Monday 18 November 2019

job at the 7-11, back to rehab (9)


แม่น้องอวดเสื่อยืดที่ทำสกรีนรูปหน้าเฟซตัวเอง

ภาพเดิมๆถ่ายไปที่โชคชัย ที่แม่เอาไปทำเสื้อสกรีน


นอกจากใช้เวลาเล่นวันละหลาย ช.ม นั้น
แม่ก็เน้นเอกลักษณ์เป็นคนอยากดังทางโซเชียลด้วยเอารูปหน้าเฟซส่วนตัว ซึ่งเป็นรูปตัวแม่พิงรถแทรกเตอร์ในรีสอร์ท แห่งหนึ่ง ประมาณนี้ ไปทำสกรีนเสื้อยืดไว้ และสวมใส่เสื้อยืดนี้ประจำถ้าจะออกไปข้างนอก เพื่อจะโปรโมทแบรนด์ตัวเอง
จะเอาเวลาเล่นขนาดนี้ที่ไหนว่ะ
-
แน่นอนอยู่แล้วถ้าจะเล่นหนักๆ ผู้คนสมาชิกในครอบครัวต้องเสียเปรียบ
เพราะแม่จะไม่ค่อยมีเวลาให้เค้า
เค้ามัวเอาเวลาลงทุนไปเล่นเฟซจนลูกๆ ต้องแย่งชิงกับเฟซเพื่อจะได้คุยกับแม่บ้าง
แม่คงแก้ตัวว่า เค้าใช้เฟซเป็นช่องทางทำมาหากิน เช่นขายเครื่องสำอาง ขายอาหาร ฯลฯ แต่บนพื้นที่นี้ แม่จะไปสู้กับพวก influencer และดาราที่ขายของพวกนี้ประจำตามเฟซได้ด้วยเหรอ ไม่น่าจะใช่ 
ค้าขายออนไลน์คงสู้กับการทำมาหากินแบบคนธรรมดาไม่ได้อยู่ดี
ในมุมมองผมการเล่นเฟซโดยหาคนมากดไลค์เยอะๆ ดูเหมือนเป็นวงจรปิดหรือเป็น echo chamber เลย สมมุติว่าแม่บอกว่า ฉันเก่ง
เสียงนั้นก็ไม่ทันกระจายออกที่ไหน แต่จะมีเสียงสะท้อนกลับมาว่า  ใช่แม่เก่งจริง' เพราะแฟนคลับเค้าต้องเห็นด้วยเหมือนหุ่นยนต์พูด
-
แต่ขอถามหน่อย
ถ้าแม่เก่งจริงทำไมลูกถึงเรียนจบไม่มีวุฒิการศึกษา
ถ้าเก่งจริงจะปล่อยให้ลูกติดยาได้ยังไง
ทำไมไม่ผลักตัวให้ลูกเค้าออกไปหางานทำบ้าง
แม่น่าจะรู้ความจริงว่าเค้าไม่เก่งหรอก 
ผมรู้จักครอบครัวๆ หนึ่งในซอยที่เก่งจริง
พ่อแม่เป็นคนทำงาน ไม่ไปเสียเวลาเล่นโซเชียลแต่ทำงานจริงๆ 
ลูกชายสองคนเป็นวัยรุ่นต่างเรียนดี ไม่เคยไปยุ่งกับยาเสพติดด้วย
เค้าเรียนพิเศษและทำกิจกรรมนอกโรงเรียนเกือบทุกวัน กลับบ้านดึกก็ยังทำการบ้านอีก
พ่อทำงานที่ท่าเรือ แม่ขายของ 
เค้าแยกทางไปแล้วโดยแม่ย้ายออกไปบ้านข้างนอกแต่เค้ายังโทรหาคุยกับลูกประจำ
พ่อกับลูกชายสองคน พักอาศัยอยู่กับญาติในซอยเป็นครอบครัวเล็กๆ และเพื่อนบ้านวุฒิ
บ้านไม่ห่างกันจากบ้านธีร์มาก แต่ลูกถูกเลี้ยงมาคนละรูปแบบกัน
ผมว่าครอบครัวนี้จะมีอนาคตรุ่งเรืองกว่า เพราะพ่อแม่เอาใจใส่ลูกและคุยกันรู้เรื่อง
รับหน้าที่เป็นเพื่อนลูก แต่พร้อมจะตีกรอบพฤติกรรมให้เค้าทำตามด้วย
พวกนี้แหละผมถือว่าเก่งจริง เพราะเค้ายอมรับว่าการเลี้ยงลูกต้องใช้เวลาและบางครั้งเป็นงานยาก แต่ไม่กลัวการลงมือทำและพร้อมที่จะสู้และเสียสละเพื่อลูกเสมอ
เค้าต้องเจอปัญหาบ้างเหมือนพ่อแม่ธรรมดา แต่ผมไม่เคยได้ยินคนในซอยพูดถึงตัวพ่อแม่หรือครอบครัวนี้ในแง่ลบ ไม่เหมือนแม่น้องธีร์ที่มีทั้งวัยรุ่นและผู้ใหญ่เตือนผมประจำว่า 'อย่าไปยุ่งกับเค้า'เพราะแม่ชอบใส่อารมณ์กับคนอื่นฟรีๆ และเลี้ยงน้องไม่ดี
-
เราต้องผ่านไปหลายอาทิตก่อนที่ผมได้เจอแม่อีกที่
เราเจอเค้าที่หน้าซอกโต๊ะแปด นั่งตรอมใจคิดอยู่ร่วมกับเพื่อนผู้หญิงอีกหลายคน
ผมขอโทษเค้าจากใจจริงเพราะรู้สึกผิดกับเหตุการณ์นั้น
'วันนั้นผมทำตัวเหี้ยจริงๆ ขอโทษนะแม่ ผมยังขอเป็นลูกสะใภ้แม่อย่างเหมือนเดิมผมบอกเค้า
แม่ยิ้มเบาๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร หน้าแม่ดูเศร้าๆ เหมือนคนคิดหนัก
วันถัดไปแม่ปล่อยบล๊อคผมทางเฟซ แสดงว่าเค้าให้อภัยผมแล้ว
จากนั้นอีกไม่กี่วัน
แม่โพสข้อความที่แสดงว่าตอนนี้แกคิดมากจริงๆ โพสนั้นเกี่ยวกับน้องธีร์นั้นเอง

now, see here

No comments:

Post a Comment

เขียนเป็นไทยหรืออ้งกฤษก็ได้คับ Thai or English is fine...

โพส์ตเด่น

20plus club (Postscript 3, final)

แคปชั่นก๊อปจากเน็ต: โรงพยาบาลตำรวจบริเวณสี่ แยกราชประสงค์ ปี พ.ศ. 2542 แจกเสร็จ น้องก็นั่งรอจ่ายบิลอยู่ข้างๆผม มือน้องสั่น เหงื่อออกเต็มหน้า...

โพส์ตนิยม