ผมตัดสินใจว่าจะเขียนคำอธิบายให้แม่
เพราะผมเป็นห่วงน้องจริง
ผมใช้เวลาเขียนคำอธิบายเป็นหลายวัน
เพราะผมเป็นห่วงน้องจริง
ผมใช้เวลาเขียนคำอธิบายเป็นหลายวัน
เขียนเนื้อความเสร็จผมโพสขึ้นเฟซแม่
เมื่อส่งไปแล้วผมรอลุ้นให้เค้าตอบ
ผมรู้ว่า เค้าอาจจะรู้สึกไม่พอใจที่ผมเสือกพูดถึงเรื่องลูกอยู่บนเฟซเค้า
ผมรู้ว่า เค้าอาจจะรู้สึกไม่พอใจที่ผมเสือกพูดถึงเรื่องลูกอยู่บนเฟซเค้า
แม่ใช้พื้นที่ไปขายของและสร้างภาพตัวเองให้ดูดี
เค้าคงไม่อยากรับรู้อะไรเกี่ยวกับลูกเลย
ก่อนหน้านี้ผมก็บล๊อคเค้าทางไลน์
และแม่ก็บล๊อคผมทางเมสเซนเจอร์กลับ ผมเลยไม่รู้จะคุยกันยังไงดี
แต่ผมยังหวังว่าเค้าจะเห็นใจความรู้สึกผม
และเข้าใจว่าผมมีเจตนาดี
เนื้อความเมสเสจดังกล่าวเป็นอย่างนี้ (ผมจะสรุปเอาสั้นๆหน่อยเพราะเวอร์ชั่นเดิมยาวไปนิดหนึ่ง)
เนื้อความเมสเสจดังกล่าวเป็นอย่างนี้ (ผมจะสรุปเอาสั้นๆหน่อยเพราะเวอร์ชั่นเดิมยาวไปนิดหนึ่ง)
สวัสดีคับแม่ผมเห็นโพสนี้เป็นหลายวัน ไม่แน่ใจว่าแม่หมายถึงผมด้วยรึป่าวไม่รู้จะตอบยังไงดีด้วยเพราะไม่ค่อยได้เล่นเฟซ
ที่แม่บอกว่าผม 'เป็นฝ่ายเริ่มก่อน'
ก็น่าจะใช่ ผมชอบใช้อารมณ์ก่อนคิด
ถ้าผมรู้ว่าลูกจะกลับไปเล่นอีก ผมคงจะรักษาคำพูดให้ดีกว่านี้
ผมไม่ได้โกรธแม่หรอก ผิดหวังมากกว่าที่เรายังคุยกันไม่ได้ทุกวันนี้
ผมขอให้กำลังใจทั้งแม่กับลูกนะครับไม่อยากคิดว่าน้องต้องสู้คนเดียวที่โน่น
ผมพยายามคุยกับเค้า เพื่อจะเรียกสติน้องกลับไปอยู่กับพวกเราบ้างแต่ตอนนี้เราคุยกันปกติไม่ค่อยได้ เราชอบทะเลาะกันมากกว่า
แต่ผมบอกเค้าว่า ผมจะไม่ยอมแพ้ จะสู้กับปัญหานี้และช่วยเค้าจนอาการน้องดีขึ้น
เจอกันวันล่าสุด ผมถามเค้าว่า 'สมองนี้ยังใช้ได้อยู่รึป่าว' (ผมถามถึงตัวเค้าเอง ไม่ใช่สมองผม)
'ใช้ได้อยู่' น้องตอบอย่างหนักแน่น
ก่อนที่จะไล่ผมออกไปไกลๆ ตัว
ผมด่ามันกลับ (เราเริ่มเป็นดาราเล่นละครน้ำเน่าเสียแล้ว)
ผมรู้ดีว่าโรคซึมเศร้าเป็นยังไงเพราะเคยเป็น
เราคงรับมือกับอาการนี้ด้วยคนเดียวไม่ได้
โทษทีถ้าผมพูดถึงเรื่องส่วนตัวนิดหน่อย รู้มั้ยว่าเมื่อแม่ทิ้งน้องคนเดียวที่บ้าน สภาพน้องเสื่อมลงมาก
เวลาแม่กลับมาอาการเค้าดูดีขึ้น เพราะแม่จะเป็นตัวช่วยกระตุ้นให้เค้าคิดเราต้องอยู่ใกล้ชิดกับตัวเค้าตอนนี้
ถ้าผมยังช่วยแม่ได้...ติดต่อผมได้นะคับ รับรองไม่กวน
บายๆ ก่อนนะคับ
ผมมีเจตนาดี
และหวังว่าจะได้รับการตอบรับดีด้วย
แต่แม่กลับไม่ชอบ
ผมโพสขึ้นเฟซแม่ไม่กี่นาที แม่จะบล็อคผมเรียบร้อยแล้ว โดยไม่ได้พูดอะไรเลย
แต่แม่กลับไม่ชอบ
ผมโพสขึ้นเฟซแม่ไม่กี่นาที แม่จะบล็อคผมเรียบร้อยแล้ว โดยไม่ได้พูดอะไรเลย
ผมแม่งเจอโชคร้ายอีกแล้ว
แต่ด้วยที่ว่า ผมใช้เวลานานมากที่ไปเขียนเรื่องนี้ เมื่อโดนบล๊อคไป ผมเกิดโมโหมากจนระงับอารมณ์อยู่ไม่ไหว
ผมนั่งอยู่ที่ร้านใกล้ออฟฟิซคนละฝั่งกับซอยอมร พอโดนบล๊อคก็รีบปั่นจักรยานวิ่งไปยังบ้านแม่เหมือนคนบ้า
พอไปถึงหน้าบ้านแล้วผมไม่ได้เคาะประตูแบบสุภาพ แต่ดันไปเปิดประตูแรงปั้งเลยโดยไม่แคร์ว่าคนข้างในจะว่ายังไง
ข้างในบ้านผมเห็นแม่ แฟนเค้า และลูกตัวเล็กนั่งกินข้าวกันอยู่
'มึงบล๊อคผมได้ยังไง' ผมตะโกนจากหน้าประตูบ้านใส่แม่ ไม่กล้าก้าวไปข้างในบ้านหรอกแต่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
แต่ด้วยที่ว่า ผมใช้เวลานานมากที่ไปเขียนเรื่องนี้ เมื่อโดนบล๊อคไป ผมเกิดโมโหมากจนระงับอารมณ์อยู่ไม่ไหว
ผมนั่งอยู่ที่ร้านใกล้ออฟฟิซคนละฝั่งกับซอยอมร พอโดนบล๊อคก็รีบปั่นจักรยานวิ่งไปยังบ้านแม่เหมือนคนบ้า
พอไปถึงหน้าบ้านแล้วผมไม่ได้เคาะประตูแบบสุภาพ แต่ดันไปเปิดประตูแรงปั้งเลยโดยไม่แคร์ว่าคนข้างในจะว่ายังไง
ข้างในบ้านผมเห็นแม่ แฟนเค้า และลูกตัวเล็กนั่งกินข้าวกันอยู่
'มึงบล๊อคผมได้ยังไง' ผมตะโกนจากหน้าประตูบ้านใส่แม่ ไม่กล้าก้าวไปข้างในบ้านหรอกแต่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
ไม่รู้จะระบายความเครียดยังไงดี
เพราะผู้หญิงคนนี้ไม่ยอมคุย
ผมลืมตัวเองจริงๆจนทุกวันนี้จำไม่ค่อยได้ว่าเราพูดอะไรไปในสองสามนาทีนั้น ที่เราทำตัวบ้าๆบอๆ
น้อง บี วิ่งหนีหาที่หลบเมื่อผมเริ่มร้องตะกอนใส่แม่เค้า ทั้งแม่กับแฟนตาโตตกใจ
ผมลืมตัวเองจริงๆจนทุกวันนี้จำไม่ค่อยได้ว่าเราพูดอะไรไปในสองสามนาทีนั้น ที่เราทำตัวบ้าๆบอๆ
น้อง บี วิ่งหนีหาที่หลบเมื่อผมเริ่มร้องตะกอนใส่แม่เค้า ทั้งแม่กับแฟนตาโตตกใจ
แต่ผมแอบสังเกตุว่า สองสาวตัวดีนี้ดูเหมือนว่า
เค้าพึ่งร่วมหัวกันวางแผนทำร้ายกับความรู้สึกผม ที่บล๊อคผมไป
เค้าคงภูมิใจกับฝีมือแย่ๆของตัวมันเอง
และไม่ได้นึกสักนิดว่า ผมจะกล้าไปหามันที่บ้าน