Saturday 30 September 2023

20plus club (Postscript 3, final)

แคปชั่นก๊อปจากเน็ต:โรงพยาบาลตำรวจบริเวณสี่แยกราชประสงค์ ปี พ.ศ. 2542

แจกเสร็จ น้องก็นั่งรอจ่ายบิลอยู่ข้างๆผม

มือน้องสั่น เหงื่อออกเต็มหน้า

ผมชวนเค้าคุย

'ทำไมถึงต้องแจก จม นี้ด้วย' ผมถาม

'ทางแม่และน้องให้แจกทุกครั้งที่เกิดป่วย' เค้าตอบ

เราคุยกันต่อดังกล่าวนี้:

'แกมาเที่ยวเมืองไทยเหรอ'

'มาหลายอาทิตย์แล้ว แต่เกิดป่วยสองครั้งแล้ว ต้องนอนที่ รพ เหมือนพี่'

'มาไทยเพื่อจะหนีครอบครัวใช่มั้ย'

'มาเที่ยวเฉยๆ ผมรู้ว่ามีอาการป่วยบ้าง แต่ไม่ชอบคนสอดแทรกยุ่งกับชีวิต'

ร่างกายน้องสั่นระริกทั้งตัว หน้าตาขุ่นมัวเหมือนพร้อมจะร้องไห้

ผมจับมือเค้าปลอบใจน้องเบาๆ

'ไม่เป็นอะไร ผมเคยมีปัญหากับครอบครัวเหมือนกัน' ผมบอก

'ผมจะถามแกถึงจดหมายได้มั้ย' ผมถามต่อ

เค้าพยักหน้า

'ทำไมถึงยอมให้น้องชายแก เขียนในลักษณะส่วนตัวขนาดนี้'

'ตอนแรกผมรู้สึกช็อคเหมือนกัน ผมให้เค้าแก้เนื้อความให้เบาลงหน่อยแต่น้องไม่ยอม

 'เราเลยตกลงว่า ถ้าเค้าจะเขียนแบบนี้ น้องเราต้องยอมรับด้วยว่า สมัยเด็กเค้าชอบแกล้งผมหนักกว่าเด็กที่โรงเรียนซะอีก'

พูดแล้วน้องถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ผมบอกต่อ:

'ไม่เป็นอะไรนะ อย่าคิดมากนะ เดี๋ยวแกจะรู้สึกดีขึ้น ต่อจากนี้ไม่ต้องแจกให้คนอื่นอ่านก็ได้'

น้องบอกว่า

'วันก่อนผมนั่งรถเมล์ เริ่มรู้สึกไม่ไหวเพราะคนแน่น มือเราหงิกแล้วสั่น พอผมขอให้ ผู้หญิงที่นั่งข้างๆ ยืนไปกดกริ่งให้ เค้ามองค้อนขวับใส่ผม ด้วยสายตาที่บอกว่า ขาเป็นง้อยเหรอ ทำไมไม่ลุกขึ้นทำเอง

'บางที่ผมอยากติดป้ายที่หน้าผากที่บอกทุกคนไว้ว่าผมเป็นคนเปราะบาง อาจจะควบคุมอาการไม่อยู่นิดหน่อยหรือทำอะไรไม่รู้ตัวบ้าง ขอให้ช่วยหน่อย'

ผมหัวเราะ ชอบข้อคิดนี้

'ถ้าจะเขียนจริงจะบอกอะไร' ผมถาม

'ผมเป็นออทิสติก ชอบคุย แต่กลัวงู' น้องตอบตลกแล้วก็ยิ้มจางๆ

จ่ายบิลเสร็จแล้ว เราแยกทางกันไป

เราไม่ได้เจอกันอีกเลยแต่ผมก็ยังนึกถึงน้องคนนี้อยู่บ้าง

จดหมายเค้าพาผมไปนึกถึงจดหมายที่พ่อส่งไปหา สมัยนั้นที่ผมยังคบกับแฟนเก่า และพ่อแม่ตั้งหน้าว่าจะไม่ชอบใจ

ครอบครัวเราอาจจะมีประสงค์ที่ดีจริงๆก็ได้

แต่บางครั้งการกระทำของเค้าอาจจะฝังลึกให้เจ็บถึงในหัวใจด้วย

ถ้าเป็นไปได้ เราต้องกำหนดจิต เพื่อความสบายใจของตัวเอง

จากเน็ต คำว่า กำหนดจิต คือ

การกำหนดจิตนี้หมายความว่า ให้ตั้งสติ เป็นวิธีปฏิบัติ สัมปชัญญะมีความรู้ตัวอยู่ตลอดปัจจุบัน อย่างนี้เป็นต้น อดีตไม่เอา อนาคตไม่เอา ให้เอาปัจจุบันที่มันเกิดขึ้น ให้ปฏิบัติอย่างนี้ โดยข้อปฏิบัติง่ายๆ ถ้าเสียใจ มีความทุกข์ใจมันอยู่ในข้อนี้ จึงต้องกำหนดที่ลิ้นปี่ เสียใจหนอๆ หายใจลึกๆ ยาวๆ เสียใจเรื่องอะไร เป็นการป้อนข้อมูล

จะเวิร์คไหม เราต้องลองดู

20plus club (Postscript 2)

แคปชั่นก๊อปจากเน็ต: บริเวณถนนรัชดาภิเษก ปี 2539
ถ่ายจากฟอร์จูน ทาวน์ สมัยยังมีห้างเยาฮันจากญี่ปุ่น
ก่อนจะเป็นโลตัสในปัจจุบัน ส่วนด้านขวาปัจจุบันเป็นเซ็นทรัลพระราม 9
ตึกอาร์เอสเห็นเด่นตั้งแต่ไกล

(แปลจาก จม มกราคม 2546)

เรียนผู้เกี่ยวข้อง

ขอแจ้งไว้ในฐานะผมเป็นหมอ และเป็นน้องชายของ คุณจอร์จ

ว่าพี่ผมได้รับการวินิจฉัยจากหมอเฉพาะทางว่าเป็น ออทิสติก ตั้งแต่เด็กนะครับ

และอาการที่เค้าแสดงออกตอนนั้น บางครั้งอาจจะยังแสดงออกตอนนี้ด้วย

เราหวังว่า จดหมายที่เราเขียนไว้นี้ จะช่วยพี่จอร์จให้ได้ใช้ชีวิตที่เมืองไทยได้สบายๆ นะครับ

คุณแม่และตัวผมช่วยกันเขียนใจความนี้ขึ้นมา

เราช่วยกันออกความเห็นว่าอาการของเค้าเป็นยังไง

คนจะได้เข้าใจเค้าให้มากขึ้น และไม่ต้องตกใจถ้าอาการของพี่ยังแสดงออกให้เห็นบ้าง

บางทีอาการพี่อาจจะดูแปลกๆ เหมือนคนที่โตมาแล้ว แต่ลืมตัวเอง ดันไปทำตัวเหมือนเด็ก

ไม่ต้องกังวลอะไรเลยนะคับ แค่เตือนใจพี่ไว้ และพี่จะปรับตัวได้เอง

ลักษณะพฤติกรรมที่พี่ผมแสดงออก ก็ธรรมดาสำหรับกลุ่มคนที่จัดอยู่ในกลุ่มออทิสติกสเปกตรัมหรือไม่ก็เป็นโรคแอสเพอร์เกอร์ (ซึ่งอาการคล้ายๆกัน)

ผมรับรองว่าจะไม่เจออะไรที่น่ากลัวเลยนะ

เพียงแต่ว่า บางคนที่ไม่รู้จักอาการอาจจะงงๆ

เมื่อพี่ได้เจอเสียงดังหรือพบคนที่ยัดเยียดหนาแน่นเข้า  พี่จะรู้สึกกลัว

เวลาเจอคนแปลกหน้า พี่จะแสดงตัวอึดอัดใจ ถอนตัวไม่ยอมพูดมาก

สมัยตอนเด็กพี่โดนพวกเด็กแกล้งเค้าเล่นๆ เพราะเค้าดูไม่ทันคน

แม่บอกว่าในเรื่องของทักษะการเคลื่อนไหวและควบคุมตัวเอง สมัยเด็ก พี่แทบช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย

เช่นเมื่อจะแต่งกายหรือทำอะไรที่ต้องใช้มือเยอะ เช่น กลัดและปลดกระดุม ใส่เข็มขัด และผูกเชือกรองเท้า แม่ต้องค่อยทำให้

พูดอย่างนี้เราไม่ได้ดูถูกพี่นะ แค่บอกให้ทราบเฉยๆ

นอกจากข้อบกพร่องในทักษะทางสังคม

พี่ยังชอบแสดงพฤติกรรมหมกหมุ่น

พี่ชอบใช้เวลาอยู่คนเดียว และเมื่อเจออะไรที่ชอบใจ ก็จะทำอย่างจดจ้อไม่สนใจเรื่องอื่น

เช่นเคยเล่นกีตาร์หนักแทบไม่ยอมปล่อยจากมือ ไปที่ไหนก็ต้องเล่นเหมือน Eric Clapton

คนที่แวะมาหาแม่ที่บ้าน และเจอพี่เข้า มักจะถามแม่ว่า ลูกเป็นอะไร

แม่เคยพาพี่ไปหาหมอที่เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเด็ก

หมอวินิจฉัยว่า พี่น่าจะเป็นเด็ก autistic นั้นเอง และแนะนำให้แม่ค่อยดูอาการต่อเนื่อง

พอโตมาเป็นวัยรุ่น พี่เกิดเป็นโรคซึมเศร้า เป็นอาการเกี่ยวโยงกับ autism ด้วย

มาถึงวัยยี่สิบกว่าปี พี่ก็เข้าออกโรงพยาบาลจิตเวช และบ้านพักคนชราใกล้บ้านเรา ไปพักสมองเป็นว่าเล่น

พี่มีปัญหาทางกายอีก คือกลั้นปัสสาวะไม่ค่อยอยู่ด้วย

พี่ต้องใส่แพมเพิร์สตลอดชีวิต

ผมชอบแกล้งพี่เรื่องนี้ ด้วยความสงสัยว่า พี่อาจจะควบคุมตัวเองให้ดีกว่านี้บ้าง แต่กลับชอบให้คนอื่นช่วย และเป็นจุดน่าสงสารในครอบครัว

พี่ชอบอ้างว่า เค้ากลัวงูจะขึ้นมาทางท่อน้ำ เลยไม่ชอบนั่งส้วม

และพี่มีช่วงเวลาหลายปี ที่แทบจะไม่เข้าห้องน้ำเลย ชอบพึ่งใช้แพมเพิร์สอย่างเดียวเหมือนเด็กเล็ก

แต่แม่ห้ามเราพูดอะไรมาก กลัวว่าลูกจะโตมามีปมด้อย

แม่รู้สึกผิดที่พี่เกิดมาเป็นแบบนี้

หมอคนแรกที่แม่พาไปหา ให้แม่ถามตัวพี่ ก่อนเข้าวัยเรียน ว่าอยากใส่ต่อมั้ย  พี่เลือกใส่ต่ออย่างนั้น

พี่โชคดีหน่อยที่ รร เค้ามี่เพื่อนพิการอีกสองคนที่มีพยาบาล รร ค่อยดูแลร่วมกันเป็นแพ็ค ไม่อย่างนั้นคงโดนเด็กบูลลี่เยอะ

ผมหวังว่าปัญหานี้จะไม่เป็นอุปสรรคต่อชีวิตประจำของพี่ต่อไปนะ และพี่จะได้เจอแฟนที่เห็นใจเค้าด้วย

ปล มีบางครั้ง ถ้าอาการที่พี่แสดงหนักเข้า เค้าจะเกิดอาการหายใจเร็ว มือสั่น สำลักน้ำลาย ๆลๆ ที่คนสมัยนี้เรียกว่า โรคแพนิคหรือโรคตื่นตระหนก

จะมาแวบๆ แล้วก็ผ่านไปเร็ว

โชคดี

(ชื่อ)

มกราคม 2546

now, see here

Friday 29 September 2023

20plus club (Postscript 1)

แคปชั่นก๊อปจากเน็ต:มาบุญครองในช่วงแรก ก่อนจะปรับปรุงเป็น MBK
Center ในปี 2543
สมัยตอนที่พึ่งมาเมืองไทยแรกและยังไม่ได้เจอกับแฟน  จิตใจผมยังกระวนกระวาย น่าจะเป็นอาการที่เอามาจากชีวิตเก่าที่ต่างประเทศ

ผมไปหาหมอที่ กทม

เค้าให้ผมไปนอนพักที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในหอผู้ป่วยจิตเวช

ผมก็พักแค่คืนเดี่ยว  จำชื่อ รพ ไม่ได้แล้ว

แต่จำได้ว่าทาง รพ จัดให้พยาบาลเฝ้าคนไข้ ห้องละ 3-4 คน

ค่อยนั่งเป็นเพื่อน

หลังเราตื่นนอนตอนเช้า หมอจะแวะมาคุยและให้ยาคุมอาการ

เสร็จแล้วนางสาวพยาบาลพาผมไปเช็คเอาท์เหมือนเราไปนอนพักโรงแรมเลย

ตอนที่รอจ่ายบิล ผมได้เห็นหนุ่มฝรั่ง เป็นผู้ป่วยเหมือนกัน แจกจดหมายอยู่

พอมาถึงตัวเราผมก็ถามเค้าว่า นี่คืออะไร

ฝรั่งคนนี้ชื่อ จอร์จ บอกว่าเป็นจดหมายจากครอบครัวเค้า ที่เราก็อปไว้เป็นหลายแผนกระดาษ

ทางครอบครัวฝาก จม ฉบับนี้ให้เค้า เอาไว้ควักออกมาโชว์พวกหมอหรือน้องพยาบาลเมื่อใดที่อาการป่วยทางจิตเค้ากำเริบขึ้น

จดหมายแจกนั้นแจ้งว่าอาการเค้าว่าเป็นยังไง

ทางครอบครัวเค้าเป็นห่วงว่า เมื่อเค้าป่วยขึ้น เค้าอาจจะสื่อสารกับคนอื่นไม่ชัด เค้าถึงเขียนจดหมายนี้เป็นเครื่องช่วยให้สื่อสารให้คนอื่นเข้าใจ

ผมเข้าใจดี แต่หลังอ่านใจความ อดคิดไม่ได้ว่า จ.ม นี้นั้นชั่งก้าวก่ายในเรื่องส่วนตัวของน้อง

น้องแจกจดหมายนี้ไปทั่ว ร่วมถึงมือคนที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย

เหมือนเค้าประชดและลงโทษตัวเองที่ต้องรับมือกับครอบครัวจุ้นจ้านแบบนี้

เพราะจริงๆแล้วไม่ต้องแจกให้ใครรับรู้ทั้งสิ้น

ครอบครัวเค้ายังอยู่ที่ประเทศบ้านเกิด เค้าจะมารับรู้เรื่องไหมว่าลูกจะแจกหรือไม่แจก

น้องเอาก๊อป จ.ม ไปแจกให้ทุกคนรับทราบ

เป็นวิธีการแสดงว่าตัวเองไม่พอใจ แต่ทำอะไรไม่ได้ ต้องทนรับอย่างเดียว

เรายังเก็บจดหมายนี้อยู่

เวอร์ชั่นเดิมเขียนเป็นอังกฤษแต่ผมขอเอามาแปลเป็นไทย

เค้าเขียนแบบนี้:

now, see here

โพส์ตเด่น

20plus club (Postscript 3, final)

แคปชั่นก๊อปจากเน็ต: โรงพยาบาลตำรวจบริเวณสี่ แยกราชประสงค์ ปี พ.ศ. 2542 แจกเสร็จ น้องก็นั่งรอจ่ายบิลอยู่ข้างๆผม มือน้องสั่น เหงื่อออกเต็มหน้า...

โพส์ตนิยม