Monday, 18 November 2019

haircut adventures (2)

รูปๆน้องเป็นเด็กเล็ก
แม่เค้าเคยเล่าให้ฟังว่า เมื่อไรที่น้องอยากเล่น เค้าจะขอเงินแม่ พอได้เงินแล้วก็จะเดินออกไป เค้าเลยไม่ค่อยได้เจอกัน "ฉันปล่อยให้ลูกเป็นเด็กวัยรุ่นมากเกินไป" แม่เคยยอมรับกับผมเวลาต่อมา
สรุปแล้วแม่รู้ดีว่าลูกจะเอาเงินเค้าไปทำอะไร คือซื้อยาเล่นนั้นเอง
แต่ผลที่ออกมาคือ น้องเล่นต่อจนแม่ไม่เอามันแล้ว ทั้งๆที่ตัวเค้าเองช่วยสร้างปัญหานี้ตั้งแต่ต้น
-
วันนั้นที่เราพาน้องออกไปตัตผม ผมคิดในใจว่า นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่มีใครพาเค้าออกจากสลัมเป็นนาน
เพราะ น้องไม่ค่อยมีใครช่วนนอกจากวุณิกับผมเอง
โลกของเค้าดูแคบมากทุกวันนี้ 
ไม่มีใครพาออกไปข้างนอก น้องไม่มีงานทำ ไม่มีอดิเรก
พ่อติดคุก ญาติๆหายไปไหนไม่รู้
ที่สำคัญ ถ้าแม่ไม่ยอมดูแลลูกแล้ว ภาระนั้นต้องตกเป็นปัญหาคนอื่น
นี่ก็สร้างความลำบากใจสำหรับคนที่ยื่นมือช่วยน้องในช่วงนี้ ร่วมถึงผมด้วย ค่าเลี้ยงดูเค้าแพงถ้าต้องออกเงินทุกวัน แต่เราจะค้ำจุนทุกเรื่องราวในชีวิตน้องไม่ได้หรอก บางครั้งเพื่อนที่เคยช่วยจะไม่มีตังค์ อย่างนั้นน้องธีร์ก็ต้องอดกินข้าว 
ผมช่วยดูแลน้องเป็นหลายเดือน เราเห็นเค้าเจอความลำบากมากขึ้นไปเรื่อย จนสภาพร่างกายและจิตใจเริ่มเสื่อมลง น้องจะมีเวลาฟื้นตัวแล้วก็ฟุบลงไปอีกเสมอ แต่เมื่อไรที่ฟุบลงเค้าจะดูแย่จริง  จนทุกคนเห็นชัดเจนว่าเค้าเริ่มไม่ไหวแล้ว 
-
ย้อนกลับไปที่ในซอยวันนั้นที่เราพาน้อง ดื้อๆ ไปตัดผม
ก่อนหน้านี้ น้องธีร์ชอบบ่นว่า ‘ผมยาวอยากไปตัดผมเป็นหลายอาทิตย์ แต่ผมและเพื่อนๆไม่ว่างพาไป
และถ้าน้องอยากจะออกไปข้างนอกเค้าต้องไปเอง
ตอนแรกน้องขอไปเองคนเดียวแต่ผมไม่ยอม  
เพราะเมื่อก่อนผมเคยออกค่าตัดผมให้ 50 บาท แต่เค้ากลับอมเงินค่าตัดผม ที่ผมให้ไปนั้นและดันเอาไปเล่นเกมส์แทน
ผมเลยปฏิเสธเค้าไป 
แต่ผมเริ่มเบื่อที่ได้ยินน้องเค้าเรียกร้องอย่างนั้น ผมถึงตกลงว่าจะพาไปที่ร้านที่เรารู้จักเอง
เราทำนัดกันไว้ เจอกันที่บ้าน วุฒิก่อน ที่ช่วยน้องเหมือนกัน
พอถึงบ้าน ผมแอบตรวจดูสภาพน้อง ว่าพร้อมที่พอจะพาออกไปสู่สายตาคนภายนอกได้มั้ย
คือคนข้างนอกซอยจะรู้มั้ยว่าเด็กวัยรุ่นนี้ ไม่มีที่นอนประจำตอนนี้ ไม่ค่อยได้เทคแคร์ดูแลตัวเองด้วย
เป็นเด็กกุ๊ยในซอยสลัม

now, see here

haircut adventures (1)

ธีร์นั่งหน้าร้านเกมส์ ผอมลง ไม่มีใครสนใจ

'ผมไม่เอา ผมไม่เอา มันเลอะเทอะ ผมจะไม่ไปตัดผมที่ร้านแบบนั้นหรอก’
วัยรุ่นชายคนหนึ่ง ชื่อธีร์ (นามสมมุติ)
ใส่อารมณ์กับผม เสร็จก็หันหน้ามุ่งเดินกลับบ้าน
ตั้งหน้าตั้งตาโกรธๆผม เหมือนว่าผมพิสูจน์ให้น้องเห็นอีกทีว่าผมมั่วซั่ว ไม่ยอมเข้าใจในเด็กวัยรุ่นแบบเค้าได้สักที
ผมก็งงเหมือนกัน เค้ามีปัญหาอะไรกันนัก ถึงจะได้ไม่ยอมร่วมมือกับผมเลย และเป็นตัวเค้าเองที่อยากไปตัดผม แต่พอใก้ลถึงหน้าร้าน ก็กลับดื้อไม่เอา
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ซอยอมร
เป็นช่วงเย็นๆ วันทำงานหน้าฝน
น้ำฝนเม็ดใหญ่ๆ เริ่มจะตกแต่อากาศยังร้อนๆอยู่เลย
ผมปาดเหงื่อหน้าผากออก
ผมพยายามเก็บอารมณ์ ไม่พูดอะไรดีกว่า
แต่ใจก็อยากจะพูดจริงๆว่า มันชอบทำตัวน่าลำคาญใส่ผม
-

น้องธีร์ อายุ 19 ร่างค่อนข้างสูงผอมเพรียว 
เวลาเครียดก็จะชอบเดินลักษณะก้าวร้าววางท่าเหมือนว่าข้านี้เป็นนักเลง
แต่ปกติเป็นคนเงียบเหมือนเด็กเก็บกด
ผมและน้องธีร์เริ่มคบกันเป็นเพื่อนต่างวัย หลังจากแม่ไล่เค้าออกจากบ้าน และน้องได้ไปซุกหัวอยู่ที่บ้านเพื่อนผมคนนึง ชื่อวุฒิ
น้องธีร์เป็นลูกชายคนโต มีน้องชายคนหนึ่งวัยเรียนประถม ชื่อ บี
แม่เค้า ตัวเล็กๆ อายุยังน้อยแค่ 35 ปี
เป็นครอบครัวเล็กๆอยู่กันแค่สามคนที่มีแม่เป็นหัวหน้าครอบครัวและ single mum
น้องธีร์และน้องบี เป็นพี่น้องแม่เดียวกันแต่คนละพ่อ แต่หน้าตาดูคล้ายคลึงกับแม่มากกว่า
รูปทรงใบหน้าแม่มีกรามกว้างคล้ายเหมือนคนอีสาน แต่หน้าตาคมคิ้วโค้งยาวสวยเป็นจุดเด่น
แม่ยังเป็นสาว ชอบทำตัวเป็นเน็ตไอดอล ลงทุนเวลาวันละหลายๆช.ม.เล่นเฟซ
และติดเพื่อนอีกต่างหาก
และดูไม่ค่อยสนใจลูกคนโตมากนัก (แต่ชอบลูกคนเล็ก ที่ยังวัยน่ารัก ไม่โต้เถียงกับแม่)
หลังจากน้องธีร์มัวเล่นยาเสพติดเป็นนาน จนโดนตำรวจจับพร้อมกับพ่อเมื่อกลางปี
จนแม่เค้าไม่ไหวแล้ว
เค้าเลยต้องออกคำสั่งให้น้องเลิกเล่นยา เมื่อถ้าเค้าไม่ยอมเลิกอีก ก็จะไล่เค้าออกจากบ้าน ให้ไปสู้ชีวิตคนเดียวเพื่อจะเรียนรู้ว่าเค้าเลือกทางผิด
ถ้าน้องเจอปัญหาอะไร แม่จะไม่ช่วยแล้ว
(
แต่ถ้าไม่มีเงินและไม่มีงานทำเค้าจะเลี้ยงตัวเองยังไงนะแม่)
เค้าเป็นเด็กใจอ่อน ไม่ค่อยมีประสบการชีวิต
ตั้งแต่เรียนจบโดยไม่มีวุฒิ แทบจะไม่ได้ทำอะไรกับชีวิต
เวลาเล่นยาเค้าต้องพึงพาอาศัยเงินแม่

now, see here

คำนำ (Spoiler alert!)

ฉันเป็นโซเชียลมีเดียสตาร์นะโว่ย!

ก่อนที่แม่จะไล่เค้าออกจากบ้าน ก็มีเหตุเกิดขึ้นเมื่อน้องต้องโดนตำรวจจับ เมื่อเดือนกุมภาที่แล้ว แม่เล่าให้ฟังว่า น้องถูกจำคุกอยู่ที่ ‘สถานพินิจกักกันเยาวชน’ เป็นเวลา 42 วัน
ซึ่งเป็นสถานที่ ที่มีระบบเข้มงวดคล้ายๆกับค่ายทหาร
ตอนนั้นผมไม่ได้รู้เรื่องทั้งหมด แต่ยังจำได้อยู่ ผมเคยเดินเข้าซอยแล้วก็เห็นน้องหัวเกรียนเหมือนนักโทษทั่วไป
เค้าดูไม่สบายใจเท่าไร ผมเลยไม่กล้าถามว่าเค้าโดนอะไรมา
แต่ก็น่าจะเป็นช่วงนั้นที่เค้าเพิ่งออกจากสถานพินิจนั้นเอง
เมื่อนึกภาพนี้ออกแล้ว ผมถามแม่เล่นๆ ว่า ‘ลูกร้องไห้บ่อยไหมเพราะผมไม่เคยเห็น’
แม่บอกว่าธีร์เป็นคนใจแข็ง ถ้าร้องก็ไม่อยากให้ใครๆเห็น
‘ครั้งล่าสุดที่เห็นน้องร้องไห้เป็นเมื่อไรนะแม่’ ผมถามต่อ
‘อ้อ น่าจะเป็นช่วงนั้นที่เค้าไปติตคุกไง แม่ไปหาเค้าวันเสาร์อาทิตย์ นั่งตรงข้ามกันแต่เค้ามีกระจกกั้นไว้ไม่ให้ญาติกับผู้ต้องขังจับกัน
‘วันนั้นแม่เลยเห็นลูกน้ำตาคลอเบ้า ไม่ถึงกับร้องแต่ใกล้แล้ว’ แม่หัวเราะ
-
แม่เป็นนางเอกในเรื่องราวของน้อง
แม้ว่าเราเจอกันไม่บ่อยสักเท่าไรในช่วงนี้ที่เค้ามีปัญหากับลูก
แต่ผมจะอ้างอิงคำพูดของแม่เค้าต่อเนื่องหลายตอนหลายจุดในเรื่องนี้ เพื่อผู้อ่านจะได้รู้จักน้องให้ดีขึ้น
พูดง่ายๆ ผมและแม่มักจะคุยกันดียามเค้ายังแฮปปี้กับลูก
เวลาลูกสร้างปัญหาน่าปวดหัว แม่จะใส่อารมณ์กับคนไหนที่เอ่ยถึงเค้า
ดังนั้น ผมและแม่มักจะมีปัญหากันตามมาด้วย
ความสัมพันธ์เราจะคดเคี้ยววกไปวนมาแบบนี้แหละ
เดี๋ยวดีเดี๋ยวแย่ตามอารมณ์ของเราและของเค้า
ก่อนที่น้องออกจากบ้าน ผมไม่ได้คุยกับแม่เป็นปีแล้ว
หลังจากผมได้เจอน้องที่บ้านวุฒิ เพื่อนของเรา แล้วได้รู้เรื่องปัญหาระหว่างแม่กับลูกนั้น
ผมไปหาแม่เพื่อจะบอกแกว่าเราเป็นห่วงสภาพน้อง
แต่แม่ฟิวส์ขาดไม่ยอมคุย 
จากนั้นเราจะไม่ได้คุยอีกนานจนกระทั่งแม่ได้พาลูกไปบำบัดตัวตอนเดือนพฤศจิ
จากนั้นเราคุยกันอีกไม่กี่อาทิตย์ก่อนแม่จะใส่อารมณ์กับเราอีกและเราก็เริ่มห่างกันจนได้
เมื่อน้องออกจาก ร.พ. ตอนสิ้นปี และไปทำงานข้างนอกแล้ว
แม่ก็รูสึกสบายใจขึ้น แล้วเราจะเริ่มคบกันใหม่
แต่อีกไม่กี่เดือนต่อมา น้องจะกลับไปเล่นยาอีกที
เลยพาผมและแม่มีปัญหากันอีกด้วย
จนกระทั้งแม่ต้องพาลูกไปบำบัดตัวแบบยาวนานในช่วงต้นเดือนมิถุนา
หลังจากการเข้าไปบำบัดตัวรอบที่สองนี้
ผมและแม่เกือบมีเรื่องแต่อีกไม่นาน เราคืนดีกันใหม่
ตอนนี้ถึงจะคุยไม่บ่อยนัก แต่เราก็ยังสบตากันได้อยู่
งงไหมคับผู้อ่าน

now, see here

โพส์ตเด่น

Blast from the past (part 1)

Jack's Point golf club, with the Remarkables range "คุณเคยมาที่นี่เมื่อก่อนนี้," ผู้จัดการร้านอาหารกล่าวอย่ างเป็นนัย ร้านอาหา...

โพส์ตนิยม