Friday 11 March 2022

ปิดสวิทช์ไม่เป็น

 

สวัสดีตอนเช้าจากวิทยุ!

ได้ยินเสียงพูดเบาๆทุกครั้งที่เดินไปใกล้เครื่องวิทยุนาฬิกา
ที่ตั้งอยู่หัวเตียง
เมื่อเช้าก็เช่นกัน มีเสียงผู้ชายสองคนพูดคุยกันเรื่องอะไรไม่รู้
จนผมเริ่มสงสัย
เลยหยิบเอามาฟังดู ก็ได้ยินเสียงแว่วๆอีก
แต่นี่ไม่ไช่เสียงนอกบ้านที่เล็ดลอดเข้าทางหน้าต่าง
หรือเสียง ทีวี หรอก
เพราะเราพึ่งตื่นมา ยังมืดๆอยู่เลยประมาณตีห้า
ผมยังยืนจับเครื่องอยู่จนเผลอนึกว่า
เราเกิดอาการหูแว่วรึป่าว
เป็นโรคอารมณ์สองขั้วหรือโรคไบโพลาร์
เหมือนเราเป็นคนบ้าซะแล้ว
และมีคนตัวเล็กๆแอบนั่งบนไหล่ ค่อยเป่าหูให้ผมไปก่อเรื่องร้ายแก่โลก
เอ๊ะ ใครหว่า
พอเอาเครื่องไปแนบติตหู อ้อ เป็นเสียงวิทยุนั้นเอง
ที่น่าจะลืมเปิดทิ้งไว้นานแล้วโดยเราไม่รู้ตัว
เริ่มเมื่อไรกันแน่
ผมฟังวิทยุนี้ประจำในช่วงการเลือกตั้งสมัยที่แล้ว
ที่ขึ้น วันที่ 29 เดือนมีนา 2019
ตั้งแต่นั้นไม่ค่อยได้รับฟัง
นานๆเปิดฟังที
ครั้งล่าสุดน่าจะเป็นปีที่แล้วมั้ง
เพราะไอ้ปุมเปิดปิดวิทยุแข็งทื้อ ขยับยาก
กดถี่ๆ ก็ไม่ยอมปิดสักที
เลยไม่จงใจอยากจะเปิดฟังใช้อีก
แต่นี่ผ่านไป1ปี แล้วที่เสียงยังออกมาทั้งวัน ทั้งคืน ไม่มีวักเว้นเลย
ผมไม่ผิดสังเกตุอะไรเลย
เป็นไปได้ยังไง
ผมเคยได้ยินคนพูดในห้องนอนมาก่อนก็จริง
แต่เสียงเบาจนเราคิดเผินว่าน่าจะเป็นแมลงบินว่อนข้างนอก
แต่เรายังต้องถามตัวเอง ทำไมไม่สังเกตุให้ดีกว่านี้บ้าง
เครื่องเปิดทิ้งแบบนี้จะดูดไฟฟ้าบ้านโดยผมไม่รู้เรื่อง
ทุกเช้าผมรีบลุกขึ้น ไม่เถลไถล เพราะต้องแย่งชิงเข้าห้องน้ำก่อนแฟนจะตื่นเข้ามาใช้เอง
เลยไม่มีโอกาศได้ยินเสียงอะไรมาก
และพอเข้านอน ทีวีที่ห้องรับแขกนอกห้องนอนเรา ก็ยังเปิดเบาๆจนกลบเสียงวิทยุหัวเตียงเรา
โอเค
ที่นี้เราต้องสู้กับตัววิทยุอีกรอบ
จัดการกับมันให้ดี
ห้ามเสียงเล็ดลอดออกมาเด็ดขาด
และที่สำคัญห้ามให้ little green men วางแผนร้ายเข้ามาหัวผมเวลานอนหลับอีก
สุดท้ายก็กดปุ่มปิดเสียงได้สนิท
ไม่อยากเจอเซอร์ไพรส์ตอนเช้าอีก
หลังจากที่เราจับความโง่ตัวเอง คือปิดสวิทช์ไม่เป็น
และปล่อยคนในเครื่องคุยกับเราเป็นนาน
โดยแก้ที่ตัววิทยุนั้นเอง
ผมวางเครื่องกลับไว้ที่เดิม
คิดดู เราเปลืองค่าไฟห้องนอนเราเป็นปี
แก้เสร็จแล้วค่าไฟฟ้าที่ห้องจะลดลงบ้างมั้ย
ต้องลุ้นๆดู

Sunday 21 March 2021

ลืมวันเกิดน้องสาว

กระดาษโน๊ต
ไดอารี่เก่า
  'ขอโทษที่เราพลาดลืมวันเกิดเธอ'
ฉันเขียนส่งอีเมลไปยังน้องสาวคนโต ชื่อแซลลี่
ปกติเราพยามส่งคำอวยพรวันเกิดให้กันทุกปี
แต่อาทิตย์ที่แล้วงานยุ่งจนส่งไม่ทัน
เรารู้แต่คร่าวๆว่าวันเกิดแซลลี่นี้น่าจะมาในช่วงประมาณต้นเดือนมีนา
แต่จำวันเป๊ะๆไม่ได้ พอถึงวันนั้นแล้วดันลืมส่งอีเมลไปให้เค้า
เราจึงต้องขอโทษเค้าทีหลัง
-
ที่ห้องเรามีไดอารี่เก่า
ที่เอามาจากประเทศบ้านเกิด เก็บไว้เป็นที่ระลึกและเป็นตัวกระตุ้นความทรงจำเลือนลางของเรา ว่าที่บ้านเกิดเราทำอะไรกันบ้างสมัยนั้น
คั่นกลางไดอารี่ฉบับนี้ เราเขียนกระดาษโน๊ตไว้ให้กับตัวเองก่อนจะเดินทางมาเมืองไทย
เมื่อ 20 ปีที่แล้ว
ที่เขียนไล่วันเกิดคนในครอบครัวตามลำดับเวลาที่เกิดขึ้นทุกปี
เราเขียนไว้เพราะถ้าไม่มีที่กระตุ้นความจำแบบนี้คงจะลืมทุกคน
สำหรับแซลลี่ น้องสาวคนโตที่อายุย่างเข้า 51 ปี ในเดือนนี้
เราจดไปว่า  วันเกิดเค้าคือ วันที่ 1 เดือน มีนา
วันนั้นที่ฉันขียนขอโทษเค้า เป็นวันที่ 5 มีนา
วันนั้นที่เขียนคำอวยพรแบบย้อนหลัง เราก็เช็คกระดาษที่เราโน๊ตไว้ก่อนส่งอีกที่
ถึงรู้ว่าวันเกิดเค้าผ่านไป 5 วันแล้วจริงๆ
แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาในวันถัดไปไม่เป็นไปตามคาด
'ไมเคิลไม่ได้พลาดวันเกิดฉันหรอก เป็นวันพรุ่งนี้ต่างหาก' แซลลี่เขียนตอบกลับมา
อ้าวเหรอ เกิดอะไรขึ้น พี่งง
เรากลับไปเช็คกระดาษอีกที
มันบอกว่าวันเกิดเค้าคือวันที่ 1 ตามที่เราคิด
แล้วเราเช็คโน๊ตนี้เกือบทุกปีก่อนส่งอีเมลคำอวยพร
คิดไปคิดมาว่า พอจะไขปริศนาเรื่องนี้ได้แล้ว
ปรากฏว่าเราเขียนวันเกิดเค้าผิดตั้งแต่แรก
และมักจะส่งอีเมลไปยังแซลลี่ทุกปีตามวันที่จดผิดไว้ โดยเราต่างฝ่ายไม่สังเกตุอะไรเลยว่า เราส่ง
คำอวยพรผิดวันไปตลอดทั้ง20 ปีที่ผ่านมานี่เอง
แปลกมั้ย
-
'เราเขียนผิดไป'  ฉันอธิยายในอีเมลต่อมา
พร้อมแนบส่งรูปไดอารี่เก่าแก่ฉบับนั้นไปให้เค้าดู
ทัังรูปกระดาษที่เขียนวันเกิดผิด
แซลลี่ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา
โกรธหรือหัวเราะกับพี่ชายขี้ลึมคนนี้รึป่าวไม่รู้
เราขีดแก้วันเกิดเค้าในกระดาษด้วย
แต่เรื่องนี้น่าจดไว้ในบล๊อกนี่แหละ
เผื่อปีหน้าจะหลงลืมเค้าอีกที

Sunday 18 October 2020

Maskless in Bangkok (part 6, final)

 VOA asks: หน้ากากสำหรับวิถีชีวิตใหม่ แต่ทำไมบางคนไม่อยากทำตาม? Why indeed!
     
ผู้นำนักการเมืองจะว่ายังไงก็แล้วแต่
แต่คนส่วนใหญ่เห็นด้วยว่าเราต้องปรับจูนชีวิตให้เข้ากับไวรัสนี้ได้แล้ว
ไม่ใช่หาที่ลบโดยปิดบ้าน ปิดเศรษฐกิจ ปิดท้องฟ้า
ในช่วงนี่ที่เรายังรอการพัฒนาวัคซีนอยู่
ยังไงก็ตามผู้เชียวชาญบอกว่า วัคซีนจะไม่สามารถรักษาได้อย่างมหัศจรรย์
เพราะผลวัคซีนอาจจะเข้าไม่ทั่วถึง
สมัยนี้ยังมีหลายคนต่อต้านการฉีดวัคซีนด้วย
-
แต่ในมุมบวก อัตราคนตายจากไวรัสได้ลดลงจากตอนแรก เพราะเรารักษาผู้ป่วยได้ดีขึ้น
และผู้ที่เสียชีวิตจากไวรัสนี้ ส่วนใหญ่มีอายุมากและมีโรคอื่นแทรกซ้อนด้วย
ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์บางคนเปลี่ยนความคิด เค้ายังเชื่อว่า
เพื่อสร้างความต้านทานต่อไวรัสเราต้องสัมผัสกับมันมากขึ้นต่างหาก
กลับลำกับแนวคิดตอนแรกๆ ที่ให้เรากาที่หลบอย่างเดียว
พวกเขาแนะนำให้เราแยกผู้สูงอายุออกไป ให้อยู่ใต้มาตรการ lockdown
อย่างเมื่อก่อน และบังคับให้คนอื่น ๆ ใช้ชีวิตปกติเพื่อจะเกิดความ herd
immunity
-
ผ่านไปแล้วหลายเดือนตั้งแต่ทางรัฐสั่งให้ประเทศเข้าสู่ lockdown
ผมปล่อยตัวหน่อย
ในการรับมือและ ปฏิบัติตัวกับ lockdown นั้น
เพราะไม่ค่อยมั่นใจในระบบนี้เป็นหลายๆอย่าง
ถ้าฉันยังสวมหน้ากากอนามัย ก็เท่ากับว่าผมซื้อตั๋วเข้าสู่สังคมที่ 'ปลอดภัย'
ในสายตาพวกนั้นที่ยังเคร่งเครียดอยู่เรื่องนี้
ผู้คนจะมองว่าฉันเป็นคนที่คล้อยตามพวกเขา แล้วคงจะสบายใจในระดับหนึ่ง
ผมจะยอมใจทำเพื่อเค้าเท่านั้น
ฉันจะทำเพื่อรณรงค์ต่อต้านไวรัส แต่ใน space ส่วนตัวก็ยังคงหาโอกาสไม่สวมใส่ด้วย
(เช่นเวลาอยู่คนเดียว)
และค่อยส่งสัญญาณให้เพื่อนคนไทยรู้ว่าถึงเวลาที่เราจะเริ่มใช้ชีวิตเข้ากับไวรัสนี้ไปแล้ว
จุดยืนของฉันปักหลักอยู่ที่เศรษฐกิจ
เราต้องเริ่มซ่อมแซมและช่วยมันฟื้นขึ้นบ้าง ถึงจะเจอเสี่ยงติดโรคก็ตาม
เพราะไวรัสไม่แรงอย่างเท่าที่คนคิดในตอนแรก และที่ยิ่งกว่านี้ คุนถาพ
ชีวิตคนสำคัญมากกว่า                      

โพส์ตเด่น

20plus club (Postscript 3, final)

แคปชั่นก๊อปจากเน็ต: โรงพยาบาลตำรวจบริเวณสี่ แยกราชประสงค์ ปี พ.ศ. 2542 แจกเสร็จ น้องก็นั่งรอจ่ายบิลอยู่ข้างๆผม มือน้องสั่น เหงื่อออกเต็มหน้า...

โพส์ตนิยม