ฉันเป็นโซเชียลมีเดียสตาร์นะโว่ย! |
ก่อนที่แม่จะไล่เค้าออกจากบ้าน ก็มีเหตุเกิดขึ้นเมื่อน้องต้องโดนตำรวจจับ เมื่อเดือนกุมภาที่แล้ว แม่เล่าให้ฟังว่า น้องถูกจำคุกอยู่ที่ ‘สถานพินิจกักกันเยาวชน’ เป็นเวลา 42 วันซึ่งเป็นสถานที่ ที่มีระบบเข้มงวดคล้ายๆกับค่ายทหาร
ตอนนั้นผมไม่ได้รู้เรื่องทั้งหมด แต่ยังจำได้อยู่ ผมเคยเดินเข้าซอยแล้วก็เห็นน้องหัวเกรียนเหมือนนักโทษทั่วไป
เค้าดูไม่สบายใจเท่าไร ผมเลยไม่กล้าถามว่าเค้าโดนอะไรมา
แต่ก็น่าจะเป็นช่วงนั้นที่เค้าเพิ่งออกจากสถานพินิจนั้นเอง
เมื่อนึกภาพนี้ออกแล้ว ผมถามแม่เล่นๆ ว่า ‘ลูกร้องไห้บ่อยไหมเพราะผมไม่เคยเห็น’
แม่บอกว่าธีร์เป็นคนใจแข็ง ถ้าร้องก็ไม่อยากให้ใครๆเห็น
‘ครั้งล่าสุดที่เห็นน้องร้องไห้เป็นเมื่อไรนะแม่’ ผมถามต่อ
‘อ้อ น่าจะเป็นช่วงนั้นที่เค้าไปติตคุกไง แม่ไปหาเค้าวันเสาร์อาทิตย์ นั่งตรงข้ามกันแต่เค้ามีกระจกกั้นไว้ไม่ให้ญาติกับผู้ต้องขังจับกัน
‘วันนั้นแม่เลยเห็นลูกน้ำตาคลอเบ้า ไม่ถึงกับร้องแต่ใกล้แล้ว’ แม่หัวเราะ
-
แม่เป็นนางเอกในเรื่องราวของน้อง
แม้ว่าเราเจอกันไม่บ่อยสักเท่าไรในช่วงนี้ที่เค้ามีปัญหากับลูก
แต่ผมจะอ้างอิงคำพูดของแม่เค้าต่อเนื่องหลายตอนหลายจุดในเรื่องนี้ เพื่อผู้อ่านจะได้รู้จักน้องให้ดีขึ้น
พูดง่ายๆ ผมและแม่มักจะคุยกันดียามเค้ายังแฮปปี้กับลูก
เวลาลูกสร้างปัญหาน่าปวดหัว แม่จะใส่อารมณ์กับคนไหนที่เอ่ยถึงเค้า
ดังนั้น ผมและแม่มักจะมีปัญหากันตามมาด้วย
ความสัมพันธ์เราจะคดเคี้ยววกไปวนมาแบบนี้แหละ
เดี๋ยวดีเดี๋ยวแย่ตามอารมณ์ของเราและของเค้า
ก่อนที่น้องออกจากบ้าน ผมไม่ได้คุยกับแม่เป็นปีแล้ว
หลังจากผมได้เจอน้องที่บ้านวุฒิ เพื่อนของเรา แล้วได้รู้เรื่องปัญหาระหว่างแม่กับลูกนั้น
ผมไปหาแม่เพื่อจะบอกแกว่าเราเป็นห่วงสภาพน้อง
แต่แม่ฟิวส์ขาดไม่ยอมคุย
จากนั้นเราจะไม่ได้คุยอีกนานจนกระทั่งแม่ได้พาลูกไปบำบัดตัวตอนเดือนพฤศจิ
จากนั้นเราคุยกันอีกไม่กี่อาทิตย์ก่อนแม่จะใส่อารมณ์กับเราอีกและเราก็เริ่มห่างกันจนได้
เมื่อน้องออกจาก ร.พ. ตอนสิ้นปี และไปทำงานข้างนอกแล้ว
แม่ก็รูสึกสบายใจขึ้น แล้วเราจะเริ่มคบกันใหม่
แต่อีกไม่กี่เดือนต่อมา น้องจะกลับไปเล่นยาอีกที
เลยพาผมและแม่มีปัญหากันอีกด้วย
จนกระทั้งแม่ต้องพาลูกไปบำบัดตัวแบบยาวนานในช่วงต้นเดือนมิถุนา
หลังจากการเข้าไปบำบัดตัวรอบที่สองนี้
ผมและแม่เกือบมีเรื่องแต่อีกไม่นาน เราคืนดีกันใหม่
ตอนนี้ถึงจะคุยไม่บ่อยนัก แต่เราก็ยังสบตากันได้อยู่
งงไหมคับผู้อ่าน
แม่เป็นนางเอกในเรื่องราวของน้อง
แม้ว่าเราเจอกันไม่บ่อยสักเท่าไรในช่วงนี้ที่เค้ามีปัญหากับลูก
แต่ผมจะอ้างอิงคำพูดของแม่เค้าต่อเนื่องหลายตอนหลายจุดในเรื่องนี้ เพื่อผู้อ่านจะได้รู้จักน้องให้ดีขึ้น
พูดง่ายๆ ผมและแม่มักจะคุยกันดียามเค้ายังแฮปปี้กับลูก
เวลาลูกสร้างปัญหาน่าปวดหัว แม่จะใส่อารมณ์กับคนไหนที่เอ่ยถึงเค้า
ดังนั้น ผมและแม่มักจะมีปัญหากันตามมาด้วย
ความสัมพันธ์เราจะคดเคี้ยววกไปวนมาแบบนี้แหละ
เดี๋ยวดีเดี๋ยวแย่ตามอารมณ์ของเราและของเค้า
ก่อนที่น้องออกจากบ้าน ผมไม่ได้คุยกับแม่เป็นปีแล้ว
หลังจากผมได้เจอน้องที่บ้านวุฒิ เพื่อนของเรา แล้วได้รู้เรื่องปัญหาระหว่างแม่กับลูกนั้น
ผมไปหาแม่เพื่อจะบอกแกว่าเราเป็นห่วงสภาพน้อง
แต่แม่ฟิวส์ขาดไม่ยอมคุย
จากนั้นเราจะไม่ได้คุยอีกนานจนกระทั่งแม่ได้พาลูกไปบำบัดตัวตอนเดือนพฤศจิ
จากนั้นเราคุยกันอีกไม่กี่อาทิตย์ก่อนแม่จะใส่อารมณ์กับเราอีกและเราก็เริ่มห่างกันจนได้
เมื่อน้องออกจาก ร.พ. ตอนสิ้นปี และไปทำงานข้างนอกแล้ว
แม่ก็รูสึกสบายใจขึ้น แล้วเราจะเริ่มคบกันใหม่
แต่อีกไม่กี่เดือนต่อมา น้องจะกลับไปเล่นยาอีกที
เลยพาผมและแม่มีปัญหากันอีกด้วย
จนกระทั้งแม่ต้องพาลูกไปบำบัดตัวแบบยาวนานในช่วงต้นเดือนมิถุนา
หลังจากการเข้าไปบำบัดตัวรอบที่สองนี้
ผมและแม่เกือบมีเรื่องแต่อีกไม่นาน เราคืนดีกันใหม่
ตอนนี้ถึงจะคุยไม่บ่อยนัก แต่เราก็ยังสบตากันได้อยู่
งงไหมคับผู้อ่าน
now, see here
No comments:
Post a Comment
เขียนเป็นไทยหรืออ้งกฤษก็ได้คับ Thai or English is fine...