Saturday, 30 September 2023

20plus club (Postscript 2)

แคปชั่นก๊อปจากเน็ต: บริเวณถนนรัชดาภิเษก ปี 1999
ถ่ายจากฟอร์จูน ทาวน์ สมัยยังมีห้างเยาฮันจากญี่ปุ่น
ก่อนจะเป็นโลตัสในปัจจุบัน ส่วนด้านขวาปัจจุบันเป็นเซ็นทรัลพระราม 9
ตึกอาร์เอสเห็นเด่นตั้งแต่ไกล
(แปลจาก จม มกราคม 2546)

เรียนผู้เกี่ยวข้อง

ขอแจ้งไว้ในฐานะผมเป็นหมอ และเป็นน้องชายของ คุณจอร์จ

ว่าพี่ผมได้รับการวินิจฉัยจากหมอเฉพาะทางว่าเป็น ออทิสติก ตั้งแต่เด็กนะครับ

และอาการที่เค้าแสดงออกตอนนั้น บางครั้งอาจจะยังแสดงออกตอนนี้ด้วย

เราหวังว่า จดหมายที่เราเขียนไว้นี้ จะช่วยพี่จอร์จให้ได้ใช้ชีวิตที่เมืองไทยได้สบายๆ นะครับ

คุณแม่และตัวผมช่วยกันเขียนใจความนี้ขึ้นมา

เราช่วยกันออกความเห็นว่าอาการของเค้าเป็นยังไง

คนจะได้เข้าใจเค้าให้มากขึ้น และไม่ต้องตกใจถ้าอาการของพี่ยังแสดงออกให้เห็นบ้าง

บางทีอาการพี่อาจจะดูแปลกๆ เหมือนคนที่โตมาแล้ว แต่ลืมตัวเอง ดันไปทำตัวเหมือนเด็ก

ไม่ต้องกังวลอะไรเลยนะคับ แค่เตือนใจพี่ไว้ และพี่จะปรับตัวได้เอง

กทม ปี 1997
ลักษณะพฤติกรรมที่พี่ผมแสดงออก ก็ธรรมดาสำหรับกลุ่มคนที่จัดอยู่ในกลุ่มออทิสติกสเปกตรัมหรือไม่ก็เป็นโรคแอสเพอร์เกอร์ (ซึ่งอาการคล้ายๆกัน)

ผมรับรองว่าจะไม่เจออะไรที่น่ากลัวเลยนะ

เพียงแต่ว่า บางคนที่ไม่รู้จักอาการอาจจะงงๆ

เมื่อพี่ได้เจอเสียงดังหรือพบคนที่ยัดเยียดหนาแน่นเข้า  พี่จะรู้สึกกลัว

เวลาเจอคนแปลกหน้า พี่จะแสดงตัวอึดอัดใจ ถอนตัวไม่ยอมพูดมาก

สมัยตอนเด็กพี่โดนพวกเด็กแกล้งเค้าเล่นๆ เพราะเค้าดูไม่ทันคน

แม่บอกว่าในเรื่องของทักษะการเคลื่อนไหวและควบคุมตัวเอง สมัยเด็ก พี่แทบช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย

เช่นเมื่อจะแต่งกายหรือทำอะไรที่ต้องใช้มือเยอะ เช่น กลัดและปลดกระดุม ใส่เข็มขัด และผูกเชือกรองเท้า แม่ต้องค่อยทำให้

พูดอย่างนี้เราไม่ได้ดูถูกพี่นะ แค่บอกให้ทราบเฉยๆ

นอกจากข้อบกพร่องในทักษะทางสังคม

พี่ยังชอบแสดงพฤติกรรมหมกหมุ่น

พี่ชอบใช้เวลาอยู่คนเดียว และเมื่อเจออะไรที่ชอบใจ ก็จะทำอย่างจดจ้อไม่สนใจเรื่องอื่น

เช่นเคยเล่นกีตาร์หนักแทบไม่ยอมปล่อยจากมือ ไปที่ไหนก็ต้องเล่นเหมือน Eric Clapton

คนที่แวะมาหาแม่ที่บ้าน และเจอพี่เข้า มักจะถามแม่ว่า ลูกเป็นอะไร

แม่เคยพาพี่ไปหาหมอที่เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเด็ก

หมอวินิจฉัยว่า พี่น่าจะเป็นเด็ก autistic นั้นเอง และแนะนำให้แม่ค่อยดูอาการต่อเนื่อง

พอโตมาเป็นวัยรุ่น พี่เกิดเป็นโรคซึมเศร้า เป็นอาการเกี่ยวโยงกับ autism ด้วย

มาถึงวัยยี่สิบกว่าปี พี่ก็เข้าออกโรงพยาบาลจิตเวช และบ้านพักคนชราใกล้บ้านเรา ไปพักสมองเป็นว่าเล่น

พี่มีปัญหาทางกายอีก คือกลั้นปัสสาวะไม่ค่อยอยู่ด้วย

พี่ต้องใส่แพมเพิร์สตลอดชีวิต

ผมชอบแกล้งพี่เรื่องนี้ ด้วยความสงสัยว่า พี่อาจจะควบคุมตัวเองให้ดีกว่านี้บ้าง แต่กลับชอบให้คนอื่นช่วย
 และเป็นจุดน่าสงสารในครอบครัว
กทม 1997


พี่ชอบอ้างว่า เค้ากลัวงูจะขึ้นมาทางท่อน้ำ เลยไม่ชอบนั่งส้วม

และพี่มีช่วงเวลาหลายปี ที่แทบจะไม่เข้าห้องน้ำเลย ชอบพึ่งใช้แพมเพิร์สอย่างเดียวเหมือนเด็กเล็ก

แต่แม่ห้ามเราพูดอะไรมาก กลัวว่าลูกจะโตมามีปมด้อย

แม่รู้สึกผิดที่พี่เกิดมาเป็นแบบนี้

หมอคนแรกที่แม่พาไปหา ให้แม่ถามตัวพี่ ก่อนเข้าวัยเรียน ว่าอยากใส่ต่อมั้ย  พี่เลือกใส่ต่ออย่างนั้น

พี่โชคดีหน่อยที่ รร เค้ามี่เพื่อนพิการอีกสองคนที่มีพยาบาล รร ค่อยดูแลร่วมกันเป็นแพ็ค ไม่อย่างนั้นคงโดนเด็กบูลลี่เยอะ

ผมหวังว่าปัญหานี้จะไม่เป็นอุปสรรคต่อชีวิตประจำของพี่ต่อไปนะ และพี่จะได้เจอแฟนที่เห็นใจเค้าด้วย

ปล มีบางครั้ง ถ้าอาการที่พี่แสดงหนักเข้า เค้าจะเกิดอาการหายใจเร็ว มือสั่น สำลักน้ำลาย ๆลๆ ที่คนสมัยนี้เรียกว่า โรคแพนิคหรือโรคตื่นตระหนก

จะมาแวบๆ แล้วก็ผ่านไปเร็ว

โชคดี

(ชื่อ)

มกราคม 2546

now, see here

Friday, 29 September 2023

20plus club (Postscript 1)

แคปชั่นก๊อปจากเน็ต:มาบุญครองในช่วงแรก ก่อนจะปรับปรุงเป็น MBK
Center ในปี 2000
สมัยตอนที่พึ่งมาเมืองไทยแรกและยังไม่ได้เจอกับแฟน  จิตใจผมยังกระวนกระวาย น่าจะเป็นอาการที่เอามาจากชีวิตเก่าที่ต่างประเทศ

ผมไปหาหมอที่ กทม

เค้าให้ผมไปนอนพักที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในหอผู้ป่วยจิตเวช

ผมก็พักแค่คืนเดี่ยว  จำชื่อ รพ ไม่ได้แล้ว

แต่จำได้ว่าทาง รพ จัดให้พยาบาลเฝ้าคนไข้ ห้องละ 3-4 คน

ค่อยนั่งเป็นเพื่อน

หลังเราตื่นนอนตอนเช้า หมอจะแวะมาคุยและให้ยาคุมอาการ

เสร็จแล้วนางสาวพยาบาลพาผมไปเช็คเอาท์เหมือนเราไปนอนพักโรงแรมเลย

ตอนที่รอจ่ายบิล ผมได้เห็นหนุ่มฝรั่ง เป็นผู้ป่วยเหมือนกัน แจกจดหมายอยู่

พอมาถึงตัวเราผมก็ถามเค้าว่า นี่คืออะไร

ฝรั่งคนนี้ชื่อ จอร์จ บอกว่าเป็นจดหมายจากครอบครัวเค้า ที่เราก็อปไว้เป็นหลายแผนกระดาษ

ทางครอบครัวฝาก จม ฉบับนี้ให้เค้า เอาไว้ควักออกมาโชว์พวกหมอหรือน้องพยาบาลเมื่อใดที่อาการป่วยทางจิตเค้ากำเริบขึ้น

จดหมายแจกนั้นแจ้งว่าอาการเค้าว่าเป็นยังไง

ทางครอบครัวเค้าเป็นห่วงว่า เมื่อเค้าป่วยขึ้น เค้าอาจจะสื่อสารกับคนอื่นไม่ชัด เค้าถึงเขียนจดหมายนี้เป็นเครื่องช่วยให้สื่อสารให้คนอื่นเข้าใจ

ผมเข้าใจดี แต่หลังอ่านใจความ อดคิดไม่ได้ว่า จ.ม นี้นั้นชั่งก้าวก่ายในเรื่องส่วนตัวของน้อง

น้องแจกจดหมายนี้ไปทั่ว ร่วมถึงมือคนที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย

เหมือนเค้าประชดและลงโทษตัวเองที่ต้องรับมือกับครอบครัวจุ้นจ้านแบบนี้

เพราะจริงๆแล้วไม่ต้องแจกให้ใครรับรู้ทั้งสิ้น

ครอบครัวเค้ายังอยู่ที่ประเทศบ้านเกิด เค้าจะมารับรู้เรื่องไหมว่าลูกจะแจกหรือไม่แจก

น้องเอาก๊อป จ.ม ไปแจกให้ทุกคนรับทราบ

เป็นวิธีการแสดงว่าตัวเองไม่พอใจ แต่ทำอะไรไม่ได้ ต้องทนรับอย่างเดียว

เรายังเก็บจดหมายนี้อยู่

เวอร์ชั่นเดิมเขียนเป็นอังกฤษแต่ผมขอเอามาแปลเป็นไทย

เค้าเขียนแบบนี้:

now, see here

20plus club (11)

YWCA, Sathon
หลังจากแยกทางกันเรียบร้อยแล้ว ผมรู้ข่าวทีหลังว่า เชอวอนได้ทำนัดไว้เพื่อบินไปแต่งงานกับ Hank ที่ america ต่อมาทั้งคู่บินกลับมาซื้อบ้านและทำมาหากินที่ New Zealand

อดีตแฟนกลับไปทำงานเป็นผู้ช่วยคลินิกหมอ จนกระทั่งออกเกษียณอายุในวัย 71ปี เมื่อสองปีที่แล้ว

ส่วน Hank จากเมื่อก่อนเป็นครูสอนพลศึกษาที่โรงเรียน ในรัฐจอร์เจียของสหรัฐอเมริกา (ถ้าผมจำไม่ผิด)

พอมาถึง Wellington ก็ปรับโฉมรับงานเป็นพนักงานที่ big box store

เมื่อหลายปีต่อมา เค้าก็เลิกทำงานนี้เพราะเป็นโรคซึมเศร้า (เชอวอนบอกผมในอีเมล)

และทำงานที่บ้านโดยผันตัวเองอีกทีมาเป็นนักเขียนลักษณะตีพิมพ์ผลงานตัวเอง

ซึ่งผลงานแรกก็เป็นหนังสือเล่มเล็กๆ เล่าเรื่องราวชีวิตแนวตลกในการปรับตัวเข้ากับชีวิตชาวกีวีที่ New Zealand

ต่อมาก็ผันตัวเองอีกทีมาเขียนในแนว sci fi

ผมพึ่งนึกถึงว่าตัว  Hank เป็นสมาชิกสโมสร 20-plus ที่ผมพูดถึงในหัวเรื่องนี้ได้เหมือนกัน

น่าจะถือโอกาสฉลองบ้าง

ไม่ใช่ฉลองในโอกาสได้เอาตัวรอดที่เมืองไทยอย่างผม

แต่ฉลองความจริงที่เขาสามารถอยู่รอดมาได้ 25 ปีในความสัมพันธ์กับอดีตคู่ของฉันที่มีเล่ห์เหลี่ยมเหลือเกิน

-
เปลี่ยนฉากกลับไปที่ กทม

ก่อนที่ผมจะมาถึง

ทางบริษัทที่จ้างผมเป็นนักข่าว

จองห้องพักไว้ให้ผมที่ YWCA แถวสาธร

ต่อมาเราต้องไปหาห้องเช้าของตัวเอง

ภายในสองอาทิตย์แรกผมได้เจอคนไทยเยอะมาก

เค้าดีใจที่จะได้รับรองฝรั่งอย่างผมที่เมืองไทย เหมือนเค้าไม่เคยเจอฝรั่งมาก่อน

ประสบการณ์ใหม่ๆ ที่เราอัดเข้าไปในเวลาอันสั้นๆ นั้น เต็มไปด้วยการเรียนรู้บนพื้นฐานความสุข

คนที่เราได้เจอกันในช่วงแรกนั้นมีดังนี้

เจ้าพระยา ปี 1997
1. ชาตรี หนุ่มพนักงานตอนรับที่ YWCA

เค้าพาผมไปกินข้าวมื้อกลางวันกับเพื่อนร่วมงาน นอกนั้นก็พาไปหาครอบครัวเค้าที่ ตจว และตอนกลางคืน ก็แอบดอดมาเล่นกีตาร์ในห้องผมจนถึงรุ่งเช้าเลย

2. เอก หนุ่มผู้ขับรถแท็กซี่ที่จอดประจำอยู่หน้า YWCA เป็นผู้ชายแท้แต่ชอบพาผมไปดูกะเทย cabaret ชื่อ Freeman แถวสีลม

3. เจย์ เป็นเพื่อนร่วมงาน ที่พาผมไปกินเหล้าไทยที่บาร์แถวสุขุมวิท

4. มิสเตอร์บี หนุ่มน้อยน่ารักที่ทำงานเป็นเด็กเสริฟร้านกาแฟที่ตึก YWCA นั้น และจนกลายมาเป็นแฟนสุดที่รักของผมในที่สุด

ถ้าเชอวอนขโมยช่วงเวลาวัยรุ่นของผมไปอย่างที่พ่อแม่ว่า ภายในไม่กี่อาทิตย์แรกที่เราได้เข้ามาสู่อ้อมกอดของเมืองไทย

เรารื้อฟื้น lost youth นั้นให้กลับคืนมาได้เลย

-
ทางออฟฟิศผม เสนอตัวจัดการเรื่อง visa และ work permit ให้

เค้าทำแบบนี้ให้กับฝรั่งที่เค้าจ้างเป็นพนักงานทุกคน

เรื่องของมิสเตอร์บีนั้น

ผมเห็นร้านนี้มิสเตอร์บีทำงานอยู่เป็นหลายวัน แต่ไม่กล้าเข้าไปนั่ง เพราะดูจากบรรยากาศว่าน่าจะแพง

แต่วันหนึ่ง ผมเผลอตัวเดินเข้าไปนั่งเลย คงหิวมากมั้ง

ที่นี้ผมได้เจอกับเจ้าของร้าน

เป็นหนุ่มไทยตัวสูงๆ ที่มีรูปร่างสมชื่อ มีชื่อเล่นว่า 'ไจแอน' ที่พ่อแม่ตั้งให้

กทม ปี 1997
ไจแอนพูดภาษาอังกฤษเป็นและจูงมือผมให้ไปได้รู้จักกับพนักงานของเค้า

ร่วมถึงนายบีตัวยิ้มสวยดูร่าเริงนิสัยดี

พอดีมิสเตอร์บีพึ่งมาอยู่ กทม เหมือนกันหลังเดินทางจากบ้านเกิดที่ จว ชลบุรี

ไจแอนบอก:

'ตอนนี้มิสเตอร์บีนอนพักที่บ้านผม  อยากให้เค้าย้ายเข้าไปห้องไมเคิลเป็นเพื่อนกันไหม เค้าจะได้สั่งข้าวอร่อยๆ ให้กิน และช่วยแก้เหงาในชีวิตประจำวันด้วย'

ผมตกลงไว้เพราะอยากมีเพื่อน

ต่อมามิสเตอร์บีย้ายเข้ามาเป็นเพื่อนร่วมห้องเรา

และเมื่อได้รู้จักกันและสนิทใจกันมากขึ้น เราตัดสินว่าจะออกไปหาห้องเช่าที่อื่นกัน

เป็นคนเดียวที่เรายังรักและเป็นคู่ใจจนถึงทุกวันนี้

ตอนนั้นแฟนใหม่เรา (มิสเตอร์บี) อายุแค่ 20 ต้นๆ และไม่เคยมาเที่ยว กทม มาก่อน

เราเลยได้เรียนรู้ กทม พร้อมไปด้วยกัน

เช่นในวันหยุด แฟนเรามิสเตอร์บีจะพาเราไปเที่ยวห้างเดินเล่น หรือนั่งเรือข้ามฝากดูวิวสวยๆ

และบางครั้งก็ซื้อตั๋วรถบัสนั่งกลับไปหาพวกญาติเค้าที่ชลบุรีด้วย

เรื่องของทรัพย์สินส่วนตัว ช่วงแรกคบกับเราไม่ค่อยมีอะไร แฟนทำงานที่ร้านกาแฟของพี่ไจแอน

ผมมีงานที่ นสพ นั้นแต่เงินเดือนรวมแล้วยังน้อยอยู่

วันนั้นที่บินมาถึงเมืองไทย ผมมีติดตัวมาแค่กระเป๋าเดินทางกับกีตาร์ตัวหนึ่ง แค่นั้น

มีเงินเก็บแต่ไม่เยอะ

สรุปแล้วเราต้องเริ่มสร้างชีวิตคู่จากรากฐานเปล่าๆแบบนี้จริงๆ

แฟนจัดหาห้องเช่าให้เราได้ที่ฝั่งธน ในตลาดเก่าๆ ชื่อ ตลาดพลู

และใช้ชีวิตร่วมกันของเรา ไทยผสมฝรั่งเริ่มต้นที่นั้นจริงๆ (อ่านได้ต่อที่นี้ เป็นภาษาอังกฤษ)

now, see here

โพส์ตเด่น

Blast from the past (part 1)

Jack's Point golf club, with the Remarkables range "คุณเคยมาที่นี่เมื่อก่อนนี้," ผู้จัดการร้านอาหารกล่าวอย่ างเป็นนัย ร้านอาหา...

โพส์ตนิยม