บ้านพักที่ บ้านพึ่งสุข สถานบำบัดรอบที่สอง |
ขอพูดถึงเรื่องบ้านพึ่งสุขได้อีกนิดหนึ่งจากเว็บเค้า
ดูจากรูปๆ โครงการบ้านพึ่งสุข
สถาบันจัดไว้อยู่ที่พื้นดินกว้างๆ ให้ดูคล้ายกับรีสอร์ทสไตล์ต่างจังหวัด
มีบ้านพักเล็กๆ มีจุดเด่นหลายจุดท่ามกลางสวนและต้นไม้สวยๆ จัดไปพร้อมกับสนามเล่นและสระน้ำอีกด้วย
เค้าอยากสร้างบรรยากาศให้สบายตาและชวนให้น้องๆคลายเครียด
-
เว็บบอกว่า น้องๆผู้เป็นสมาชิกต้องมาพร้อมใจแก้ไขนิสัยเสียๆ ตัวเอง
ตามกฏระเบียบสถาบันในช่วงแรก น้องๆ ไม่ค่อยมีสิทธิ์ในการอยู่ร่วมกับกลุ่ม
คล้ายกับว่าเด็กซนที่โดนพ่อแม่ลงโทษ ถ้าอยากได้สิทธิ์เดิมๆ กลับมา เค้าต้องปรับตัวให้ดีขึ้น
เช่น ในขั้นตอนแรกน้องๆต้องผ่านการปลดจากพี่เลี้ยงและรออีกหนึ่งเดือนถึงจะขอติดต่อกันได้
กฏอีกข้อบอกว่า เค้าต้องสามารถดูแลตัวเอง เช่นรักษาความสะอาดร่างกายและความเรียบร้อยในห้อง
รับคำสั่งและเป็นผู้ร่วมทีมที่ดีเป็นต้น
-
ถ้าเค้าทำตัวดี จะมาถึงขั้นตอนที่สองแล้วเค้าจะได้รับสิทธิ์ได้คุยกับผู้ปกครองทางโทรศัพท์ แล้วถ้าการพัฒนาตนให้ดีกว่านี้อีก จะได้รับสิทธิ์มากขึ้นต่อเนื่อง ร่วมทั้งได้ชวนผู้ปกรองมานอนค้างคืนที่สถาบัน และในช่วงสุดท้ายจะได้รับสิทธิ์พีคสุดก็คือได้กลับไปเยี่ยมบ้านเป็นวันเดียว
-
ผู้คุมจะค่อยสั่งสอนและเพิ่มกิจกรรมเชิงท้าทายให้ผู้เป็นสมาชิก จนเค้าสามารถรับน้องๆคนใหม่ในการดูแลตนได้ นอกนั้นน้องๆต้องเข้าประชุมกันบ่อยๆ เพื่อจะรับ feedback จากทีมผู้คุมและผู้เป็นสมาชิกอื่นด้วย
คือผู้เป็นสมาชิกเองจะคอยวิจารณ์นิสัยหรือการกระทำการเองในเชิงสร้างสรรค์ด้วย
ส่วนผู้ปกครอง เค้าจะได้รับเชิญเข้าการประชุมบ้าง และในช่วงสุดท้ายก่อนน้องจะกลับเข้าสังคม ผู้ปกครองจะได้รับเชิญมานั่งกับผู้คุมและน้อง เพื่อจะจัดวางแผนอนาคตให้น้องในความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ในการงานหรือเรียน ค้าใช้จ่าย และพัฒนาตัวน้องเองอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น
-
สถาบันอาจใช้เวลา 10-12 เดือนแบ่งเป็นสามเฟซหรือระยะยาว
ผมไม่รู้ว่าจะปรับระยะการอบรมให้เร็วขึ้นหรือช้าลงตามความพัฒนาของแต่ละคนผู้เป็นสมาชิกรึป่าว
หลังจากน้องจะกลับไปสู้สังคมและดำรงชีวิตอีกแล้ว ทางสถาบันจะคอยติดตามผลและความคืบหน้า
-
สรุปแล้ว น้องมีโอกาสสร้างตัวเป็นคนดีมากหน่อยแค่ไหน จะขึ้นอยู่กับว่าเค้าจะเรียนรู้อะไรบ้างและยอมใจเปลี่ยนตัวเองมั้ย ส่วนแม่ เค้าพร้อมรึยังที่ได้ใช้เวลากับลูกบ้างมั้ย
ไม่ต้องพาออกไปเที่ยวหรือวิ่งไล่ตามเวลาที่เสียไปก่อนหน้านี้หรอก
อดีตก็ผ่านไปแล้ว จะย้อนรอยกลับไปเจอมันอีกไม่ได้
แค่คุยกันดีๆ คุยกันบ่อยๆ และให้กำลังใจน้องด้วยก็พอ
แล้วพยายามนึกถึงลูกในแง่บวก ไม่ใช่แง่ลบ ได้มั้ย
ผมไม่อยากเห็นแม่กลับไปคิดเหมือนเมื่อก่อน
อย่าพึ่งสงสารตัวเองจนลูกจะกลายเป็นเด็กไม่น่ารักในมุมความคิดแม่
ตัวอย่างเช่น
หลายเดือนที่แล้ว แม่ไปหาพ่อเค้าที่ต่างจังหวัด
เค้าคงหยิบเรื่องธีร์ไปคุยกันนั้นแหละ
จากนั้นแม่ก็โพสคำแนะนำพ่อในเชิงว่า
ไม่ต้องพาออกไปเที่ยวหรือวิ่งไล่ตามเวลาที่เสียไปก่อนหน้านี้หรอก
อดีตก็ผ่านไปแล้ว จะย้อนรอยกลับไปเจอมันอีกไม่ได้
แค่คุยกันดีๆ คุยกันบ่อยๆ และให้กำลังใจน้องด้วยก็พอ
แล้วพยายามนึกถึงลูกในแง่บวก ไม่ใช่แง่ลบ ได้มั้ย
ผมไม่อยากเห็นแม่กลับไปคิดเหมือนเมื่อก่อน
อย่าพึ่งสงสารตัวเองจนลูกจะกลายเป็นเด็กไม่น่ารักในมุมความคิดแม่
ตัวอย่างเช่น
หลายเดือนที่แล้ว แม่ไปหาพ่อเค้าที่ต่างจังหวัด
เค้าคงหยิบเรื่องธีร์ไปคุยกันนั้นแหละ
จากนั้นแม่ก็โพสคำแนะนำพ่อในเชิงว่า
‘พ่อฉันบอกว่า เวรกรรมที่แม่สร้างไว้ ต้องไปตกอยู่กับน้องธีร์แทนแม่อ้าว จะไปหมกหมุ่นเรื่องเวรกรรมทำไมนะแม่ ไม่เห็นช่วยอะไรเลย แค่เอาครอบครัวไปรอดถึงฝั่งก็ยากอยู่แล้ว แต่โดยภาพรวมแล้วแม่มีท่าทางว่าจะทำต่อให้ลูกดีขึ้น
แม่ใจแข็งกร้าวเกินไป เวรกรรมนั้นกลัวไปหาแม่และไปโจมตีลูกแทน ซึ่งเป็นจุดอ่อนในครอบครัวเรา’
now, see here