Saturday, 23 September 2023

20plus club (5)

ห้องที่เรา​จัดงาน dinner​ กัน ผมนั่งคุยกับลูกสาวเพื่อนแม่ซู

สมัยนั้น คู่ครองที่อายุห่างกันมากๆเมื่
อเทียบกับเรา ก็ถือว่าเป็นเรื่องแปลกตาในเมืองหัวโบราณอย่าง

Christchurch

เราเลือก Christchurch เป็นบ้านใหม่หลังจากพ่อได้งานเป็นครูใหญ่ ที่ รร ดัง แห่งหนึ่งนั้น

พวกเราบินมาจากเมืองซิดนีย์ ในเดือนเมษายน 1982

เมืองซิดนีย์สมัยนั้นเป็นเมืองใหญ่ที่มีชีวิตชีวาไม่ต่างกับทุกวันนี้

ถ้าจะเปรียบเทียบกัน Christchurch ดูเป็นคนละเรื่องเลย เมืองเล็กๆล้าสมัยที่ถูกอารยธรรมลืมทิ้งไปหลายศตวรรษที่แล้ว

เราแลก ซิดนีย์ มาเป็น Christchurch เพราะพ่ออยากให้อาชีพการงานก้าวหน้า

พร้อมทั้งพ่อแม่เคยพาเราไปเที่ยว New Zealand เมื่อสักปีก่อน และเกิดประทับใจกับความสวยงามของทิวทัศน์

เราถึงยอมเอาทองคำไปแลกกับดิน

แต่แลกไปแล้วจะทำอะไรดี

เอาจริงๆ สมัยนั้น New Zealand ดูไม่ต่างกับ North Korea ทุกวันนี้ ที่เค้าเรียกว่า the hermit kingdom

รัฐบาลมีผู้นำที่เป็นนายกรัฐมนตรีหัวโบราณชื่อ Robert Muldoon ชอบแทรกแซงทางเศรษฐกิจ

เอาภาษีประชาชนไปลงทุนทำโครงการขนาดใหญ่ทางอุตสาหกรรม

จัดการสวัสดิการที่เอื้อเฟื้อให้แก่ประชาชนเยอะมากเกิน

ควบคุมค่าจ้างแรงงานและราคาสินค้าไม่ให้ขึ้น

กีดกันทางการค้าระหว่างประเทศโดยตั้งกำแพงภาษีของนำเข้าให้สูง

 ผลพวงของนโยบายล่าช้าแบบนี้คือเศรษฐกิจจืดชืด

แค่เดินออกไปข้างนอกตอนเย็น เมื่อแสงพระอาทิตย์เริ่มจะสลัว เราจะเจอร้านค้าทั่วไปจะทยอยปิ

ดและไฟดับจนทั้งเมืองมืดมิดหลังสองทุ่ม!

ทุกคนกลับบ้านหมดแล้ว

เชอวอนเป็นคนใหม่ที่ christchurch เหมือนกัน

เค้าพึ่งหย่ากับผัวเก่าหมาดๆ ที่อำเภอ Hawkes Bay ในภาคเหนือ

เค้ารู้สึกช็อกไม่น้อยกว่าผมที่เมือง Christchurch ซึ่งใหญ่กว่า Hawkes Bay นั้นยังดูล่าช้าเหลือเกิน

คู่รักที่อายุห่างกันอย่างเรา จะไปเจอคนที่เข้าใจสถานะแปลกๆแบบเราได้ยังไงเล่

กลุ่มเพื่อนๆของแฟนเรา ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นเดียวกัน คือวัย 30-plus

ผมไปเจอเพื่อนๆของแฟนอยู่เรื่อยๆ แต่ผมมักจะนั่งเงียบๆ ไม่พูดอะไรมาก เพราะรู้เลยว่าเรายังเป็นเด็กอยู่

ถ้าเราเปิดประเด็นสถานะที่แตกแย้งระหว่างผมและครอบครัวนั้นไป เพื่อนๆ กลุ่มนี้มีแนวโน้มจะเข้าข้างตัวเรา

ส่วนใหญ่เค้าก็นั่งฟังเฉยๆ ผงกศีรษะเห็นด้วย

ไม่ได้พูดมากเช่นกันเพราะยังเกรงใจความรู้สึกอ่อนแอของผม

ถ้ามีใครแอบเห็นใจกับฝ่ายพ่อแม่เราที่อ้างว่า เชอวอนขโมยช่วงวัยรุ่นผมออกไป เค้าคงเก็บตัวเงียบปากเอาไว้

แต่เชอวอนต้องเจอกรณียกเว้นคนหนึ่งเข้า

ผู้หญิงคนนี้ ชื่อ จูดี

เป็นแม่ที่มีฝีปากแรงกล้าดี ที่ส่งลูกไปเรียนที่ รร ที่พ่อเราทำงานอยู่ด้วย

พอรู้ข่าวว่าเชอวอนไปคบกับผม และโน้มน้าวให้ผมออกจากบ้านไปพักอาศัยกันที่ห้องข้างนอก

แม่จูดีฉุนเฉียว

เค้าชวนเชอวอนออกไปเที่ยวกัน และบอกเค้าตรงๆว่าเค้าเป็นคนเลว

'ฉันไม่เห็นด้วยกับแกเลย ที่เอาเด็กควงแขนกันไปทั่วเมือง เพื่อจะอวดฝีมือตัวเองว่า ฉันอายุป่านนี้แล้ว แต่ยังดึงดูดเด็กชายให้มาเป็นแฟนกันจนดูอิ่มเอิบได้'  จูดี้ว่าเค้า

'ฉันสงสารพ่อแม่ไมเคิลจัง ตั้งใจเลี้ยงลูกให้เติบโตเป็นคนดี พอเจอตัวแกปุ๊บก็ดันถูกแกลากลูกเต้าหายไปจากชีวิตเค้าไปเลย

'แกปั่นหัวไมเคิลให้คิดสอดคล้องกับแกก็เห็นชัด และเล่นแง่ให้ครอบครัวเค้าจะแตกแยกกัน

'แกไม่มีลูกของตัวเอง แกคงไม่เข้าใจหัวอกของคนเป็นแม่หรอก

'เรามีลูกอายุรุ่นราคราวเดียวกับตัวไมเคิล ถ้าแกกล้าบุกเข้าไปยึดคลุมชีวิตเค้าแบบนี้ พูดตรงๆแกจะโดนผัวฉันไล่ออกจากบ้านเราทันที

'ฉันไม่ยากรู้จักคนเลวอย่างแก ขอเลิกคบเลย' จูดี้พูดแทงใจดำแฟนเราและต่อจากนี้ก็เลิกคบจริงด้วย

โชคดี ในทางพลิกกลับกัน เชอวอพอจะมีเพื่อนอื่นที่ยังเข้าใจเราบ้าง

หนึ่งในนั้น เป็น ผู้หญิงใจกว้าง ชื่อซู

เป็นแม่ที่ส่งลูกชายไปเรียนที่ รร ที่พ่อเราทำงานเหมือนกัน

เค้าพร้อมจะเปิดใจรับเราเป็นเพื่อนเพิ่มสีสันเข้าไปในชีวิต

แม่ซูมีผัวและลูกสองคน

เค้าชอบเปิดบ้านรับเพื่อนที่แวะเวียนไปหาเค้านั่งกินกาแฟกันทั้งวัน

เมื่อไรที่ปัญหาทางครอบครัวผมจะหนักเข้า เรามักจะไปหาซูและระบายอารมย์ให้เค้ารับฟัง

ก็เรียกว่าเป็น safe house และกัน

ด้านงาน ซูเป็นหน่วยงานองค์กรสาธารณสุขที่ดูแลชาวบ้านระดับพื้นที่

ผัวเค้าชื่อ ไมค์ เป็นนักวิชาการที่มหาวิทยาลัย ที่เดียวกับที่ผมเรียนอยู่

เค้าอยู่ที่บ้านเก่าๆ ที่สร้างขึ้นมาใน ปี 1895 ในอำเภอร่ำรวยชื่อ Merivale

บ้านของนางซู ที่ Holly Road ธันวาคม 2019
ในช่วงฤดูร้อนเค้าชอบจัดงาน dinner ให้เพื่อนมานั่งร่วมสังสรรเฮฮากัน

เรามักจะไปช่วยเค้าจัดงานนั้น

เตรียมอาหารและจัดโต๊ะเสร็จ เราจะนั่งเป็นแขกร่วมด้วย

เห็นเรานั่งกินดินเนอร์กันในรูปข้างบนไหม

ผมนั่งคุยกับลูกสาวของเพื่อนซู อีกคนหนึ่ง ที่ยืนจับแก้วในด้านหลัง

ตอนแรกผมไม่กล้าพูดอะไรมากกับเพื่อนแฟนก็จริง

ผมขาดความมั่นใจตัวเอง

ถ้าผมเบื่อรับฟังผู้ใหญ่ที่โต๊ะบ้านซู ผมจะเอากีต้าร์ไปนั่งเล่นคนเดียวข้างนอก โดยหาจุดที่พระอาทิตย์ส่องแสงแดด

เราเปลี่ยนมุมหาที่รอบบ้านไปเรื่อย หาที่มีความอบอุ่นมากที่สุด

แต่เมื่อเวลาผ่านไป และผมโตขึ้น ผมก็มั่นใจตัวเองมากขึ้นด้วยจนคุยกับทุกคนได้แล้ว

เราเข้าสังคมกับ ไมค์และซู เป็นเวลา 15 ปี นานเท่ากับช่วงยาวนั้นที่เราคบเป็นแฟนนั้นเอง

พอลูกๆ ของเค้าโตแล้ว เค้าย้ายออกจากบ้านตามประสาฝรั่

จากนั้นไมค์และซูขายบ้านและใช้ชีวิตใหม่ที่บ้านคนชรา

ส่วนบ้านเก่าๆ สวยๆ นี้เราถือกันว่าเป็น second home สมัยนั้น ก็ถูกขายให้กับคนอื่นซะแล้ว

ในรูปนี้คือห้องที่เรา​ใช้จัดงาน dinner​ เมื่อหลายปีก่อนก็ปราศจากเฟอร์นิเจอร์แล้วเพราะเจ้าของกำลังขายบ้าน

เห็นรูปถัดลงมาในโพสต์มั้ย เป็นบ้านแม่ซูตอนธันวาคม 2019

มีมุมทั้งข้างนอก และ ข้างใน (ห้องที่เราเห็นปราศจากเฟอร์นิเจอร์แล้ว เป็นห้องเดียวที่เรานั่งกิน dinner กันในรูปแรกหลายปีก่อน)

ผมขาดการติดต่อกับไมค์และซูนานแล้ว

ไม่ได้คุยกันตั้งแต่ผมเลิกกับแฟนและบินไปเมืองไทย

เมื่อเราเลิกกันแล้ว เพื่อนเดิมๆ ของเชอวอน ที่รู้จักเค้าก่อนที่เราเริ่มคบกัน  ก็เลิกคบกับผมตามมาเช่นกัน

now, see here

No comments:

Post a Comment

เขียนเป็นไทยหรืออ้งกฤษก็ได้คับ Thai or English is fine...

โพส์ตเด่น

Mr Handsome returns

Mr Handsome เป็นผู้ชายไทยเกย์หนุ่มที่ เคยเขียนโพสต์ให้บล็อก Bangkok of the Mind หรือ BOTM2 (เป็นรุ่นพี่ของบล็อกฉบับนี้) เป็ นประจำหลายปีก่อน...

โพส์ตนิยม