Monday 18 November 2019

job at the 7-11, back to rehab (11)

ธีร์ยืนอยู่ด้วยกับผู้รับการบำบัดคนอื่น
รูปนี้ เป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นหน้าธีร์ตั้งแต่เค้าไปรักษาตัว เมื่อเกือบสองเดือนก่อน
น้องยืนใกล้ชิดกับเพื่อนหนุ่มๆ ใส่หน้าไม่รับแขกเลย (เป็นรูปเดียวกันที่ธีร์จับคู่กับแม่ เจอกันที่นี่นะครับ)
มีหลายคนตอบโพสแม่ไปว่า หน้าธีร์ดูโหดๆ
ซึ่งแน่นอนอยู่แล้ว เค้าคงไม่แฮปปี้ที่ถูกกักตัวไว้ที่โน่นยาวนานโดยไม่มีโอกาสได้กลับเยี่ยมบ้าน
แม่เขียนแคปชั่นว่า
‘แววตาเอ็งร้ายได้ใคร หายป่วยไวๆ แม่สร้างโจทย์ไว้เยอะ  มึงอย่ายิ้มน๊า 55555’
-
เราแอบส่องเฟซแม่ไปเรื่อยถึงรู้ว่าในช่วงเดือนสิงหา เค้าเริ่มมีปัญหากับแฟนทอม
แม่แอบย้อนกลับไปลบทิ้งทุกโพสที่เกี่ยวกับทอมคนนี้
ซึ่งคงต้องใช้เวลาหน่อยเพราะสาวทั้งคู่นี้ ติดโซเชียลหนักไม่แพ้กัน เค้าโพสถึงกันตลอด
หลังจากทอมหายไปจากชีวิตแม่เป็นสักพักแล้ว
แม่เปลี่ยนข้อความที่หน้าเฟซ (สเตตัสตัวเองให้บอกว่า
ขอพบเจอแต่ความดี ไม่มีทุกข์
แม่บอก.. คิดใหม่ทำใหม่
รักใครไม่ได้อีกแล้วจะมีแค่ บี กับ พี่ธีร์
คือถ้าไม่มีแฟน จะมีเวลาว่างให้ลูกมากขึ้น
-
เวลาเลยไปถึง วันที่ 10 กันยา ก่อนแม่จะเขียนถึงธีร์อีกครั้ง
เมื่อแกเปิดเผยว่า ลูกรักษาตัวภายใต้โมเดลชื่อดังๆ ที่เค้าเรียกว่า ทีซี (TC - therapeutic community)
แม่เขียน
ระบบ TC ผู้บำบัด เดือดจริง
สงสารลูกนะแต่ต้องอดทน
ครั้งนี้ก็ไม่มีรูปประกอบ
แต่โพสนี้ เป็นครั้งแรกที่แกเปิดเผยรายละเอียดที่เกี่ยวกับแนวทางการบำบัดตัวของลูก 
สำหรับพวกเราที่เป็นห่วงน้อง ก็ถือว่าเป็นข่าวดี
ลูกโดนการบำบัดตัวแบบเดือดๆที่โน่นอะไรไม่รู้ แม่ไม่ได้อธิบาย
แต่ผมดีใจที่ได้รับข่าวนี้ เพราะโมเดล TC เน้นให้ผู้รับบำบัด ได้รู้จักความรับผิดชอบตัวเองและต่อสังคมด้วย
ซึ่งเป็นสิ่งที่น้องขาดไปในชีวิตและไม่มีใครสอนที่บ้านด้วย
แนวทางการบำบัดนี้คิดค้นและพัฒนาด้วยนักจิตแพทย์ฝรั่ง ชื่อ Maxwell Jones ซึ่งนำมาใช้กระบวนการนี้ครั้งแรกหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง เพื่อรักษาจิตใจทหารผ่านศึก ที่ประเทศอังกฤษ และ อเมริกาด้วย
เมื่อได้เห็นผลดีต่อผู้ป่วยทางจิตพวกนี้
สถานบำบัดทั่วโลกหยิบเอาวีธิการรักษาแนวนี้ ไปใช้กับผู้ป่วยหรือผู้ติดยาทั่วไป เพื่อจะช่วยเค้ากลับไปสู้สังคมอีกที
ตลอดจนทุกวันนี้โมเดลการบำบัดตัว TC ยังได้รับกระแสนิยมดีอยู่ทั่วไป

ผู้คิดค้น Maxwell Jones
จากนั้น ในวันที่ เดือนตุลา
แม่โพสรูปน้องจากที่โน่นอีก
ผิดไปจากรูปที่แล้วที่น้องดูหน้าดุๆ
ครั้งนี้น้องกลับยิ้มแย้มแจ่มใสดี จนแม่ประทับใจเขียนว่า
‘55555 #สไลท์ดูกลุ่มบ้านพึ่งสุข 
ตกใจ  เธอยิ้มเก่ง กับ 4 เดือนผ่านไป

now, see here

job at the 7-11, back to rehab (10)

แกโพสเหมือนไม่เอาธีร์เป็นลูกเสียแล้ว เอาแต่ลูกคนเล็ก
แม่ประกาศว่า
ใช้ความคิดคนเดียวเหนื่อยนะ
คนนึงเรียน คนนึงป่วย
มีลูกที่ดี ไม่ป่วย
มันก็ดีที่สุดแล้ว ได้คน เสียคน ชีวิต 35ปี ทนได้งัย
อ่านแล้วผมไม่พอใจอีก แม่จะทิ้งลูกตัวเองได้เหรอ สำหรับลูกตัวเล็กแม่มีแต่คำชม สำหรับตัวโต ไอ้ธีร์นั้น ก็ฟังเหมือนแม่ไม่อยากรู้จักแล้ว ครั้งนี้ผมไม่ได้พูดอะไรกับแม่หรอก แต่ระบายให้เพื่อนน้องฟัง คือน้องต้นนั้นเอง  ผมเขียนว่า:
'เค้าคิดหนักมั้ง จะไม่มีวันหรอกที่พ่อแม่ฝรั่งจิตปกติจะพูดถึงลูกตัวเองในแง่ลบแบบว่า ได้คนหนึ่งเสียคนหนึ่ง แล้วผมไม่รู้ว่าคำว่า ป่วย หมายถึงอะไร ถ้าธีร์เป็นโรคซึมเศร้าก็ไม่เห็นเป็นอะไรนิ รักษาได้อยู่
แต่ธีร์อาจจะมีอาการหนักกว่านั้นก็ได้ แม่ถึงจะซึมเศร้าขนาดนี้ พวกเราจะไม่รู้หรอกเพราะไม่ได้เจอเค้าเป็นนาน เราเจอตัวแม่เมื่อวันก่อน เค้านั่งเงียบไม่คุยกับใครเหมือนคนคิดมาก
แต่เป็นยังไงก็ช่าง แม่ต้องสู้เพื่อลูกอยู่ดี ไม่ใช่ปล่อยทิ้งแม่งไปเลยอย่างที่ทำไปเหมือนเมื่อก่อน
แม่ดูเหมือนสงสารตัวเองมากเกินไป'
น้องต้นเห็นด้วยกับผมและตอบว่า
'สงสารธีร์จริง'
แม่อาจจะเครียดเรื่องเงินที่ไปคิดว่าอยากลืมทิ้งลูกไปแบบนี้
ในช่วงต้นเดือนมิถุนาแม่โพสถึงค่าใช่จ่ายที่บ้าน
สรุปแล้วเค้าเป็นหนี้สูง
ผมรู้จากธีร์ก่อนหน้านี้ว่า แม่มีพี่สาวที่ค่อยเจือจุนช่วยครอบครัวด้วยทรัพย์สินเงินทอง
ผมไม่รู้ว่าพี่สาวนี้จะช่วยมากน้อยแค่ไหน
แต่รายการค่าใช้จ่ายที่แม่เผยให้ดูค่อนข้างสูง
แม่เขียนว่า:
คุณอายุ 35  คุณมีอะไร
มีหนี้สามแสน
ลูกป่วยเดือน 15,000
คนเล็ก 11,000 ดอกรายเดือน รายวัน บราๆ
จะไปต่อ  รึพอ  ก็คิดเอา

ข้อนั้นที่พูดถึงว่าลูกป่วย หมายถึงธีร์ และแสดงว่าแม่ออกค่ารักษาน้อง เดือนละ 15,000 บาท (ธีร์ไม่ได้รับการบำบัดตัวฟรีดังที่ไอ้เต๋าบอกกันวันนั้น เค้าไม่รู้อะไรเลย)
ส่วนที่แม่ทิ้งท้ายว่า จะไปต่อหรือพอ นั้น
ถ้าอยากเลิกเป็นแม่ ลูกจะทำยังไงนะจ๊ะ
แม่คงรู้เองว่าแกต้องทำหน้าที่การเป็นแม่ต่อไปนั้นเอง
ในช่วงนี้ผมยังตามรอยโซเชียลแม่ไปเรื่อยเพราะเราไม่มีข้อมูลจากคนอื่นที่บ่งบอกว่าาธีร์เป็นยังไง
ผมสนใจเฉพาะโพสที่เกี่ยวกับน้องนั้น ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็ต้องทนไว้อย่างเดียว
ครั้งต่อไปที่แม่พูดถึงธีร์ ก็เป็นในวาระวันเกิดเค้า วันที่ 20 กรกฏา
แม่โพสขึ้นรูปลูกสมัยเด็กน่ารักๆของเค้าให้ผู้ฟอลโล่ดู
พร้อมกับรูปปัจจุบันของน้องที่สถานบำบัดที่จังหวัดราชบุรี
ที่มีคนถ่ายไว้
ผมไม่แนใจว่าแม่ไปหาเค้ารึป่าว เพราะตัวแกไม่ได้ปรากฏกับลูกในรูปนั้น

now, see here

job at the 7-11, back to rehab (9)


แม่น้องอวดเสื่อยืดที่ทำสกรีนรูปหน้าเฟซตัวเอง

ภาพเดิมๆถ่ายไปที่โชคชัย ที่แม่เอาไปทำเสื้อสกรีน


นอกจากใช้เวลาเล่นวันละหลาย ช.ม นั้น
แม่ก็เน้นเอกลักษณ์เป็นคนอยากดังทางโซเชียลด้วยเอารูปหน้าเฟซส่วนตัว ซึ่งเป็นรูปตัวแม่พิงรถแทรกเตอร์ในรีสอร์ท แห่งหนึ่ง ประมาณนี้ ไปทำสกรีนเสื้อยืดไว้ และสวมใส่เสื้อยืดนี้ประจำถ้าจะออกไปข้างนอก เพื่อจะโปรโมทแบรนด์ตัวเอง
จะเอาเวลาเล่นขนาดนี้ที่ไหนว่ะ
-
แน่นอนอยู่แล้วถ้าจะเล่นหนักๆ ผู้คนสมาชิกในครอบครัวต้องเสียเปรียบ
เพราะแม่จะไม่ค่อยมีเวลาให้เค้า
เค้ามัวเอาเวลาลงทุนไปเล่นเฟซจนลูกๆ ต้องแย่งชิงกับเฟซเพื่อจะได้คุยกับแม่บ้าง
แม่คงแก้ตัวว่า เค้าใช้เฟซเป็นช่องทางทำมาหากิน เช่นขายเครื่องสำอาง ขายอาหาร ฯลฯ แต่บนพื้นที่นี้ แม่จะไปสู้กับพวก influencer และดาราที่ขายของพวกนี้ประจำตามเฟซได้ด้วยเหรอ ไม่น่าจะใช่ 
ค้าขายออนไลน์คงสู้กับการทำมาหากินแบบคนธรรมดาไม่ได้อยู่ดี
ในมุมมองผมการเล่นเฟซโดยหาคนมากดไลค์เยอะๆ ดูเหมือนเป็นวงจรปิดหรือเป็น echo chamber เลย สมมุติว่าแม่บอกว่า ฉันเก่ง
เสียงนั้นก็ไม่ทันกระจายออกที่ไหน แต่จะมีเสียงสะท้อนกลับมาว่า  ใช่แม่เก่งจริง' เพราะแฟนคลับเค้าต้องเห็นด้วยเหมือนหุ่นยนต์พูด
-
แต่ขอถามหน่อย
ถ้าแม่เก่งจริงทำไมลูกถึงเรียนจบไม่มีวุฒิการศึกษา
ถ้าเก่งจริงจะปล่อยให้ลูกติดยาได้ยังไง
ทำไมไม่ผลักตัวให้ลูกเค้าออกไปหางานทำบ้าง
แม่น่าจะรู้ความจริงว่าเค้าไม่เก่งหรอก 
ผมรู้จักครอบครัวๆ หนึ่งในซอยที่เก่งจริง
พ่อแม่เป็นคนทำงาน ไม่ไปเสียเวลาเล่นโซเชียลแต่ทำงานจริงๆ 
ลูกชายสองคนเป็นวัยรุ่นต่างเรียนดี ไม่เคยไปยุ่งกับยาเสพติดด้วย
เค้าเรียนพิเศษและทำกิจกรรมนอกโรงเรียนเกือบทุกวัน กลับบ้านดึกก็ยังทำการบ้านอีก
พ่อทำงานที่ท่าเรือ แม่ขายของ 
เค้าแยกทางไปแล้วโดยแม่ย้ายออกไปบ้านข้างนอกแต่เค้ายังโทรหาคุยกับลูกประจำ
พ่อกับลูกชายสองคน พักอาศัยอยู่กับญาติในซอยเป็นครอบครัวเล็กๆ และเพื่อนบ้านวุฒิ
บ้านไม่ห่างกันจากบ้านธีร์มาก แต่ลูกถูกเลี้ยงมาคนละรูปแบบกัน
ผมว่าครอบครัวนี้จะมีอนาคตรุ่งเรืองกว่า เพราะพ่อแม่เอาใจใส่ลูกและคุยกันรู้เรื่อง
รับหน้าที่เป็นเพื่อนลูก แต่พร้อมจะตีกรอบพฤติกรรมให้เค้าทำตามด้วย
พวกนี้แหละผมถือว่าเก่งจริง เพราะเค้ายอมรับว่าการเลี้ยงลูกต้องใช้เวลาและบางครั้งเป็นงานยาก แต่ไม่กลัวการลงมือทำและพร้อมที่จะสู้และเสียสละเพื่อลูกเสมอ
เค้าต้องเจอปัญหาบ้างเหมือนพ่อแม่ธรรมดา แต่ผมไม่เคยได้ยินคนในซอยพูดถึงตัวพ่อแม่หรือครอบครัวนี้ในแง่ลบ ไม่เหมือนแม่น้องธีร์ที่มีทั้งวัยรุ่นและผู้ใหญ่เตือนผมประจำว่า 'อย่าไปยุ่งกับเค้า'เพราะแม่ชอบใส่อารมณ์กับคนอื่นฟรีๆ และเลี้ยงน้องไม่ดี
-
เราต้องผ่านไปหลายอาทิตก่อนที่ผมได้เจอแม่อีกที่
เราเจอเค้าที่หน้าซอกโต๊ะแปด นั่งตรอมใจคิดอยู่ร่วมกับเพื่อนผู้หญิงอีกหลายคน
ผมขอโทษเค้าจากใจจริงเพราะรู้สึกผิดกับเหตุการณ์นั้น
'วันนั้นผมทำตัวเหี้ยจริงๆ ขอโทษนะแม่ ผมยังขอเป็นลูกสะใภ้แม่อย่างเหมือนเดิมผมบอกเค้า
แม่ยิ้มเบาๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร หน้าแม่ดูเศร้าๆ เหมือนคนคิดหนัก
วันถัดไปแม่ปล่อยบล๊อคผมทางเฟซ แสดงว่าเค้าให้อภัยผมแล้ว
จากนั้นอีกไม่กี่วัน
แม่โพสข้อความที่แสดงว่าตอนนี้แกคิดมากจริงๆ โพสนั้นเกี่ยวกับน้องธีร์นั้นเอง

now, see here

โพส์ตเด่น

20plus club (Postscript 3, final)

แคปชั่นก๊อปจากเน็ต: โรงพยาบาลตำรวจบริเวณสี่ แยกราชประสงค์ ปี พ.ศ. 2542 แจกเสร็จ น้องก็นั่งรอจ่ายบิลอยู่ข้างๆผม มือน้องสั่น เหงื่อออกเต็มหน้า...

โพส์ตนิยม