Monday 18 November 2019

job at the 7-11, back to rehab (8)

แต่มึงกล้าทำก็ต้องกล้ารับด้วยนะจ๊ะ
บางคนอาจจะว่า ผมเสือกเรื่องชาวบ้าน แต่ผมเบื่อระอากับตัวแม่นี้แล้ว ที่ปล่อยละเลยลูกไปจนเค้าทำร้ายกับตัวเองและ (ตามที่เต๋าว่ายังต้องเจอทรมารตัวด้วย
ในช่วงนั้น ผมคิดแต่ว่า คงจะไม่มีใครดูแลน้องหรอกถ้าเราไม่ไปโวยวายเสียก่อน
แม่ไปฝากเค้าเอาไว้กับใครที่โน่นกันแน่  เราเห็นจากเน็ตว่า ราชบุรีมีสถานีบำบัดผู้ติดยาเสพติดเยอะพอสมควรแต่ไม่ค่อยมีใครให้บริการฟรีอย่างที่ไอ้เต๋าว่าไป
สถานที่บำบัดที่ให้บริการฟรี จะมีคุณภาพมีไหม
ผมโกรธจนพูดไม่ออก อยากบอกแม่ว่าผมเป็นห่วงลูกแต่พอเจอหน้าเค้าจริง ก็กลับพูดไม่ออกเกือบร้องให้แทน
แม่โมโหไม่แพ้กัน
'
ไมเคิลบุกบ้านแม่ได้ยังไง กูคิดอะไรอยู่ จะให้แม่เรียกตำรวจไหมแม่ท้าผมไป
แฟนเค้า เป็นทอมหน้าสวยตาโตเศร้าๆ เดินมาหาและพยายามปลอบใจ
'
ไม่เป็นอะไรเอาไว้คุยวันหลังก็ได้'
เมื่อผมพูดไม่ออก ผมต้องยอมใจถอยไปสักสองสามก้าวให้พ้นหน้าบ้าน
เสร็จแล้วแฟนแม่ลาผมไปแล้วก็ปิดประตูล๊อคไว้ไม่ไห้ผมป่วนอีก
เมื่อผมย้อนกลับไปนึกถึงดราม่านั้น ผมยังจำคำพูดสุดท้ายของแม่ก่อนเรื่องจบ ที่ฟังน่าตรึงใจจัง
เค้ายืนกลางห้องด้วยกับลูกตัวเล็กและแฟนทอมทั้งหมดสามคน แต่ดูเหมือนยืนเปลี่ยวเปล่าในโลกว้าเหว่คนเดียว ไม่มีใครช่วยหรือเข้าใจเค้าได้
'
แม่อยากอยู่คนเดียวเค้าขอด้วยอาการออดอ้อนและดูเหมือนอยากร้องไห้
เรารู้อยู่แล้วว่า แม่เป็นคน ไม่ชอบกังวล’ อย่างที่ธีร์เองเคยบอก
เค้าถึงปล่อยทิ้งปัญหาลูกจนบานปลาย
และทุกวันนี้ยังรู้สึกจนมุมอยู่เลย
ไม่รู้จะแก้ปัญหาลูกดื้อๆ ยังไงดีแล้ว
กระทั่งแกผลักเรื่องนี้ออกไปไกล ให้เป็นหน้าที่ของสถานบำบัดแล้ว
พอผมสะกิดใจให้แม่กลับไปนึกถึงเรื่องนี้โดยโพสเมสเซจนั้น แม่ก็เหมือนปรี๊ดแตกรีบบล๊อคผมเพราะอยากเลี่ยงเรื่องเจ็บๆ นี้ไป
ผมสงสารเค้าชั่ววูบหนึ่ง หายโกรธไปแล้วแต่ยังคิดไม่ออกว่าจะพูดอะไรดี
ผมกลับบ้านพร้อมกับรู้สึกผิดและช็อคกับนิสัยตัวเอง
ตั้งแต่ย้ายมาเมืองไทยผมไม่เคยน็อตหลุดใส่อารมณ์กับใครขนาดนั้น นอกจากกับแฟนตัวเอง
ผมรู้สึกอับอายจริง
ผมโชคดีที่แม่ไม่ได้ไปแจ้งความว่าผม (เกือบจะบุกบ้านเค้า
เค้าคงเข้าใจว่าผมเจตนาดี
เค้าน่าจะมีเวลาสิ้นหวังกับลูกเกือบบ้าไปแล้วเหมือนกัน
วันต่อมา ตามสไตล์ของแม่ที่ทำอะไรก็ต้องบันทึกไว้ให้แฟนคลับแกรับรู้ทางโซเชียล
เค้าลุกขึ้นไปว่าผมทางเฟซ (แต่ผมสมควรโดน)
เค้าเขียนว่า

‘#
เชื่อมั่ย ตอนนี้กูนี่จิตสับสนมากนะ  วันนึงดี วันนึงร้าย  วันๆนึงมีเรื่องให้คิดจนจะเป็นบ้า  บางวันนั่งกินข้าวอยุ่ดีๆก็มีคนบ้าเปิดประตูมาด่า

ต่อจากนั้นแม่ก็ไปโพสอีกว่า

‘#
มีคนบ้ามาเปิดประตูด่า
#
กูเชื่อว่างวดนี้กูจะถูกหวยรวยเป็นเศรษฐี อิเหี้ย



แต่พอมีผู้ฟอลโล่แม่ถามกลับว่า
 'ใครบ้า'
แม่ก็รักษาหน้าผมนิดหน่อยโดยตอบว่า 'คนที่ไหนไม่รู้'
ขอพักดราม่าในซอยนิดนึง หันไปพูดถึงบทบาทที่โซเชียลมีเดียจะเล่นในเรื่องราวนี้บทตอนท้าย
ผมกล่าวไปแล้วว่า แม่ชอบสร้างภาพทางเฟซว่าตัวเองเป็นคนเก่งและน่าสงสารในฐานะเป็นซิงเกิ้ลมัม
แต่ผู้หญิงคนนี้ ไม่ได้เล่นเน็ตเหมือนคนธรรมดานะ บางวันเค้าขึ้นโพสเป็นหลายๆรอบ
เป็นเซียนนักเล่นเฟซก็ว่าได้

now, see here

job at the 7-11, back to rehab (7)

ผมตัดสินใจว่าจะเขียนคำอธิบายให้แม่
เพราะผมเป็นห่วงน้องจริง
ผมใช้เวลาเขียนคำอธิบายเป็นหลายวัน
เขียนเนื้อความเสร็จผมโพสขึ้นเฟซแม่
เมื่อส่งไปแล้วผมรอลุ้นให้เค้าตอบ
ผมรู้ว่า เค้าอาจจะรู้สึกไม่พอใจที่ผมเสือกพูดถึงเรื่องลูกอยู่บนเฟซเค้า
แม่ใช้พื้นที่ไปขายของและสร้างภาพตัวเองให้ดูดี เค้าคงไม่อยากรับรู้อะไรเกี่ยวกับลูกเลย
ก่อนหน้านี้ผมก็บล๊อคเค้าทางไลน์ และแม่ก็บล๊อคผมทางเมสเซนเจอร์กลับ ผมเลยไม่รู้จะคุยกันยังไงดี
แต่ผมยังหวังว่าเค้าจะเห็นใจความรู้สึกผม และเข้าใจว่าผมมีเจตนาดี
เนื้อความเมสเสจดังกล่าวเป็นอย่างนี้ (ผมจะสรุปเอาสั้นๆหน่อยเพราะเวอร์ชั่นเดิมยาวไปนิดหนึ่ง)

ร้านที่ผมเขียนแมสเสจถึงแม่
สวัสดีคับแม่
ผมเห็นโพสนี้เป็นหลายวัน ไม่แน่ใจว่าแม่หมายถึงผมด้วยรึป่าว
ไม่รู้จะตอบยังไงดีด้วยเพราะไม่ค่อยได้เล่นเฟซ
ที่แม่บอกว่าผม 'เป็นฝ่ายเริ่มก่อน'
ก็น่าจะใช่ ผมชอบใช้อารมณ์ก่อนคิด
ถ้าผมรู้ว่าลูกจะกลับไปเล่นอีก ผมคงจะรักษาคำพูดให้ดีกว่านี้
ผมไม่ได้โกรธแม่หรอก ผิดหวังมากกว่าที่เรายังคุยกันไม่ได้ทุกวันนี้
ผมขอให้กำลังใจทั้งแม่กับลูกนะครับ
ไม่อยากคิดว่าน้องต้องสู้คนเดียวที่โน่น
ผมพยายามคุยกับเค้า เพื่อจะเรียกสติน้องกลับไปอยู่กับพวกเราบ้าง
แต่ตอนนี้เราคุยกันปกติไม่ค่อยได้ เราชอบทะเลาะกันมากกว่า
แต่ผมบอกเค้าว่า ผมจะไม่ยอมแพ้ จะสู้กับปัญหานี้และช่วยเค้าจนอาการน้องดีขึ้น
เจอกันวันล่าสุด ผมถามเค้าว่า 'สมองนี้ยังใช้ได้อยู่รึป่าว' (ผมถามถึงตัวเค้าเอง ไม่ใช่สมองผม)
'
ใช้ได้อยู่น้องตอบอย่างหนักแน่น
ก่อนที่จะไล่ผมออกไปไกลๆ ตัว
ผมด่ามันกลับ (เราเริ่มเป็นดาราเล่นละครน้ำเน่าเสียแล้ว)
ผมรู้ดีว่าโรคซึมเศร้าเป็นยังไงเพราะเคยเป็น
เราคงรับมือกับอาการนี้ด้วยคนเดียวไม่ได้
โทษทีถ้าผมพูดถึงเรื่องส่วนตัวนิดหน่อย รู้มั้ยว่าเมื่อแม่ทิ้งน้องคนเดียวที่บ้าน สภาพน้องเสื่อมลงมาก
เวลาแม่กลับมาอาการเค้าดูดีขึ้น เพราะแม่จะเป็นตัวช่วยกระตุ้นให้เค้าคิด
เราต้องอยู่ใกล้ชิดกับตัวเค้าตอนนี้
ถ้าผมยังช่วยแม่ได้...ติดต่อผมได้นะคับ รับรองไม่กวน
บายๆ ก่อนนะคับ
ผมมีเจตนาดี และหวังว่าจะได้รับการตอบรับดีด้วย
แต่แม่กลับไม่ชอบ
ผมโพสขึ้นเฟซแม่ไม่กี่นาที แม่จะบล็อคผมเรียบร้อยแล้ว โดยไม่ได้พูดอะไรเลย
ผมแม่งเจอโชคร้ายอีกแล้ว
แต่ด้วยที่ว่า ผมใช้เวลานานมากที่ไปเขียนเรื่องนี้ เมื่อโดนบล๊อคไป ผมเกิดโมโหมากจนระงับอารมณ์อยู่ไม่ไหว
ผมนั่งอยู่ที่ร้านใกล้ออฟฟิซคนละฝั่งกับซอยอมร พอโดนบล๊อคก็รีบปั่นจักรยานวิ่งไปยังบ้านแม่เหมือนคนบ้า
พอไปถึงหน้าบ้านแล้วผมไม่ได้เคาะประตูแบบสุภาพ แต่ดันไปเปิดประตูแรงปั้งเลยโดยไม่แคร์ว่าคนข้างในจะว่ายังไง
ข้างในบ้านผมเห็นแม่ แฟนเค้า และลูกตัวเล็กนั่งกินข้าวกันอยู่
'
มึงบล๊อคผมได้ยังไงผมตะโกนจากหน้าประตูบ้านใส่แม่ ไม่กล้าก้าวไปข้างในบ้านหรอกแต่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
ไม่รู้จะระบายความเครียดยังไงดี เพราะผู้หญิงคนนี้ไม่ยอมคุย
ผมลืมตัวเองจริงๆจนทุกวันนี้จำไม่ค่อยได้ว่าเราพูดอะไรไปในสองสามนาทีนั้น ที่เราทำตัวบ้าๆบอๆ
น้อง บี วิ่งหนีหาที่หลบเมื่อผมเริ่มร้องตะกอนใส่แม่เค้า ทั้งแม่กับแฟนตาโตตกใจ
แต่ผมแอบสังเกตุว่า สองสาวตัวดีนี้ดูเหมือนว่า เค้าพึ่งร่วมหัวกันวางแผนทำร้ายกับความรู้สึกผม ที่บล๊อคผมไป
เค้าคงภูมิใจกับฝีมือแย่ๆของตัวมันเอง และไม่ได้นึกสักนิดว่า ผมจะกล้าไปหามันที่บ้าน

now, see here

job at the 7-11, back to rehab (6)

เพราะแม่ต้องเจอลูกบ้าง เห็นสภาพจิตก็น่าจะรู้แล้วว่าเค้าติดยา
การพาไปบำบัดตัวครั้งนี้ แม่มีเพื่อนช่วย
หนุ่มคนนี้ ชื่อวัด เคยเล่นยาเมื่อก่อนเหมือนกัน อาสาสมัครพาน้องไปบำบัดตัวที่จังหวัดราชบุรี
 วัดเคยไปรักษาตัวเองที่สถานบำบัดแห่งนั้น เมื่อไม่กี่เดือนก่อน และแนะนำให้น้องไปด้วย
ผมไม่รู้จักวัดส่วนตัว แต่เมื่อไม่นานนี้เอง ก็มักจะเห็นเค้าเดินมุ่งไปหาพวกเล่นยาที่ซอกโต๊ะแปดนั้นเกือบทุกคืน เป็นแหล่งเล่นยาแถวบ้านเรา ที่น้องธีร์ชอบไปนั่งเล่นด้วย
วัดมีลูกชายตัวเล็ก ที่ชอบตัวติดพ่อไปที่โน่นประจำ พอวัดทำธุระที่โน่นเสร็จเค้าจะเดินกลับไปด้วยกับลูก
ลูกเค้าเป็นเด็กที่มีไหวพริบดี  (ผมเล่นกับเค้าบ่อยที่หน้าบ้านวุฒิ ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางกลับกับพ่อเค้าน่าจะรู้ว่าพ่อกำลังทำอะไรกับพวกมัน
ช่วงเวลานั้นก็น่าจะเป็นช่วงก่อนที่วัดไปบำบัดตัว
ในเวลาต่อมา หลังจากน้องเข้าบำบัดตัวที่ราชบุรีเรียบร้อยแล้ว ผมได้รู้จากเพื่อนว่า วัดแวะไปสอนธีร์ที่โน่นด้วย ว่าจะเลิกเล่นยายังไงดี และปรับตัวเป็นคนดีในสังคม
แม่กับธีร์ไปช็อปปิ้งกัน แม่โพสต์ไปในช่วงนั้นที่น้องถูกพาไปรับการบำบัดตัวรอบที่สอง โดยไม่ได้บอกผู้ติดตามเฟซเค้าว่า ที่จริงแล้ววันนั้นน้องเข้าบำบัดตัว เป็นรูปเก่า สภาพน้องแย่มากตอนนั้น (เหมาะกับการไปรักษาตัว ไม่ใช่ไปช็อปปิ้งหรอก แม่อยากนึกถึงเวลาดีๆมากกว่าละมั้ง ถึงเลือกโพสต์รูปหลอกคน)
สภาพตัวน้องจริงๆก่อนไปรักษาตัว
ตอนแรกพวกเรา ไม่ได้รู้เรื่องหรอกว่า แม่พาเค้าไปบำบัดตัวอีกครั้ง เพราะแม่ไม่ได้บอกใครในกลุ่มเพื่อนเค้า และน้องเองไม่มีโอกาสไปลาใครทั้งๆที่เราคงไม่ได้เจอกันอีกนาน
เวลาต้องผ่านไปหลายวันก่อนที่พวกเราสังเกตุเห็นว่าน้องไม่อยู่
เพื่อนบ้านและเพื่อนสมัยเด็กธีร์ คือน้องต้นนั้นเอง ยังไม่รู้เลยว่าธีร์ไปแล้ว
สุดท้ายผมได้ข่าวว่าน้องไปบำบัดตัวจากหนุ่มคนหนึ่ง ชื่อเต๋า ที่รู้จักพวกเพื่อนแม่ร่วมถึงหนุ่ม วัด ด้วย
วันนั้นผมนั่งกินเหล้ากับเต๋า ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านวุฒิ
เค้าเล่าให้ฟังว่าคุณวัด ซึ่งเป็นเพื่อนแม่ธีร์ พาน้องไปบำบัดตัวเมื่อสองสามวันก่อน
เป็นครั้งแรกที่พวกเราได้รับรู้ว่าเค้าไปรักษาตัว
เต๋าเล่าต่อว่า 
'คลีนิกบำบัดตัวนี้ให้บริการฟรี แต่เค้าทำโหดๆ แบบหักดิบ หมอไม่ได้ให้ยาช่วยคนเลิกยาหรอก ผู้ป่วยจะถูกล่ามโซ่ติดเสาไปเลยจนไม่มีอาการติดยาแล้วเค้าว่าไป
เต๋าเล่าให้ฟังเฉยๆ ไม่ได้พูดกวนหรือแกล้งให้ผู้ฟังสะเทือนใจหรอก (มั้ง...ผมมารู้ทีหลังว่าไอ้เต๋าพูดเพี้ยนและไขว้เขวเกือบทั้งเรื่องเลย) แต่ผมก็ยังตกใจและคิดมากอยู่ดี
ผมได้ไปดูแลน้องเหมือนเป็นลูกหลานเรา พอได้ยินข่าวที่ว่าน้องถูกล่ามโซ่ไว้กับเสาทิ้งไปอย่างนั้น
ผมรู้สึกแย่
ไม่อยากคิดว่าเค้าจะโดนทุกข์ทรมารขนาดนี้
พอเลิกคุยกันผมแอบเดินไปที่หน้าบ้านแม่ แล้วก็ฝากคุณลุงเพื่อนบ้านเค้า ให้บอกแม่ว่า ผมอยากไปเยี่ยมน้อง เมื่อไรสะดวกขอพาผมไปหาลูกที่โน่นหน่อย
คุณลุงคงได้บอกแม่นั้นแหละ เพราะในวันถัดไปช่วงเช้า ผมเดินเข้าซอยและได้เห็นแม่คุยกับผู้ใหญ่ในศูนย์กลางชุมชนพอดี
แต่เมื่อแม่เห็นผมกำลังเดินไปหาปุ๊บ แม่วิ่งหนีออกไป จนผมตามไม่ทัน
เค้าวิ่งเข้าซอกแคบๆ ข้างๆตึก แล้วก็หันกลับไปมองดูว่า ผมกำลังเดินทันตัวเค้ามั้ย ก่อนโดดขึ้นแท็กซี่แล่นออกไปตามถนนพระราม 3
เรามีปัญหากันก่อนหน้านี้จริงและไม่ได้คุยเป็นเวลานานแล้วด้วย
แต่ผมคิดว่าเรื่องของลูกคงสำคัญมากกว่า ผมรู้สึกเสียดายที่เรายังคุยกันไม่ได้
ตอนเย็นๆวันเดียวกันเค้าขึ้นโพสเฟซในทำนองประชดผมว่า
ถ้ากูใจร้ายใส่ใคร
โปรดจงรู้ไว้
กูไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อน
เค้าไม่ได้เอ่ยชื่อผม แต่เป้าหมายน่าจะเป็นผมนั้นแหละ
ซึ่งโพสนี้บ่งบอกว่าแม่คงรู้สึกผิดที่หนีผมไปนิดหนึ่ง
แต่อยากแสดงความไม่สบายใจมากกว่าที่เรายังบาดหมางใจกัน
ผมต้องอธิบายนิดนึงว่าแม่ใช้เวลาเยอะมากกับการเล่นโซเซียลจนเป็นชีวิตจิตใจเค้า
เค้ารู้กติกาการเล่นดี คืออยากติเตียนหรือต่อว่าใครไป ไม่ต้องระบุชื่อเค้าก็ได้ คนที่เป็นเป้าหมายการโจมตีนั้นคงจะรู้เอง
เพราะฉะนั้นจะมีแต่คนโง่ๆอย่างฉันเท่านั้นที่จะเอาเรื่องแค่นี้ไปคิด แต่ฉันเอาไปคิดจริง
แม่รู้อยู่แล้วว่าผมสนิทกับลูกเค้าแล้วทุกวันนี้ยังเป็นห่วงอยู่ จะแกล้งผมทำไม

now, see here

โพส์ตเด่น

20plus club (Postscript 3, final)

แคปชั่นก๊อปจากเน็ต: โรงพยาบาลตำรวจบริเวณสี่ แยกราชประสงค์ ปี พ.ศ. 2542 แจกเสร็จ น้องก็นั่งรอจ่ายบิลอยู่ข้างๆผม มือน้องสั่น เหงื่อออกเต็มหน้า...

โพส์ตนิยม