะเมื่อได้ข่าวว่า พี่กลินได้เจอนางสาวคนหนี่ง และตกหลุมรักกัน

จากเมื่อก่อนที่พี่กลินแนะให้ผมเลิกกับเชอวอนเพราะอายุห่างกันเกินไป

ปรากฏว่าพี่กลินก็ชอบเด็กไม่ต่างกับแฟนผมเอง

ความสัมพันธ์ระหว่างพี่กลินกับผู้หญิงคนนี้ที่ ชื่อ Mary Ann พัฒนาขึ้นจนเค้าตกลงปลงใจจะแต่งงานกัน

คู่รักสองคนนี้อายุห่างกันเยอะมากจนครอบครัวของพี่กลินไม่แฮปปี้และแตกร้าวกันไป

Mary Ann เป็นลูกของเพื่อนพี่กลิน

ตอนที่เค้าเจอกัน พี่กลินอายุ 55ปีแล้ว แต่ Mary Ann อายุแค่ 27ปี เอง

ก็เรียกได้เลยว่า วัวแก่กินหญ้าอ่อน หรือกินเด็กนั้นเอง

เค้าแต่งงานกันแล้วได้มีลูกด้วยกันสองคน

พี่กลินเคยแต่งงานไปแล้วแต่เลิกกับเมียหลายปีก่อน

แต่สุดท้ายเค้ากับ นส Mary Ann ไปไม่รอดเหมือนกัน

นสพ The Press ลงข่าวเกี่ยวกับพี่กลิน ในสกู๊ปข่าวเดือนมีนาคม 2012

เล่นประเด็นข่าวว่า 'พ่อคนแก่ที่ดันไปสร้างครอบครัวใหม่'

นักเขียนได้สัมภาษณ์กับพี่กลินด้วย ว่าประสบการณ์เค้าเป็นยังไง

สกู๊ปข่าวดังกล่าวว่าบอกว่า

Rachel was born in 1993, just after he turned 60, and Sarah followed in 1995. His retirement party was held about a month before Rachel's first day at school.

Glyn Clayton was 31 when he had his first child. He had just celebrated his 62nd birthday when his last was born.

By the time the two youngest girls were in their mid-teens, Clayton's second marriage broke up. In part, it was because of the vast age gap, he says.

พี่กลินคงไม่รู้สึกอับอายหรอกที่ได้ไปแต่งงานกับ ผู้หญิงที่อายุน้อยเท่ากับลูกสาวตัวเอง

เพราะสังคมเรามีสองมาตราฐานชัดๆในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเพศ

ผู้ชายแก่กินเด็กผู้หญิงแต่ผู้หญิงแก่ที่ทะลึ่งไปคบหากับผู้ชายอายุน้อยกว่า ก็ถูกสังคมตีตราว่า อีกะหรี่ หรือ sugar mummy นั้นเอง

แต่ขอกลับไปที่เรื่องเดิม

ผ่านไปประมาณ สามปีหลังคบหากับเชอวอน

ในบรรยากาศเคร่งเครียดระหว่างผมและครอบครัวผม

ทางบริษัทเราเปิดโอกาสให้ผมโยกย้ายไปทำงานที่เมือง Wellington ซึ่งห่างจาก Christchurch ใช้เวลาบินไปประมาณ 2 ชม

ผมดีใจที่ได้ไปไกลจากครอบครัวผม

เราเห็นพ่อแม่เป็นตัวกวน พร้อมที่จะติเตือนปั่นหัวเราเสมอ

ผมอยากหลบอิทธิพลของเค้าถ้าเป็นไปได้

now, see here

โพส์ตเด่น

20plus club (Postscript 3, final)

แคปชั่นก๊อปจากเน็ต: โรงพยาบาลตำรวจบริเวณสี่ แยกราชประสงค์ ปี พ.ศ. 2542 แจกเสร็จ น้องก็นั่งรอจ่ายบิลอยู่ข้างๆผม มือน้องสั่น เหงื่อออกเต็มหน้า...

โพส์ตนิยม